4 มิถุนายน 2552 15:11 น.
เอื้องคำ
เหม่อมองฟ้าอากาศประหลาดจิต
เจ้ามิคิดเห็นใจให้สงสาร
มืดมิดมองหมองหม่นบนวิมาน
ดังอาการข้าเจ็บเหน็บกินใจ
มิมีคู่ดูหรือคือตัวข้า
ตั้งหลายคราคนรักเขาผลักไส
จำทนเหงาเปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวใจ
มิมีใครให้ห่วงในทรวงตรม
จึงจำทนบนทางเปลี่ยวเที่ยวเดินท่อง
ตามครรลองคนเหงาเศร้าใจสม
มิเคืองเจ้าเราเจ็บเก็บอารมณ์
ถึงอกตรมระทมหนักจักยินยอม
ปลีกวิเวกมาอยู่ผู้โดดเดี่ยว
เพียงเดี๋ยวเดียวทุกข์หนักจักหล่อหลอม
สงบจิตคิดตกอกออมชอม
ก็พรักพร้อมน้อมฝ่าชะตากรรม
กระท่อมสูงอยู่บนต้นไม้ใหญ่
ห่างยุงเหลือบริ้นไรได้ขย้ำ
ข้าเห็นนกบินเล่นเป็นประจำ
จนเย็นย่ำค่ำมาจึงลาจร
สกุณามาร้องทักที่พักข้า
อรุณฟ้าเวลารุ่งเก็บมุ้งหมอน
มิลืมตัวเพราะกลัวหล่นลงบนดอน
บ้านที่นอนอยู่สูงมากจากพื้นดิน
เห็นสุขดิบระยิบไปในสังขาร
ธาตุวิญญาณได้ยินอยู่ยังรู้สิ้น
อารมณ์พุ่งพล่านพาเป็นอาจิณ
ต้องตัดสินด้วยสติมิฟุ้งซ่าน
จึงเอาสีดำทาให้หน้านิ่ง
มิไหวติงสิ่งกระทบได้พบผ่าน
จะประกอบกิจใดในการงาน
มองวิญญาณของเราดูอยู่ข้างใน
ยามว่างวันประพันธ์เพลงบรรเลงเล่น
พอตกเย็นนั่งชมฟ้านภาใส
เม้าท์ออแกนกับกีต้าร์ภาษาใจ
บรรเลงได้หลายอารมณ์สมใจปอง
มีห้องซ้อมของข้าหน้าห้องน้ำ
หลายคนถามทำไมอยู่ในที่หมอง
จึงตอบว่าห้องน้ำข้าเสียงกึกก้อง
ได้ร่ำร้องทำนองฟังดังสุนทรีย์
ทางชีวิตลิขิตไว้ใกล้กิเลส
มันเป็นเหตุให้ตัวข้ามาหมองศรี
ข้าเข้าป่าฆ่ากิเลสทุเรศมี
เป็นวิธีเพื่อกำราบช่วยปราบปราม...
http://www.tvburabha.com/tvb/playoldprogram/programold_playflv.asp?flv_id=51&flv_program_id=1
25 พฤษภาคม 2552 17:39 น.
เอื้องคำ
เห็นรอยยิ้มฉันไหมเต็มใบหน้า
ฉันยิ้มร่ารอเธอแม้เจอฝน
ฟ้าสว่างเลือนลางหรือมืดมน
กี่แดดฝนฉันรอทนเพื่อพบเธอ
เธอเหนื่อยไหมนักเดินทางระหว่างฝัน
ขอให้ฉันได้ปลอบขวัญยามพลั้งเผลอ
ฉันยิ้มหวานบานรับให้กับเธอ
เพียงพบเจอเป็นขวัญกำลังใจ
เมล็ดฉันหวานนะเออถ้าเธอหิว
ฉันมิยอมโปรยปลิวไปแห่งไหน
ก็ฉันอยากมอบให้กับเธอไง
คว้าฝันใฝ่ให้ได้รับอยู่กับมือ
ฉันคงยิ้มสวยใสไม่นานนัก
แล้วเธอจักทิ้งห่างอย่างนั้นหรือ
เก็บเมล็ดฉันไปให้เต็มมือ
ฉันจะถือว่าฉันมีค่านัก
ฉันมิเคยเดินทางอย่างเธอหรอก
ลำต้นดอกถูกยึดไว้หยั่งรากปัก
ร่มก็ไม่สูงพอให้พิงพัก
เพื่อได้ยิ้มทายทักให้กับเธอ
เธอคงต้องเดินทางห่างไกลแล้ว
ฉันใจแป้วมิมีคำนำเสนอ
ฉันยังรอยิ้มรับให้กับเธอ
อยู่เสมอไม่ไกลเกิน...นักเดินทาง
21 พฤษภาคม 2552 14:20 น.
เอื้องคำ
แว่วเพลงหวานกังวานใสในสำเหนียก
ร่ำร้องเรียกเพรียกเพ้อละเมอหา
ส่งสำเนียงเสียงแผ่วพลิ้วลอยลิ่วมา
ดั่งมนต์ตราฟ้ารำพันกำนัลใจ
นัยเนื้อเพลงบรรเลงหวานปานน้ำผึ้ง
ฟังครั้งหนึ่งตรึงจิตแท้แม้หลับใหล
ทำนองเศร้าเคล้าประสานซ่านทรวงใน
จับจิตใจให้อิ่มเอมเปรมปรีดา
แม้นเหนื่อยมาคราฟังคล้ายได้หายเหนื่อย
บรรเทาเมื่อยเรื่อยเรื่อยฟังยังหรรษา
ถึงทุกเศร้าร้าวระทมตรมอุรา
เพลงแว่วมาพาจิตชื้นชื่นฉ่ำใจ
ดนตรีรับขับขานประสานเสียง
สอดสำเนียงเลี่ยงแล้วรับกระชับไหว
สูงต่ำล้อลูกคอเลื่อนเอื้อนความนัย
ยิ่งหวั่นไหวใจวาบหวามเมื่อยามยิน
ดังบทเพลงแห่งสวรรค์มาปั้นแต่ง
เกิดเป็นแหล่งทิพย์แท้กระแสสินธุ์
ประโลมใจไหลมาสายวารินทร์
จากแดนดินถิ่มฉิมพลีเมืองวิมาน
คีตะการสะท้านใจให้ไหวหวั่น
ด้วยเชิงชั้นรำพันพริ้งยิ่งหอมหวาน
เป็นโอสถรสประเสริฐเลิศมานาน
ตั้งแต่กาลผ่านแต่ไหนแต่ไรมา...
13 พฤษภาคม 2552 14:26 น.
เอื้องคำ
หางนกยูงสวยดีสีใสสด
แดงหมดจดเหลืองอร่ามงามสดใส
ใบเจ้าร่วงหล่นลงลานเพ่นพ่านไป
คงเหลือไว้เพียงดอกพุ่มดูนุ่มนวล
ยามมีฝนด้วยต้นใหญ่มิไหวหวั่น
ฟ้าป่วนปั่นพลันระทมด้วยลมหวน
ถึงกิ่งก้านโซเซมิเรรวน
เจ้าเย้ายวนทวนลมฟ้าเริงร่าใจ
ยามร้อนแล้งแห้งเหือดมิเดือดร้อน
มีร่มเงาพักผ่อนนอนหลับใหล
จึงเจิดแจ่มแช่มชื่นร่มรื่นใจ
เพราะใบเจ้าบังไว้ร่มใบบัง
คือดอกไม้ประจำใจในวัยเยาว์
คอยเด็ดเจ้ามาผลัดตีตั้งกี่ครั้ง
ตีดอกตูมตั้งหลายหนเจ้าทนจัง
หนำซ้ำยังมีชัยได้ตั้งหลายครา
เคยเก็บเจ้าสื่อแทนใจให้ยอดจิต
เธอยิ่งพิศยิ่งพร่ำเพ้อละเมอหา
ทั้งแดงเหลืองเรืองรองผ่องโสภา
เป็นดอกไม้มากคุณค่า...ยอดมาลี
5 พฤษภาคม 2552 09:16 น.
เอื้องคำ
นวลเอยอกพี่ช้ำ..............ลำเค็ญ
ฝืนข่มจิตยากเย็น....................ยิ่งกลั้น
สุมทุมพุ่มเรียมเห็น..................เป็นแม่ นางเดียว
คือหนึ่งในอกนั้น......................ห่อนให้ นางใด
นกเขาคูกู่ร้อง.................เสียงใส
เสียงหนึ่งเพรียกภายใน...........ซ่อนเร้น
เพรียกเสียงร่ำหาใคร...............หมองหม่น สกุณา
สายบ่ายมิวายเว้น.....................กรีดร้าว ใจเรียม
ฑิฆัมพรอ่อนล้า...............โรยแรง
ทอผ่านเมฆเหลืองแดง.............ป่นเศร้า
อาทิตย์ห่างจางแสง...................ยามรุ่ง คืนจร
นวลห่างเรียมเรียมร้าว.............บ่ย้อน คืนรัง
สงัดดึกยามหนึ่งนั้น..........เงียบงัน จริงเฮย
เรียมจึ่งวอนดวงจันทร์...............กล่อมให้
จันทร์ยังบ่กำนัล........................ลอยเด่น แลไกล
เพียงฝ่ามือลูบไล้.......................แผ่นน้ำ เงาจันทร์