30 กรกฎาคม 2552 10:52 น.
เอื้องคำ
ชานชาลาแห่งนี้ปีเก่าก่อน
ข้าอาวรณ์อ่อนไหวใจห่วงหา
ยิ่งรันทดจดจำคำสัญญา
จะหวนมาคืนถิ่นวันสิ้นเทอม
โอ้ชุมทางเขาชุมทองดูหมองหม่น
หาหน้ามนจนสิ้นขวัญอกสั่นเทิ้ม
ยังรอเจ้าตรงนี้อยู่ที่เดิม
จนคืนเพิ่มเติมวันคำสัญญา
เสียงหวูดร้องก้องมาน้ำตาร่วง
โอ้พุ่มพวงพี่หลวงยังห่วงหา
เจ้ารู้ไหมใครระทมตรมอุรา
ชลนานองเนตรนึกเหตุการณ์
รถไฟจากชานชาลาคราเย็นย่ำ
ข้าระกำแก้วตาคงมิสงสาร
คงมิมีวันนั้นเหมือนวันวาน
ครั้งชื่นบานหวานฉ่ำทุกค่ำคืน
กระท่อมน้อยปลายนาข้านอนเศร้า
โอ้ความเหงาเร้ารัดสุดขัดขืน
ฝนตกมาข้าชอกช้ำจำกล้ำกลืน
ขาดขวัญยืนยื่นความหวังกำลังใจ
คงลืมแล้วแก้วตาจึงลาลับ
รักมอดดับกลับสลดมิสดใส
เพราะคืนวันผันเปลี่ยนหมุนเวียนไป
แต่หัวใจข้ายังมั่น...คำสัญญา
17 กรกฎาคม 2552 15:14 น.
เอื้องคำ
ฟ้าโปรยฝนหล่นมาในหน้านี้
ปฐพีสีแดงแห้งระแหง
ดินแข็งเขรอะเกรอะกรังครั้งหน้าแล้ง
กลับเปลี่ยนแปลงเป็นแอ่งหนองคลองคูบึง
ทุ่งท้องนาหน้าฝนท่วมท้นน้ำ
ไหลล่วงล้ำทุกลำบางย่างกรายถึง
เขียดในหนองร้องประชันกันอื้ออึง
สงัดหนึ่งรำพึงพร่ำเป็นทำนอง
มองต้นกล้าในนาข้าวเช้าฉ่ำฝน
หยาดยิ้มปนบนแก้มปลั่งไปทั้งสอง
กล้าชอุ่มดินชุ่มฉ่ำน้ำปริ่มคลอง
ทั้งในท้องร่องนาน้ำท่าดี
จึงก่อไฟในเตาให้เร่าร้อน
นึ่งข้าวเหนียวจนนุ่มอ่อนไฟร้อนหรี่
หยิบเนื้อเค็มเต็มตะกร้าใต้ฝาชี
มาย่างจี่เป็นเสบียงตอนเที่ยงวัน
ออกเดินหน้าฝ่าทุ่งมุ่งแปลงกล้า
ค่อยถอนมากล้ายิ้มรับไปกับฉัน
ตัดยอดออกเอาตอกมัดรัดพันกัน
จนเที่ยงวันหันพักกายคลายเมื่อยตัว
เปิปข้าวเหนียวเคี้ยวชิมลิ้มรสหวาน
ใต้ต้นตาลใบบานชิดปกปิดหัว
มีเนื้อย่างถึงอย่างไรไม่หมองมัว
ไว้ติดตัวมิกลัวอดรันทดใจ
ปักกอกล้าลงนาข้าวคราวบ่ายคล้อย
หยาดเหงื่อย้อยเป็นรอยหยดรดรินไหล
ยังปักกล้าในนาปีนี้ร่ำไป
จนเหงื่อไคลใกล้กลายคล้ายสีโคลน
ฝนอย่าแล้งแห้งเหือดให้เดือดร้อน
จงตกผ่อนวอนฟ้าอย่าผาดโผน
น้ำอย่านองล่องไหลให้อ่อนโยน
ลมอย่าโค่นหักข้าวให้ร้าวรวง
10 กรกฎาคม 2552 14:58 น.
เอื้องคำ
รักละมุนอุ่นอิ่มนิ่มในอก
รักมาตกลงในดวงใจฉัน
รักแช่มชื่นคืนฉ่ำล้ำชีวัน
รักดวงตาคู่นั้นมั่นจริงจริง
ฉันรอวันรักบานมานานนัก
ฉันรอรักหอมกรุ่นอุ่นกายผิง
ฉันรอวันใดรักมาพักพิง
ฉันจะแนบแอบอิงนิ่งในใจ
นั้นคือการรอคอยมิลอยคอ
นั้นคือฝันฉันทอจนสดใส
นั้นคือรักหนึ่งเดียวมิเกี่ยวใคร
นั้นคือใจของฉันฝันถึงเธอ
เพื่อเติมต่อพอเพียงเลี้ยงรสรัก
เพื่อตวงตักกำลังใจให้สุขเสมอ
เพื่อตอกย้ำคำมั่นวันพบเจอ
เพื่อบอกว่ารักเธอมิเสื่อมคลาย
เธอจงรอขอวอนก่อนยอดรัก
เธออย่าหักจิตลี้คิดหนีหาย
เธอคือหนึ่งรักนี้ของพี่ชาย
เธอคือหมายสมปองของหัวใจ
29 มิถุนายน 2552 15:33 น.
เอื้องคำ
เห็นความรักบ้างไหมอยู่ในนี้
เต็มฤดีเปี่ยมในดวงใจฉัน
บานเอิบอิ่มยิ้มชื่นทุกคืนวัน
มีเพียงกันและกันมั่นในใจ
มีท้องฟ้านภากาศให้วาดฝัน
เวหานั้นสีครามงามสดใส
ให้เธอวาดต่อเติมเสริมสายใย
มีเอาไว้ให้พธูเพียงผู้เดียว
บนถนนสายยาวให้ก้าวย่าง
เป็นเส้นทางสงบดีด้วยสีเขียว
ให้ก้าวเดินเพลินฝันมั่นกลมเกลียว
ได้ท่องเที่ยวเกี่ยวเก็บเหน็บนำมา
เส้นทางฝันวันหวานลำธารรัก
ไหลประจักษ์ทุกฤดูจากภูผา
ผ่านทางเลี้ยวเคี้ยวคดจรดพนา
เป็นธาราเย็นล้ำชื่นฉ่ำทรวง
มีแดดเรืองประเทืองแสงมิแรงมาก
ส่องมาจากแดนสวรรค์ในชั้นสรวง
เป็นสีทองผ่องใสให้แดดวง
สุรีย์ล่วงอุ่นระคนวิมลวรรณ
คือถนนสายนี้ที่ฉันสร้าง
เป็นเส้นทางก้าวไปตามใจฝัน
แดดมิจ้าฟ้ามิโกรธพิโรธกัน
เพื่อกำนัลมอบรักแท้...ให้แด่เธอ
9 มิถุนายน 2552 16:18 น.
เอื้องคำ
ฟ้าสว่างกลางไพรในหุบเขา
พนาเนาว์เสาวคนธ์ปนฉ่ำชื้น
แสงสลับดับไปในค่ำคืน
กลับมาฟื้นตื่นตาคราอรุณ
จึงปรากฎตรงหน้าภูผาใหญ่
ถูกล้อมไว้ด้วยหมอกหนามาเกื้อหนุน
ดูเคลียคลอล้อกันมั่นละมุน
ยิ่งอบอุ่นคุ้นตาพนาไพร
ไก่ป่าขันพลันฟังดังเจื้อยแจ้ว
อรุณแพร้วแนวฟ้านภาใส
แสนเสนาะเพราะพริ้งยิ่งเสียงใด
แล้วจากไกลหากินตามถิ่นทาง
ดอกไม้ป่าร่าเริงบันเทิงยิ้ม
กลีบอวบอิ่มปริ่มน้ำยามรุ่งสาง
มาลีหอมถูกดอมดมด้วยลมบาง
หอมมิจางหอมร่ำประจำไพร
น้ำไหลเอื่อยเรื่อยรินยินเสียงน้ำ
เจ้ากล่อมย้ำซ้ำหวานลำธารไหล
เห็นหมู่ปลาแหวกว่ายกระจายไป
มัจฉาไล่เล่นซนในชลธี
กอไผ่รกปรกป่าดูหนาทึบ
ลมพัดพรึบกอไผ่ล้อคลอเสียดสี
เสียงนั้นแว่วแผ่วฟังดังดนตรี
เจ้าเปรมปรีด์จึงโอนอ่อนผ่อมตามลม
อรุณรุ่งจรุงฟ้าในป่ากว้าง
ยังมิจางห่างหายคลายสุขสม
จึงบรรเจิดเพริศพริ้มอิ่มอารมณ์
ช่างชวนชมชื่นฉ่ำล้ำอุรา