21 มีนาคม 2546 18:58 น.
เหรียญบาท
เช้าวันธรรมดา ๆ วันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังจะหยิบใบฝากเงินใบสุดท้ายจากโต๊ะของธนาคาร ก็มีมือเล็ก ๆ มือหนึ่งมาจับใบนั้นพร้อม ๆ กับผม ผมเองก็ไม่คิดว่ามือสวย ๆ ข้างนั้นจะเป็นของคนที่เปลี่ยนชีวิตผมไปทั้งชีวิตนับจากนี้
นี่นายจะไม่ให้สุภาพสตรีหน่อยเหรอ เคยได้ยินมะ LADY FIRST น่ะ หญิงสาวผมตรงยาวประบ่า สูงประมาณไหล่ผมพูดด้วยสีหน้าอมยิ้มที่ดูน่ารักแต่ผมคงจะรักไม่ได้ เพราะ ผมมีแฟนแล้วนี่นะ ขอโทษครับ ผมพูดด้วยท่าทีปนโมโหเล็ก แต่เด็กคนนี้ใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนคุณหนูซะด้วยคงไม่เคยมีใครขัดใจล่ะสิ ดีล่ะ ผมคิด แล้วทันใดนั้นผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าดึงใบฝากเงินนั้นมาแล้วก็เขียนชื่อตัวเองลงไปโดยไม่สนเธอ ผมยังตกใจกับการกระทำอันไร้มารยาทของตนเองอยู่เลยครับ เธอก็คงอึ้งเหมือนกันที่กล้ามีคนมาขัดใจเธอ อ๋อ...อยู่ มหาลัยนี้เองหรอ เธอสังเกตเห็นที่อยู่บนใบฝากเงินของผมเพราะเป็นหอพักในของมหาลัย ผมไม่ตอบแต่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เจ้าหล่อนดันรู้เรื่องของผมซะแล้ว
เรียบร้อยค่ะ เสียงพนักงานธนาคารสาวสวยบอก เมื่อธุระเสร็จแล้วผมจึงกลับไปที่หอเพื่อทำธุระส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วผมก็คิดว่าอยากจะไปหาอะไรกินสักหน่อย แต่ข้างล่างที่นี่เองที่ผมต้องเจอกับสิ่งที่ผมจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต ดีจังเลย เต้ อืม..สนุกดีนะไปกะเต้แล้ว ดาว ชอบนะไม่เหมือนไปกะ ธีร์ รายนั้นนะเข้าโรงหนังเป็นหลับน่าเบื่อจะตาย เสียงใส ๆ ที่คุ้นหูเหมือนเป็นเสียงของคนที่เราคิดว่ารู้ใจที่สุด ดังเอื่อย ๆ มาจากหน้าหินข้างหน้าผมที่ มีคนหนุ่มสาวนั้นโอบกันอยู่
เหรอครับ....งั้นเต้จะมารับดาวบ่อย ๆ นะ ชายหนุ่มนั้น บอกกับเธอ ไม่ได้หรอกเรายังไม่เลิกกะ ธีร์ เลยนะ..ยังไงเราก็ได้ชื่อว่าเป็นแฟนธีร์อยู่นะ งั้นก็เลิกกับมันซะสิครับ แหมจะให้ทำงั้นได้ไง สงสารธีร์น่ะ ผมแทบทนไม่ได้ที่ได้ยินผู้หญิงที่ผมรักพูดออกมาอย่างงี้ ภาพเก่าที่เราเคยทำด้วยกันเริ่มหมุนคว้างในหัวผม ผมจึงรู้สึกว่าตัวเองโมโหมาก งั้นก็เลิกกันเถอะดาว เฮ้ย !! นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย โอ้ย...อีกแล้วครับที่ผมทำอะไรโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างงี้ ธีร์ !! ดาว...เอ่อ.อ.อ..นี่ เต้ เพื่อนดาวนะ เหรอ ! ผมคิดในใจ มึงจะเลิกกะดาวก็ได้นะ เดี๋ยวกูดูแลต่อเอง เรื่องของมึงเถอะ....กูไม่สน ผมพูดไปได้ไงทั้งที่ผมแคร์ดาวจนแทบคลั่งแล้ว แต่ก็ปล่อยเค้าไปเหอะได้ยินอย่างนั้นแล้วร่างกายผมก็แทบสลายไปตรงนั้นเลย......เข้านอนดีกว่าจะได้ลืม ๆ มันไป......
อ้าว.....นาย เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ดังมาจากข้าง ๆ พร้อมกับแรงกระแทกลงลนบ่าทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์แห่งความเศร้าเสียใจที่เพิ่งผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาหมาด ๆ นายชื่อไรอ่ะ เราเจอกันอีกแล้วนะ จำได้ปะที่ธนาคารไง เราชื่อ พู่ นะ เจ้าหล่อนเล่นพูดเป็นชุดแบบนี้เล่นเอาผมฟังแทบไม่ทัน เออ...นี่ฉันอุตส่าห์มาหาไปเที่ยวกันมะ เห็นหน้าบึ้ง ๆ พูดอะไรบ้างสิ แหมก็คุณพูดไม่หยุดอย่างงี้...เฮ้อ...น่าเบื่อชะมัด ผมเริ่มเซ็ง และก็ไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวไหนด้วยเพิ่งเลิกกัยแฟนมาใครที่ไหนจะไปมีอารมณ์เที่ยวล่ะคร้าบ....แต่เจ้าหล่อนก็ยังไม่เลิกเพ้อเจ้อ พูดจ้อ อยู่นั่นแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรหรอกครับ เหมือนพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่ได้คิดตามเธอสักนิดเลย...เฮ้อ..... นี่..นายชื่อไร ฟังอยู่เปล่า ผมลุกขึ้นยืน ธีร์ ผมบอกแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้เธอนั่งมองอยู่งง........
ขณะที่ผมกำลังเดินใจลอยอยู่นั้น เฮ้ย...อื้ม..อื่อ..อ่อยอ๊ะ..อื๊อ อะไรไม่รู้ครับมันจับผมปิดปากแล้วลากเข้าไปในห้องเรียนว่าง ๆ พอมันปล่อยมือผมก็หันไป เปรี้ยง ! หมดตรงขวาเข้าหน้ามันจังๆ เลยครับ ไอ้เวร....กูเอง อ้าว...เสียงคุ้น ๆ เฮ้ย !! นั่นมันไอ้นัดเพื่อนผมนี่นา ไอ้นัดมันเป็นลูกเศรษฐีครับ พ่อมันรับเหมาก่อสร้าง ส่วนแม่เป็นเจ้าของร้านเสริมสวย 32 สาขาทั่วประเทศ แหม...คิด ๆ แล้วอิจฉามันนะครับ พ่อผมเป็นแค่กำนันอยู่บ้านนอก ส่วนแม่ก็ทำธุรกิจรีสอร์ทเล็ก ๆ เท่านั้นเอง จริง ๆ แล้วผมกับไอ้นัดก็สนิทกันเพราะงานรีสอร์ทของแม่นี่ล่ะครับเพราะพ่อไอ้นัดมันรับเหมาก่อสร้างให้ เราก็เลยเจอกันแล้วก็เริ่มสนิทกันตั้งแต่ ม.ต้น เออ...มีไร ทีหลังอย่าทำงี้อีก อาจตายได้ไม่รู้ตัว ผมบอกอย่างโมโห ขนาดนั้นเชียวหรอ..เพื่อน.... เออ..กูเห็นไอ้ดาวแฟนมึงเว้ย...เดินควงกะหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ว่ะ เออ...กูไม่สน...เราเลิกกันแล้วเว้ย เฮ้ยไอ้ธีร์ !...เฮ้อ....กูบอกมึงแล้วว่าไงก็ไม่ครบ 3 เดือน เป็นไงไม่เชื่อกูดีนัก....ผู้หญิงอย่างงี้นะเว้ยไม่คู่ควรกะมึงหรอก เออ...คราวนี้ผมเห็นด้วยกะไอ้นัด ธีร์..ร....ร.....มีข่าวมาบอก มาอยู่ที่นี่เอง 2 คน เสียงเจื้อยแจ้วของเพื่อนผมอีกคนดังมาทีนี้เป็นเสียงยายส้มเพื่อนผมอีกคน ยายนี้ก็เศรษฐีอีกนั่นแหละครับ...บ้านเค้าทำธุรกิจโรงแรมมีสาขากว่า 20 สาขาทั่วประเทศ แล้วยังมีสาขาในต่างประเทศอีก รู้สึกว่าแวดวงของผมนี่มีแต่เศรษฐีทั้งนั้นเลยเฮ้อ (อันที่จริงนี่มันก็มหาลัยเศรษฐีนี่นา) เมื่อกุมภาพันธุ์ที่แล้วก่อนผมจะเป็นแฟนกับดาว ยายส้มมันก็สารภาพรักกับผม แต่ผมไม่ชอบหรอกครับลูกคุณหนูที่ต้องให้มาคอยดูแล ก็เลยปฏิเสธไป แต่รู้สึกว่าส้มจะดูดีขึ้นมากแล้ว รู้แล้วข่าว ดาว ใช่มะ รู้ได้ไงอ่ะ ก็ไอ้นัดมันเพิ่งบอกเมื่อกี้ โธ่...นัด..ส้มอุตส่าห์จะทำคะแนนสักหน่อย ไอ้นัดมองหน้าผม นี่นายสองคนยังมีอะไรกันอยู่อีกหรอ มันถาม บ้าดิ ผมพูดบ้าง แหม..ส้มก็ล้อเล่นบ้างไม่ได้หรอ....ส้มน่ะเลิกคิดแล้วล่ะ... นั่นน่ะดิก็รู้ ๆ อยู่ว่าไอ้ธีร์มันชอบแบบไหน ไอ้นัดนี่มีนรู้ใจผมจริง ๆ ครับ เฮ้อ...รู้อย่างงี้ไม่มีแฟนก็ดีหรอกครับ...แต่เอ...แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นไปไหนแล้วน้า...แต่ช่างเหอะไม่เกี่ยวกันสักหน่อย.....
ทุก ๆ เช้าก็จะดำเนินไปอย่างงี้ น้องพู่ก็มาหาที่ ม. ทุกวันแต่ผมก็ไม่ได้สนใจเธอเลยครับ คงเพราะแผลใจที่เพิ่งได้รับมันยังคงเจ็บปวดอยู่ เวลา 3 เดือนนี้ไม่ได้ทำให้แผลใจของผมหายไปเลย...แต่ก็ได้พู่นี่ล่ะครับคอยปลอบใจแม้เธอจะไม่รู้เรื่อง พู่จะเดินอยู่ข้างผมเสมอ ชวนคุย ชวนเที่ยว ทำให้ผมสนุกสนาน เธอเค้ากับนัดและส้มได้ดีไม่เหมือนดาวที่เค้ากะพวกนั้นไม่ได้ แม้แต่แฟนไอ้นัดยังเค้ากะพู่ได้ดี พู่ไม่เคยเล่าเรื่องทางบ้านเธอให้ผมฟัง ไม่เคยพูดเรื่องเศร้าใจ ทุกครั้งที่เจอเธอจะมีแต่รอยยิ้มเสียวหัวเราะและ ท่าทางก๋ากั่นที่ดูร่าเริงและจริงใจ แม้ผมจะตะคอกเธอ พูดจาแรง ๆ บ้างเธอก็ไม่สะทกสะท้านเลย เธอช่างดีเหลือเกินครับ เราสนุกกันมากแม้ผมจะยังลืมดาวไม่ได้ก็ตามระยะเวลาสองเดือนนี้อาจจะน้อยไปสำหรับลืมใครบางคนแต่มันมากพอที่จะก่อให้เกิดความรักขึ้นกับคนบางคน ผมเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับพู่บ้างแล้ว เพราะในเวลาที่ผมเจ็บที่สุดนอกจากเพื่อนสองคนแล้วก็มีพู่นี่แหล่ะครับที่คอยอยู่ข้างๆ แต่ผมก็ยังสังเกตเห็นว่าพู่พยายามบอกอะไรบางอย่างกับผมอยู่หลายครั้ง จนวันนึงผมเห็นดาวอีกครั้งกำลังนั่นพรอดรักกับผู้ชายอีกคนที่ไม่ใช่คนเดิมทำให้ผมรู้ว่าจริง ๆ แล้วผมมันโง่แค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหตัวเอง แล้วยังจะมีเสียงพูดมาจ้ออยู่ข้างหูอีก นี่มันน่ารำคาญจริง ๆ รำคาญ!! เงียบที..ไปไหนก็ไปไป๊ ผมทำแบบนี้อีกแล้วเวลาโมโห ผมจำได้แค่ว่าประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินแทบจะพร้อม ๆ กับที่ผมหลุดปากพูดกับพู่เพราะโมโหนั่นก็คือ พู่ชอบธีร์นะ ผมจำสีหน้าพู่ที่ซีดเซียวได้ ไม่เป็นไรค่ะพี่ พู่ไม่คิดมากหรอกค่ะ พู่ไม่กวนใจแล้ว ลาก่อนค่ะ พู่ไม่เคยพูดกับแบบห่างเหินแบบนี้เลยมันทำให้ผมตกใจมาก (นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย)
วันนี้ไม่เห็นพู่มาเลย...เธอหายไปไหนก็ไม่รู้ครับ....ไม่เหมือนทุกวันถึงจะมีไอ้นัดกะยายส้มแต่ก็ดูเหงา ๆ จืด ๆ ไร้สีสัน ไอ่ธีร์...น้องพู่ของแกวันนี้ไม่มาเลยว่ะ ไอ้นัดมันรู้เรื่องเพราะผมจะเล่าให้มันฟังบ่อย ๆ เรื่องของพู่ ไม่รู้ว่ะ ผมตอบทั้งที่ยังชะเง้อคอ เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินผมแทบไม่ได้ฟังอาจารย์บรรยายเลย เวลาบ่าย 3 ก็มาถึงซะแล้ว วันนี้เห็นเด็ก นร. หญิงม.ปลายของโรงเรียนพู่มายืนอยู่หน้าตึกพอผมเดินผ่านเด็กคนนั้นก็จับแขนผมไว้ ผมตกใจจึงหันไปมองเป็นเด็กหน้าตาดีทีเดียวครับ...หน้าอย่างงี้คงเป็นสเป็คไอ้นัดมันไม่ใช่ผม จะเอาอะไร ผมถามเสียงเย็นชาตามเคย นายรู้อะไรบ้างมั้ย...วันนี้พู่ไม่มาโรงเรียน....เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่เรียนมาเลยนะ.....นายทำอะไรพู่ ถ้าพู่เป็นอะไรไปฉันไม่ปล่อยนายแน่ ผมยังงง ๆ แต่ก็ถามรายละเอียด
แล้วทำไมฉันต้องรู้ด้วยว่าพู่อยู่ไหน...ถามผิดคนแล้วน้อง
นายนี่มันซื่อบื้อจริง ๆ ไม่รู้หรอ.. เธอพูดไม่ทันจบผมก็เบรคเธอซะก่อนด้วยความฉุน
เดี๋ยว..แล้วเราเป็นใครอ่ะ..มาเรียกพี่ว่านายอย่างงั้นนายอย่างงี้ เป็นรุ่นน้องประสาอะไร
ช่างฉันเหอะน่า....แต่นายไม่รู้บ้างหรอไงว่าพู่เค้าแอบชอบนายอยู่ ตั้งแต่เจอกันที่ธนาคารแล้ว ขนาดชั้นเป็นเพื่อนสนิท เตือนตั้งหลายครั้งยังไม่ได้ผลเลย ชั้นว่าแล้วคบกับเด็กมหาลัยน่ะมีแต่จะเสียใจเปล่า ๆ
เดี๋ยว ผมเริ่มงง ไปกันใหญ่แล้วเนี่ย หยุด !!! ถ้านายจะแกตัวล่ะก้อ พอเลย....พู่เค้าคิดว่านายเป็นพรหมลิขิตรู้มั้ย เค้าเล่าให้ฉันฟังว่าก่อนจะเจอนาย เค้าฝันเห็นนายมาช่วยเค้าออกจากกองไฟที่เผาบ้านเค้าอยู่รู้รึเปล่า อยู่ดีดีท่าทีเด็กคนนั้นก็เปลี่ยนไปจากเสียงที่ตะโกนด่า ปาว ปาว เธอลดเสียงลงและทำหน้าเศร้าทันที บางทีคุณอาจจะเห็นว่านี่เป็นเรื่องเพ้อฝัน เหลวไหล หรืออะไรทำนองนี้แต่...หนูอยากบอกคุณว่าพู่เค้าเจอกับความเสียใจ ผิดหวัง ในชีวิตนี้มามากพอแล้วสำหรับเด็กสาววัย 18 ปีคนหนึ่ง...พ่อแม่พู่กำลังจะเลิกกันในเร็ว ๆ นี้พู่อาจจะเป็นคนชอบเพ้อฝันเพราะเมื่อก่อนพู่เคยอยู่อย่างมีความสุขกับครอบครัวแต่พอธุรกิจโตขึ้นครอบครัวกลับต้องมาแต่สลายเธอคงไม่ยากยอมรับความจริงเรื่องนี้แต่...เธอไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกค่ะ...หนูรับรอง ผมไม่ได้ชอบเธอนี่นา
แต่พี่ไม่ได้รักพู่เค้าสักหน่อย ผมพูดตามตรง ตอนนี้ไม่ต้องรักก็ได้ค่ะ แค่ขอโอกาสให้กับเพื่อนหนูคนนี้สักครั้งนะคะ....ใคร ๆ ที่รุมร้อมพู่ต่างก็หวังผลประโยชน์จากตัวเธอทั้งนั้นยังไงพี่ช่วยดูแลพู่ดีดีนะคะ เธอทำหน้าสลดลงไปกว่าเก่าอีกผมก็ได้แต่พยักหน้าแล้วเธอก็เดินจากไป
ไอ้ธีร์...แกนี่มันโชคดีจริง ๆ ว่ะ.....รู้มั๊ยสาวนั่นเป็นใคร
ใคร
อ้าวก็ลูกสาวคนโตของตระกูล เกียรติอาชา บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรติอาชาไงไม่รู้จักเหรอ
อ๋อ
อ๋อ? ! แก..แค่อ๋อเนี่ยนะแล้วรู้มั๊ยยายพู่นั่นน่ะเป็นใคร ฉันไปสืบรู้มา
ใครอีกอ่ะ
ก็ลูกสาวคนเดียวของท่านประธานศุรนัย อมรนาวากุล ประธานบริษัทซอฟท์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเชียวนะเว้ย
แกก็พูดยังกะแกจนหนักหนา....ทำไมชีวิตชั้นมันต้องเกี่ยวข้องกับมหาเศรษฐีทั้งนั้นด้วยวะ ..เฮ้อ !
วันที่สองแล้วที่ไม่เห็นพู่หรือเพื่อนพู่คนนั้นอีกเลยผมก็ใจหายเหมือนกัน ผมแทบเป็นบ้า เนี่ยนะเหรอผม ผมไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา ยิ่งคำพูดของน้อยคนนั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด นี่ผมเป็นอะไรกันแน่
เดือนนึงผ่านไปกับความเงียบเหงาไม่มีพู่ยิ่งผมอยู่คนเดียวเพราะสองคนนั้นไปชมรม ผมก็ยิ่งคิดถึงพู่มากขึ้น...จนตอนนี้รู้แล้วว่าคิดถึงเธอมากเหลือเกิน......ผมออกไปหาไอ้นัดที่ชมรมเล่าเรื่องที่ผมทำกะพู่ให้นัดฟัง ไอ้นัดมันก็มองหน้าผมท่าทางจริงจัง
เนี่ย....แกไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าพู่เค้ารักแก นัดเอามือกุมหน้าผาก โธ่เอ้ย
ก็ชั้นจะรู้ได้ไงล่ะ...เค้าไม่เคยบอกนี่หว่า ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
นี่นะเว้ยเพื่อน นัดโอบไหล่ผมท่าทางเหมือนผู้ใหญ่สอนเด็ก ถ้าแกใช้สมองคิดดูแกก็จะรู้ ไอ้น้องเพื่อนน้องพู่มันบอกว่า ถ้าพู่ไม่กลับมาเค้าจะเอาเรื่องนายใช่มะ แต่นี่หายเงียบ
แล้วไง ผมถามงงงง
โธ่เอ้ย....ไอ้เวร....ก็แปลว่าพู่กลับไปเรียนแล้วน่ะสิ....แล้วนี่ก็บ่าย 3 โรงเรียนกะลังจะเลิกเลย....ถ้าอยากไปหาก็ไปดิ...กูไม่ไปด้วยนะเว้ย....จะอยู่กะน้องแพ็ทตี้ของกู แล้วไอ้นัดก็หันไปหอมแฟนมัน
เออ..... แล้วผมก็วิ่ง วิ่ง วิ่ง และ วิ่ง โรงเรียนพู่อยู่ห่างไป 3 ป้ายรถเมล์ พอมาถึงโรงเรียนพู่แล้วก็เหมือนพรหมลิขิต ผมได้เจอพู่จริง ๆ ครับเธอยืนอยู่กะเพื่อน ๆ หน้าโรงเรียนข้างหลังเธอเป็นกลุ่ม นร.ชาย ที่คอยตามตื้อเธอ เธอหันมามองหน้าผม แล้วหน้าตาก็ไหลอาบแก้มเธอ ผมเดินเข้าไปหาพร้อมกับเช็ดน้ำตา
อย่าร้องไห้สิ.....ไม่เหมือนพู่คนเดิมเลย
ก็วันนั้นธีร์ไล่พู่...บอกอย่ามาอีก
วันนั้นชั้นโกรธตัวเองน่ะ.....แต่วันนี้ชั้นก็อยู่นี่แล้วไง...วั้นหลังไปหาอีกก็ได้นะแล้วจะเลี้ยงข้าว
จริงนะ พู่ยิ้มแย้มอีกครั้ง ผมดีใจจริง ๆ ผมยืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนไม่รู้แต่ความรู้สึกมันเหมือนไม่อยากให้พู่ไปไหนอีก แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวความเจ็บปวด ธีร์น่ะเหรอน่าเบื่อจะตาย คำพูดคำนี้ของดาวยังคงก้องอยู่ในหัวผมผมกลัวจะทำให้พู่เบื่อเหมือนที่ดาวเบื่อ แล้วพู่ก็จะทิ้งผมไปอีกคนผมกลัวจริง ๆ ..... ผมยืนคิดอยู่นานจนกระทั่งมีมือหยาบ ๆ มาผลักไหล่ผมจนเซไปข้างๆ
ใครวะ ผมถามอย่างโมโห
มึงนั่นแหละใคร ผู้ชายร่างสูงใหญ่พอกับผมแต่ขาวและดูตี๋ ตอบกลับมาเสียงเข้ม
อ๋อ..ธีร์ นี่พี่ต้า เป็นลูกพี่ลูกน้องของพู่ สนิทกันมากเลย ส่วนพี่ต้านี่ ธีร์ เพื่อนพู่ที่เล่าให้ฟัง พู่บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ปนตระหนกเล็ก ๆ
อืม...หวัดดี พี่ต้าบอกเมื่อเห็นผมยกมือไหว้ กลับบ้านเถอะพู่
อืม...เดี๋ยวขอคุยกับเพื่อนก่อนนะคะ พู่บอกพี่ชายเธอ
แล้วพู่ก็ลากผมเดินออกมาตามทางเท้าจนถึงป้ายรถเมล์ เธอมองหน้าผมแบบยิ้ม ๆ
รู้มั๊ย พู่ดีใจ๊ดีใจที่ธีร์มาหานึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีก พู่ก้มหน้าพูด
อืม...อยากไปเที่ยวมั๊ย ผมถามแบบพยายามปกปิดอามรณ์ไว้ แล้วหันหน้าหนี
ห๊า....ไปสิไปพรุ่งนี้นะพรุ่งนี้วันเสาร์ พู่ดีใจสุดขีดเห็นได้จากสีหน้าที่สดใสร่าเริง
อืม...ก็ได้ ผมตอบพยายามทำเสียงให้ราบเรียบที่สุดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่ในใจดีใจสุดขีดเหมือนกัน นี่คงเป็นความสามารถพิเศษของผู้หญิงคนนี้มั้ง ที่ทำให้คนที่กำลังเศร้ารู้สึกดีขึ้นได้ทันทีเหมือนมีพลังวิเศษสามารถขจัดความหม่นหมองใจของผู้คนได้ด้วยรอยยิ้ม
แล้วผมก็มองดูพู่เดินจากไปขึ้นรถเก็ง เปอร์เช่ต์ สีดำคันโก้ของพี่ชายเธอกลับบ้าน ขณะที่ผมยืนใจลอยอยู่นั่นเอง พี่คะ...จำหนูได้มะ เพื่อนพู่นั่นเองครับเธอดูสีหน้าอิ่มเอิบ แนท ดีใจที่พี่มาหาพู่ ไม่ใช่คอยแต่ให้พู่ไปหา อยากให้พี่ดูแลพู่ดีดีนะคะ แนท เป็นห่วงเพื่อนคนนี้จริง ๆ ค่ะ แล้วเธอก็เดินจากไป ผมจึงขึ้นรถกลับ ม. คืนนื้ท้องฟ้าโปร่งเห็นดาวสวยงามมากเลยครับ ไม่บ่อยนักหรอกที่คนกรุงจะได้เห็นดาวสวย ๆ แบบนี้ ข้างกายก็มีแต่ไอ้นัดนั่งกิน นั่งดื่มกันโต้รุ่ง คุยกันได้ทุกเรื่องเลยกับเพื่อนคนนี้.....พรุ่งนี้แล้วสินะเดทแรกกับพู่...เธอจะเป็นผู้หญิงอีกคนของผม หรือจะเป็นแค่เพื่อนพรุ่งนี้ก็จะได้รู้กัน............
ไอ้นัดตื่น ๆ เร็ว ผมกระวนกระวายใจไม่รู้จะทำไงดีตื่นเต้นไปหมดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกก็จริงแต่ก็เป็นครั้งแรกที่ตื่นเต้นขนาดนี้ อารายของเมิงว้า...ฮ้าว..ว..ว..ว นัดทั้งพูดทั้งหาว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนี่หว่า ทำเป็นไม่เคย แล้วนี่กูจะพูดอะไรกันน้องเค้าดีวะ เมื่อคืนก็ลิสต์หัวข้อไว้แล้ว เสือกหายไปไหนไม่รู้ว่ะ ผมกระวนกระวายใจ นี่ก็ได้เวลาแล้ว เออ...ไปเหอะไอ้นี่เป็นเอามากเว้ย...เดี๋ยวเจอกันก็พูดได้เองแหล่ะ นัดพูดแล้วหันหลังไปหลับต่อ
ที่หน้า ม. พู่ยืนรอผมอยู่แล้วในชุดน่ารักแก่นแก้วเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน ส่วนผมก็ใส่กางเกงขายาวเสื้อยืดธรรมดาเหมือนทุกทีเช่นกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนทุกทีก็คือความเงียบ ทั้ง ๆ ที่เจอกันแล้วแต่เราก็ยังเงียบกันอยู่ได้ ปกติพู่ต้องจ้อ ๆ จนน่ารำคาญแต่วันนี้เธอเงียบครับ ผมก็ไม่รู้จะเริ่มไงเลยปล่อยเลยตามเลย(เงียบก็เงียบครับ)
เอ่อ......วันนั้นที่ธีร์ตวาดพู่น่ะ...รู้เปล่าพู่เสียใจมากนะ เธอพูดหลังจากเดินเงียบมานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
ขอโทษนะ... ผมตอบแต่หันหน้ามองไปทางอื่น
ขอโทษใครน่ะ..พู่อยู่ทางนี้นะ เธอพูดมองหน้าแบบงอน ๆ
ก็ขอโทษแล้วหนิ...จะให้ทำไงอีก ผมเดินล่วงหน้าพู่ไป สักพักเธอก็วิ่งตามมาควงแขนผม ผมก็ตกใจสบัดแขนออก (แหม! ก็มันเขินนี่ครับ) ผมเห็นสีหน้าผู้ก็ตกใจเหมือนกันแต่เธอก็ยังคงยิ้ม
อะไรแค่นี้ต้องหน้าแดงด้วย พู่เป็นผู้หญิงยังไม่อายเลย หน้าแดงยังกับแอปเปิ้ล ธีร์นี่แปลกคนนะ..... แล้วพู่ก็เริ่มชวนคุยอีก กว่าจะรู้ตัวก็เย็นมากแล้วครับ วันนี้เดทแรกกับพู่สนุกมาก ไปเที่ยว ไปกิน ไปเล่นกันจนลืมเรื่องราวที่ผ่านทั้งหมด สนุกสุดๆ เลยครับ อาจจะเป็นเพราะพู่เริ่มคุยเริ่มพูดด้วยเลยทำให้รู้สึกสนุก แต่ระหว่างทางที่ผมจะพาพู่กลับบ้านก็เจอพวกจิ๊กโก๋มันแซวพู่ ตอนแรกผมก็เฉย ๆ เห็นว่าธรรมดาก็พู่ออกจะน่ารักขนาดนี้ แต่ ไปๆ มาๆ ชักเลยเถิด พวกมันมาฉุดพู่ไปต่อหน้าต่อตาผม พู่ก็ส่งเสียงเรียกแต่ชื่อผมตลอดเวลาหน้าตาพู่ตื่นตกใจกลัวมาก ผมโมโหมาก แล้วก็ไม่รู้ตัวทำอะไรลงไปรู้ตัวอีกทีก็ซัดพวกมันหมอบไปกับพื้นซะแล้วแต่ผมก็ได้แผลถลอกฟกช้ำมาบ้างเหมือนกัน พอเห็นอย่างงี้ผมเลยเดินไปส่งพู่เพื่อความปลอดภัย แต่ก็ไปส่งได้แค่ที่ประตูเล็กหลังคฤหาสน์ของบ้านพู่เพราะกลัวคนอื่นเห็น
ธีร์...พู่สนุกที่สุดเลยวันนี้แต่ธีร์ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ พู่พูดเหมือนไม่เคยมีความสนุกสนานมาก่อน แต่ก็ยังเป็นห่วงผม
อืม.....เข้าบ้านเหอะเดี๋ยววันหลังไปอีกก็ได้วันนี้เย็นมากแล้ว พี่ไม่เป็นไรหรอก ผมมองหน้าพู่ที่มีสีหน้าดีใจ มันก็ทำให้ผมมีความสุขด้วย แล้วผมก็หันหลังเดินจากไปได้ประมาณ 2-3 ก้าวก็มีวงแขนเล็กๆ อบอุ่น มากอดรอบเอวผมจากข้างหลัง
พู่ยังยืนยันคำนั้นของพู่นะ เสียงพู่สั่นเครือ แล้วผมก็รู้สึกมีน้ำอุ่นๆ ไหลอยู่บนหลังผม ผมได้แต่เงยหน้ามองฟ้า พู่รักธีร์ จริง ๆ นะ ยิ่งรู้จักยิ่งรัก ธีร์อย่าว่านะที่พู่พูดมันออกมาก่อน เสียงใสๆ ของพู่ยังคงก้องสะท้อนอยู่ในหัวผม เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่งก่อนที่พู่จะปล่อยแล้ววิ่งเข้าบ้านไป แม้ว่าผมจะเดินกลับมาถึงหน้ามหาลัยแล้วแต่เสียงของพู่ก็ยังคงก้องอยู่ในหูผม
อ้าว ! ไอ้ธีร์....พอดีเลยกูกะลังจะไปกินข้าว ปะไปกัน ผมแทบไม่อยากได้ยินเสียงไอ้นัดเพราะผมอยากจะเก็บเสียงสุดท้ายที่พูดกะผมเอาไว้ให้นานที่สุด แต่ก็ดันไม่ได้ยินเสียงไอ้นัดซะนี่ เฮ้อ ...
เออ...ไปก็ไป ผมตอบอย่างมีอารมณ์
อะไรวะ...เรียกมากินข้าวทำมีอารมณ์ เออ..แล้วนี่ไปโดนหมาที่ไหนกัดมาวะ ไอ้นัดพูดเมื่อเรานั่งลงที่โต๊ะของร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เฮ้ย ๆ ก็กูอยากจะเก็บคำพูดคำสุดท้ายที่พู่พูดเอาไว้ให้นานที่สุดนี่หว่า ผมตอบแล้วทำหน้าตาอินเลิฟสุดขีด
แหว่ะ......อ้าว..นั่นยายส้ม ! นัดมันตะโกนเรียกตามตามประสาคนมนุษยสัมพันธ์ดี แต่ผมอยากคุยกะนัดแค่สองคนนี่นา
อ้าว..นัด ธีร์ มาได้ไง ส้มทัก
อืม...มาได้ไง ก็เดินมาน่ะสิใกล้แค่นี้จะให้ขี่ ลีมูซีน มาหรอไง ผมตอบกวน ๆ เพราะวันนี้รู้สึกมีความสุข แต่หารู้ไม่ว่าความสุขของผมกำลังจะหมดไปในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ แต่ยังไงก็ช่างตอนนี้ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด ด้วยความสุข เพื่อนของผมทั้งสองก็ฟังอย่างตั้งใจนานๆ ทีจะพูดเสริมอะไรขึ้นมาบ้าง วันนี้คืนนี้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ
เช้านี้เป็นเช้าที่สดใสเหมือนเดิมเช้าวันจันทร์กับสัปดาห์ใหม่และความรักครั้งใหม่ เออ..แต่วันนี้ไอ้นัดยายส้อมมันไปไหนวะ..อ๋อนั่นไงนั่งคุยกันอยู่หน้าคณะ
เฮ้ยพวกแกทำไรวะ ผมทักอย่างสดใส แต่ทั้งสองคนตกใจมากพร้อมกับเก็บหนังสือพิมพ์ลงใต้โต๊ะไม่ให้ผมเห็น อะไรวะ...พวกแกปิดบังอะไรชั้น ผมถามอย่างสงสัยและรู้สึกใจไม่ดี มึงปิดไรกูไอ้นัด ส้มมีอะไรอ่ะ.......เฮ้ยพวกแกบอกมานะเว้ย ผมพยายามถาม
ธีร์จะรู้ไปทำไม ส้มพูดแต่ยังก้มหน้าอยู่
เออ...ช่างเหอะส้มยังไงมันก็ต้องรู้ก็ให้มันรู้เลยสิ ไอ้นัดนี่มันรู้ใจผมจริง ๆ แต่สิ่งที่ผมอยากรู้มันกลับเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการจะรู้เลยสักนิด ลูกสาวคนเดียวท่านประธานศุรนัย เจ้าของบริษัทซอฟท์แวร์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ประกาศหมั้นกับลูกชายคนโตของกลุ่มบริษัทธนสาร เจ้าพ่อเงินทุนและธุรกิจต่างๆ อีกกว่า 100 บริษัท ซึ่งงานหมั้นของทั้งคู่จะมีขึ้นในวันที่............ พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเลยครับแล้วเมื่อวานที่เราไปเที่ยวกันมันหมายความว่าไงเนี่ยทำไมพู่ทำกับผมแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมอีกแล้วครับแต่รู้สึกโมโหมากจริง ๆ แล้วขามันก็ออกวิ่งไปไม่รู้ว่าจะไปไหนแต่ก็วิ่งไปหยุดที่หน้าบ้านพู่ พอดีกลับรถพู่ก็จะออกไปส่งพู่ที่โรงเรียน ผมยืนมองพู่ที่นั่อยู่ในรถด้วยสายตาอาวรณ์ แล้วรถก็หยุด พู่เดินลงมายืนหน้าเศร้าอยู่ข้างหน้าผม
ธีร์คงรู้แล้ว....เหตุผลก็คือ ธุรกิจ น่ะ พู่บอกเสียงเศร้า
ธุรกิจหรอ...แล้วพู่ก็ยอมหรอ ผมถามเสียงอ่อย ทั้งที่ยังก้มหน้า
ก็พู่ไม่รู้นี่ว่าธีร์รักพู่บ้างหรือเปล่า พู่อาจจะผิดเองที่บอกรักธีร์ก่อนทำให้ธีร์ลำบากใจเลยไม่กล้าบอกว่าไม่ชอบพู่ก็อาจเป็นได้ แต่ยังไงพู่ก็ยืนยันนะธีร์
พู่..พี่ก็ไม่รู้นะ...แต่พี่ไม่เคยชวนผู้หญิงคนไหนเที่ยวมาก่อนแม้แต่ดาว พี่ไม่เคยคิดถึงใครทั้งวันทั้งคืนแบบนี้มาก่อน พี่ไม่เคยรู้สึกอยากไปหาผู้หญิงคนไหนที่โรงเรียนหรือว่าที่บ้านแบบนี้มาก่อน แล้วพี่ก็ไม่เคยเจ็บตัวเพื่อปกป้องผู้หญิงคนไหนมาก่อน พี่ก็ไม่รู้ว่าที่ทำมาทั้งหมดมันเรียกว่ารักได้มั๊ย..แต่พี่รู้ถึงบอกรักพู่ตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ขอให้พู่มีความสุขนะ ผมเหลือบไปเห็นไอ้นัดกับส้มเดินตามมาแอบดูสถานการณ์ แต่ผมก็ได้แต่เดินเศร้าผ่านพวกนั้นกลับไปหอคนเดียว ตลอดเช้าและบ่ายนั้นช่างเงียบเหงาเหลือเกิน สองคนนั้นคงอยากปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวลำพังแต่ตอนนี้ผมกลับต้องการเพื่อนสักคนที่จะนั่งลงข้างๆ แล้วพูดอะไรก็ได้ให้ผมรู้สึกดี ผมคิดทบทวนถึงคำพูดที่ผมพูดกับพู่ ที่ผมพูดนั่นเป็นความจริงนะคับ ผมไม่เคยชวนผู้หญิงคนไหนไปเที่ยวที่ผ่านมาก็มีแต่ดาวเป็นคนชวน ผมไม่เคยคิดถึงใครทั้งวันทั้งคืนแบบพู่เลยจริงๆ นี่นา แล้วผมก็ไม่เคยไปหาผู้หญิงคนไหนมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่ตามมาหาผมที่ ม.เองทั้งนั้น เฮ้อ..แต่มันจะมีประโยชน์อะไรที่ผมมาคิดอยู่คนเดียวแบบนี้ ตอนกลางวันยังพอไหวแต่ตอนกลางคืนนี่สิผมจะทำยังไงกับความเงียบเหงาและความเหน็บหนาวทั้งภายนอกภายใน........ว่าแล้วก็กลับบ้านดีกว่าสักอาทิตย์สองอาทิตย์ค่อยกลับผมกำลังจัดกระเป๋าไอนัดก็เข้ามาห้อง
เฮ้ย..แกจะไปไหน มันถามหน้าตาตกใจ
ก็กลับบ้านดิวะ ผมตอบแต่ฝืนยิ้ม
หนีความจริงหรอมึง.... ไอ้นัดจ้องหน้าผมตาเขม็ง
กูแค่อยากกลับไปทำใจ....รับรองกูกลับมาทันสอบ ผมตอบแต่ยังก้มหน้าอยู่
ยังไงก็แค่ผู้หญิงคนเดียวนะ มึงยังมีกูมีส้มอีกนะเพื่อน
อืม และแล้วผมก็เดินจากมาอย่างเงียบในค่ำคืนที่ใจเหน็บหนาว
ผมมาอยู่บ้านได้อาทิตย์นึงแล้วครับก็มาอยู่ที่รีสอร์ทบนเกาะของแม่นั่นแหละ วันจันทร์มาถึงอีกแล้วครับครบรอบ 1 สัปดาห์ที่เราจากมา
ไอ้ธีร์ กูมาอยู่เป็นเพื่อน ส้มก็มา ไอ้นัดตะโกนมาจากข้างหลัง สีหน้ายิ้มแย้มดีใจ
อ้าว ! พวกแก มาได้ไง
บนเกาะกลางทะเลอย่างงี้คงขี่ ลีมูซีน มามั้ง ส้มย้อนมุขผม
แล้วทุกคนก็หัวเราะเรานั่งกินนั่งดื่มกันอย่างงี้ทุกวันสนุกสนานกันมากแต่ใจผมก็ยังคงไม่ลืมพู่สักที
พวกเราอยู่นี่มาจนครบรอบ 1 อาทิตย์อีกแล้วครับ วันจันทร์ของสัปดาห์ที่ 2 ของผมคืนนี้สิเป็นคืนที่ประหลาดใจของผม เพราะไอ้นัดในไปตกท้ายเกาะกับพ่อผม ผมก็เลยมาอยู่กับส้มสองคน ดื่มกันบ้างสักพักแล้วส้มก็พูดบอกมา สิ่งที่ส้มเก็บมานาน
ธีร์รู้มะทำไมส้มถึงไม่เป็นแฟนกะหนุ่มๆ ที่มาจีบสักคน อยู่ดีๆ ส้มก็ถาม
ไม่รู้ดิ
เพราะส้มยังรักธีร์อยู่
ส้ม !
อืม...ส้มไม่เคยลืมธีร์เลยแต่ส้มจะพยายามนะ ส้มรู้ว่าธีร์รักพู่แต่ส้มก็รักธีร์หนิ ส้มอาจจะดูเลวนะที่ยังรักธีร์ทั้งที่พู่ก็เป็นเหมือนเพื่อนส้มเหมือนกัน แต่ทำไงได้หัวใจมันไม่มีเบรคหนิ
ส้ม...ธีร์ว่าเราก็เป็นเพื่อนกันอย่างนี้ก็มีความสุขดีไม่ใช่หรอ ความเป็นเพื่อนไม่มีวันหายไปไหนนะ เราไม่ได้รักส้มแบบนั้น ผมตอบแม้จะทำให้ส้มเจ็บแต่ก็ต้องบอกไว้ก่อน
อืม...ไม่เป็นไร ก็ส้มบอกแล้วไงว่าจะพยายามไง เราเป็นเพื่อนกันดีที่สุดนะ ส้มยิ้มกว้าง
ผมขว้าส้มมากอดแน่นๆ แล้วบอกกับส้มว่า เพื่อน...เป็นเพื่อนกันนะ แล้วผมก็ได้ยินเสียงส้มบอกว่า อืม แล้วจากนั้นน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาจากดวงตาของส้ม เอ๊ะ! นั่นอะไรไหว ๆ อยู่ตรงนั้น ไอ้นัด หรอ! ผมตะโกน ส้มรีบผละออกจากอ้อมกอดผม ไหน ส้มถาม
ไม่รู้ เห็นแว่บ.นั่นไงหนีไปแล้ว ผมบอก
ใช่ๆ ใครน่ะ ! ส้มร้องถามบ้าง แต่ผมไม่รอแล้วรีบวิ่งตามไปเพราะสัญชาตยานมันบอกว่ามีอะไรบางอย่างพิกล
แวบนึงในใจผมก็คิดว่าเป็นพู่ แต่พู่คงจะตามมาถึงนี่ได้ไงนี่เป็นวันหมั้นของเค้าแท้ๆ แล้วเกาะนี้ก็ไกลจากกรุงเทพมากด้วย ผมวิ่งตามไปแต่ก็ดูเหมือนจะห่างออกไปทุกทีๆ แล้วผมก็หยุดลงที่เคาน์เตอร์บริการของรีสอร์ท
เมื่อสักครู่เห็นคนวิ่งผ่านมาทางนี้ไหมครับ ไม่ทราบว่าเป็นใครกันครับ ผมถามพร้อมกับหอบ
อ๋อ.....เมื่อสักครู่เป็นผู้หญิงน่ะคะเธอมาเปิดห้องตั้งแต่ช่วงบ่ายบอกว่าเป็นเพื่อนคุณน่ะคะ สาวประชาสัมพันธ์ตอบเสียงหวาน
ไม่ทราบเธอพักอยู่ห้องไหนครับ
ตึก 7 อยู่ทางตะวันออกของสระว่ายน้ำ ห้อง 704 ค่ะ
ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมชักแน่ใจแล้วว่าเป็นพู่แน่นอน แต่เธอตามมาถึงนี่เลยหรอ ผมชักรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วออกตามหาดีกว่าแต่รอพ่อกับพวกนั้นก่อนเพราะจะได้ปรึกษากัน
ในห้องนอนของผมเพื่อนๆ พ่อและแม่ ก็เข้ามาอยู่พร้อมหน้าในห้อง
อ๋อหนูคนนั้นเองหรอ แม่ถามขึ้นหลังจากฟังเรื่องจากผม แม่เห็นตั้งแต่บ่ายแล้วนะ เธอมาเปิดห้องบอกว่าเป็นเพื่อนลูก แต่บอกว่าอย่าเพิ่งบอกลูก เธอบอกว่าอยากจะเซอร์ไพส์อะไรนี่แหละ
แม่! ผมร้องด้วยความตกใจ ตอนนี้ผมเริ่มแน่ใจว่าเป็นพู่ชัวร์
อ่อ....แต่ตอนนี้มันก็ดึกแล้วนะเธอคงจะกลับไม่ได้ตอนนี้ก็คงอยู่บนเกาะ พ่อบอก เมื่อกี้พ่อไปตกปลากะเจ้านัด พวกลุงจ่า เค้าก็บอกว่า พายุเข้าแถวชายฝั่งคงไม่มีใครเอาเรือออกหรอกมั้ง
จริงสิไอ้ธีร์ลองออกไปหาดูแถวนี้ เผื่ออยู่อันตรายนะเว้ย...ยิ่งคุณหนูอยู่ด้วยไม่รู้จะเจออะไรบ้างไอ้นัดแนะนำหน้าเครียด ผมไม่รอช้าวิ่งออกมาทันที แถวนี้มันบ้านผมนี่ พ่อก็เป็นกำนันที่นี่ ผมจะกลัวอะไร ว่าแล้วก็ไปตามหาพู่ดีกว่า ผมออกตามหาในที่ที่คิดว่าอันตรายที่สุด แต่ก็ไม่พบ ในห้องก็ไม่มีเพราะพวกส้มกับแม่ไปหาแล้วบริเวณ รีสอร์ทไม่มีแน่ ผมยิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่ แต่สุดท้ายก็เหมือนมีอะไรบอกให้ไปดูที่ชายหาด ผมหาจนทั่วหาด แล้วก็เจอพู่นั่งอยู่ ใต้ต้นสนกอดเข่า มองท้องฟ้า ฮัมเพลง ผมเป็นห่วงแทบแย่แต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะไม่ได้ทุกข็ร้อนอะไรเลย
พู่ ! ทำไมนั่งอยู่นี่ ผมเรียก ดูเธอจะสะดุ้งเล็กๆ ก่อนจะหันมา
ออกมาตามทำไมล่ะ ไม่กอดกันกลมต่อล่ะ ท่าทางมีความสุข พู่ไม่น่ามาเลย มาขัดจังหวะธีร์กะส้ม คงเสียดายล่ะสิ พู่ก็ยังเป็นพู่วันยังค่ำครับ ให้เธอพูดออกมาอย่างงี้แหละครับดีดีกว่าตอนที่เธอเงียบคราวก่อนเยอะ ผมรู้สึกโล่งใจ ผมไม่รอช้าแล้วครับคืนนี้ความคิดถึงมันท่วมท้นใจเหลือเกินผมจะไม่รอแยๆ อีกแล้ว ผมสวมกอดพู่แล้วแนบเข้ากับตัวอย่างแนบแน่นเพราะกลัวเธอจะจากไปอีก รู้สึกเธอไม่ได้เจอเธอมานานนับปี เธอคงอึ้งเหมือนกัน แต่เธอก็กอดผมครับ สักพักเราก็คลายอ้อมกอด คงตั้งแต่วันนั้นที่พู่กอดผมอยู่หลังบ้านเธอ แล้วเราก็ไม่ได้กอดกันอีกจนวันนี้ เรานั่งดูดาวคุยกันเหมือนไม่เจอมาเป็นปี
ธีร์คงกอดกับคนอื่นจนชินแล้วสินะ แต่กอดนี้ของพู่เป็นของธีร์คนเดียวนะ หน้าพู่แดงเชียวครับแม้แสงไฟจะริบรี่แต่ผมก็เห็นได้ชัด
ไม่ใช่นะที่กอดส้มเมื่อกี้เป็น Friendly hug ผมตอบ
อืม...
พู่มานี่ได้ไงแล้วงานหมั้นล่ะ
อ้าวก็..นัดบอกว่าธีร์ให้พู่มาหาที่นี่แล้วมีเรื่องจะบอกพู่นิ่ พู่ก็เลยหนีมา นี่เป็นครั้งแรกนะที่มาต่างจังหวัดคนเดียว ตื่นเต้นจัง
อ้าว! อ้าวพี่ไม่ได้...อ่อ...ช่างเหอะ พู่ม่ก็ดีแล้ว แต่มาคนเดียวอย่างงี้น่ากลัวแย่
อืม....เดี๋ยว....ธีร์จะบอกว่าธีร์ไม่ได้อะไร บอกมานะ
เฮ้อ ! ก็ไม่ได้ให้ไอ้นัดตามพู่มานะดิ แต่มาก็ดีแล้วพี่มีไร.... คำพูดของผมถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของพู่
อ้าว ! พูดงี้ก็สวยดิพู่มาถึงนี่แล้วบอกว่าไม่ได้บอกให้มา เออ...กลับก็ได้
เดี๋ยว...ฟังก่อนสิ...พี่จะบอกว่า พี่ดีใจที่พู่มา แล้วก็ที่น่าจะบอกมานานแล้วคือ พี่รักพู่ ผมพูดมันไปแล้วครับ ว้าว ! เหลือเชื่อเลย รู้สึกโล่งใจแปลกๆ แต่วันนี้บรรยากาศช่างเป็นใจเหลือเกิน ผมมองหน้าพู่แล้วก็กอดเธอ ผมยื่นหน้าเข้าไปเพื่อจะจูบพู่ เป็นจูบแรกขงผมน่ะเนี่ยแล้วก็จูบแรกของพู่ด้วย ผมใจเต้นตึกตัก ตึกตัก เหมือนจะหลุดออกจากอกพู่หลับตาพริ้ม ผมก็หลับตาเหมือนกัน สัมผัสนี้ช่างอบอุ่นจริงๆ ริมฝีปากของพู่นิ่ม นุ่ม กลิ่นน้ำหอมที่อ่อนโยนให้บรรยายกาศเหลือเกินครับ
อั่นแน่ ! ไอ้ธีร์ทำไรเด็กวะ นี่ที่สาธารณะนะเว้ย ไอ้นัดแซวอกมาจากหลังต้นไม้ต้นถัดไป
โธ่ ! ส้มเลยอดดูเลย ส้มออกมาบ้าง
ว้า! ยายพู่เธอน่าจะรีบๆ รวบหัวรวบหางซะเลย น้องแนทออกมาบ้างบ้าง
น่าเกลียดแนท พู่พูด อ้าวแนทมาได้ไง ไหนพู่ว่ามาคนเดียว ผมถามบ้าง
ถ้าบอกก็ไม่สนุกสิ ใครจะกล้าปล่อยเพื่อนมาคนเดียว แนทตอบพร้อมแลบลิ้นปลิ้นตา
ไปขึ้นบ้านเหอะลูก พ่อแม่เรียก
นี่พ่อกะแม่ก็เห็นหรอเนี่ย ! ผมตกใจแทบสิ้นสติ แต่คืนนี้ทุกคนก็แฮปปี้ สรุปแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่พ่อกะไอ้นัดไปตกปลา ส้มอยู่กับผมตามลำพัง พู่มาเจอตอนกอดกัน ออกตามหาพู่ ทุกอย่างเป็นแผนการของไอ้นัดก้ะองแนททั้งหมดเลยที่จะหลอกผมให้เจอพู่แล้วอยู่ตามลำพัง แต่ยังไงก็นับว่าเป็นความดีของไอ้นัดมันก็ได้ครับที่ทำให่ผมเจอพู่ แล้วเราก็มีปาร์ตี้กันทั้งคืนเลย...สนุกกันมาก..แต่ยังไงตอนนี้ผมก็มีพู่อยู่ข้างกายแล้วเอาอะไรมาแลกก็ไม่ย้อม..ม....ม