23 มีนาคม 2548 16:18 น.
เสือยิ้มมุมปาก
..ในคราที่คาบเรียนภาษาอังกฤษมาถึง..หลากหลายความรู้สึกได้เกิดขึ้น บ้างก็ง้วง..ง่วง (โคตร~~ง่วงเลยค่ะ) หรือว่า เดี๋ยวถึงคาบ หลับดีกว่า หรือบางครั้งก็ (สำหรับบางคน) โอ๊ว~!พระเจ้าจอร์ชมันยอดมาก เดี๋ยวชั้นจะได้เรียนอิ้งแล้ว โอ้เย่.. หรือกับบางคนต้องเตรียมคำพูด สะ-แต้น-อัพ-พลีส..ส
....เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นภายในก้นบึ้งของจิตใจ....
แท้จริงแล้ว...เสียงกระซิบกระซาบ หลายๆสายตาที่จับจ้อง..มองตากันเลิ่กลั่ก ตระเตรียมคำพูดในใจระหว่างกัน...แล้วนางมารร้ายใดก็ตามที่นั่งหน้าสุด ต้องรับหน้าที่บอกคนสวยหน้ากระดานว่า ครูขา วันนี้....จุ๊ดๆๆ....เกิดค่ะ ..ร้องเพลงนะคะ
............ 10 วินาทีผ่านไป... มองตา+พยักหน้า...เสียงประสานเกิดขึ้น
อ้าว!! 1...2.....3
Happy Birth Day to u , Happy Birth Day to u, Happy Birth Day ..ๆ ...ๆ to you.
..คนสวยหน้ากระดานก็เอ่ยถ้อยมธุรสอีกเล็กน้อย....((เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรียน)) .. แต่หารู้ไม่ว่า ..เด็กๆ.. ((พยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุด เพื่อจะได้ยินเสียง ..ตึ้งตึ่งตึ่งตึ่ง...แล้วจะได้พักซะที่...เฮ้อ!! :-
...For today,something like this even .. Ill share it for you!!..
Hope you always fine and beutiful like this forever NA-Ka.
23 มีนาคม 2548 16:15 น.
เสือยิ้มมุมปาก
ยังจำได้ไหม? .. จำได้หรือเปล่าจ๊ะ ? ... ไม่อยากเขียนให้เลย เพราะเจ้าของเฟรนด์ชิพไม่สวย แต่ไม่เป็นไรจะพยายามฝืนความรู้สึกเขียนให้สักหน่อย .. อ้อ!มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกว่า อย่ามาแข่งความสวยกับครูนะ เพราะยังไงก็แพ้อยู่วันยังค่ำ ค่อยสวยชาติหน้าก็แล้วกัน ..(เจ๊บจี๊ดเลย)
...ซึ่งเดี้ยนก็ไม่ถือหรอกนะคะ (มันหนักหนิจะถือทำไมล่ะคะ ก๊ากๆๆ)เพราะยังไงเนี่ย ..เดี้ยนเริ่ดกว่าอยู่แล้ว.. [แต่มีเรื่องนึงนะคะ ที่ปรางอยากจะบอกครู ก็คือ.. ปีนี้ ครูก็ 34 แล้วใช่มั้ยคะ??? .. ปรางมีอะไรจะให้ ..อยากให้ครูรับไว้ด้วยความเต็มใจนะคะ ..ขอให้ครูมีความสุขมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในทุกๆๆๆๆเรื่องนะ (ยกเว้นความสวย) และอยากให้ครูเชื่อและมั่นใจนะคะว่า ปรางยังรัก&เทิดทูน&คิดถึงครูเสมอแม้ฟ้าจะล่ม..ดินจะสลาย .. เวหาจะพังทลาย สามทับเก้าจะเปี้ยนไป๋ (เกี่ยวมั้ยเนี่ย ... แหวะ- - เวอร์)
รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก รัก
17 มีนาคม 2548 13:11 น.
เสือยิ้มมุมปาก
เด็กแนวหรือเด็กอินดี้ เป็นคำที่ถือว่าฮิตมากในช่วงนี้ไปทางไหนก็ได้ยินจนเริ่มชินหู แต่ยังไม่มีสำนักไหนบัญญัติความหมายจริงๆ ได้ เช่นเดียวกับศัพท์แสงวัยรุ่นคำอื่นๆ ที่ล้วนแต่มาไวแล้วก็ไปไว แต่ที่เข้าใจตรงกันคือว่าเด็กแนวใช้เรียกวัยรุ่นกลุ่ม ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่งตัว แปลกๆ แสดงออกอย่างโดดเด่นและสนใจในเรื่องต่างๆ แตกต่างหรือแหวกแนวไปจากคนอื่น
ในยุคแรกเด็กแนวจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่แต่งตัวออกแนวศิลปะหรือแต่งเลียนแบบวงร็อกอังกฤษ แต่ที่ฮิตมากคือใส่เสื้อยืดพอดีตัวหรือซ้อนทับกัน 2 ตัวกับกางเกงยีนส์ที่ดูเปรอะเปื้อนนิดหน่อย ถ้าเปื้อนอุปกรณ์ศิลปะพวกสีพวกกาวยิ่งดี และมีความสนใจในเรื่องต่าง ๆ เช่น หนังสือ ภาพยนตร์ หรือเพลง แตกต่างจากคนอื่น (หรือที่เรียกว่าเฉพาะกลุ่ม)
ปัจจุบันเด็กแนวมีพัฒนาการเติบโตขึ้นจากเดิมมากไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเครื่องประกอบของแฟชั่น มีแฟชั่นเด็กแนวแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมา ทั้งแบบแฟชั่นญี่ปุ่น พั้งค์ และฮิพฮอพ หรือการเพิ่มจำนวนขึ้นของ กลุ่มคน จนน่าสงสัยว่าทำไมการเป็นเด็กแนวสามารถเป็นกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นการจะทำให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่งมันทำได้ในเวลาสั้นๆจริงหรือ?
การเดินทางเข้ามาของแฟชั่นการเป็นเด็กแนว ดูจะกลืนหายความเป็นตัวเองของวัยรุ่นผู้รักการเปลี่ยนแปลงปรับสีให้เข้ากับสภาพแวดล้อม จนเกิดคำถามมากมายว่าเด็กแนวคือตัวตนจริง ๆ หรือแค่เป็นแฟชั่นเพื่อให้การอยู่ในสังคมน่าสนใจที่สุดไม่ว่าจะในมุมมองของผู้ใหญ่ มุมมองระหว่างเด็กด้วยกันเองหรือในมุมที่เด็กแนวมองตัวเอง
ยังมีผู้ใหญ่หลายคนที่ไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเด็กแนวเท่าไหร่นัก แต่สำหรับคนที่พอเข้าใจก็ได้แสดงความรู้สึกต่อการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่นในยุคนี้ อย่างเช่น ป้าร้านเช่าการ์ตูนย่านมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ขอสงวนนาม เพราะกลัวเด็กมาว่า
ป้าก็ไม่ค่อยรู้หรอกไอ้เด็กแนวเนี่ย แต่ว่าก็เห็นเด็กเขาพูดกันพยายามฟังให้รู้ว่าไอ้เด็กแนวเนี่ยมันเป็นเด็กอะไร ป้าก็ถามเด็กเขาก็บอกว่า ไอ้พวกทำตัวประหลาด เจ๋ง ๆ ไงป้า ป้าก็ถามว่าเจ๋งยังไง เขาก็บอกว่าทำแบบที่คนอื่นเขาไม่ทำ แล้วก็ว่าเราว่าโหไม่แนวเลยป้า ป้ายิ่งงงไปใหญ่ (แถมห้ามเราพูดต่อเดี๋ยวมีเรื่องกัน) ตอนนี้ก็เห็นนักศึกษาที่แต่งตัวทำผมเหมือนพวกนักร้องในทีวีก็เริ่มเข้าใจแล้ว แต่ป้าว่าเขาก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนนะก็เป็นเด็กดีกัน บางคนเรียนเก่งด้วย เพราะถ้าสนิทกันเขาจะเล่าเรื่องเรียนให้เราฟัง
ถึงแม้หลายคนยังปฏิเสธการถูกเรียกว่าเป็นเด็กแนวเพราะคิด ว่าการเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ไม่ได้ปรุงแต่งหรือเปลี่ยนแปลงอะไร เช่นเดียวกับ คุณสินีนาฏ สุวรรณ์ สาวเก่งพนักงานฟรีแลนซ์ ทำหน้าที่รีพอร์ตและผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายภาพยนตร์ ของบริษัทผลิตภาพยนตร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง
มีหลายคนบอกว่าเราเป็นเด็กแนว แต่เราคิดว่าตัวเองไม่เป็น เวลามีคนว่าก็ไม่รำคาญไม่โกรธ ขำๆ นะ แต่ว่าไม่ชอบ เพราะไม่ว่าอะไรก็เด็กแนว ๆ ความจริงเราแค่อยากทำแบบนี้อยากแต่งตัวอะไรก็แต่งแล้วแต่วันว่าวันนี้อยากแต่งแบบไหน เราไม่ได้แต่งแบบเดิมๆ ตลอด บางวันใส่กางเกงบางวันใส่กระโปรงแบบผู้หญิงคนอื่นทั่วๆไป เราเด็กสุดในทีมงาน และแต่งตัวจัดอยากใส่อะไรก็ใส่ พี่เค้าคงอยากทำแบบนี้แต่ทำไม่ได้แก่แล้วก็เลยแซวเรา
ในความรู้สึกเราเด็กแนวก็เป็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่กล้าแสดงออก เขาคิดอยากจะทำอะไรก็ทำเหมือนเป็นการปลดปล่อย ไม่กลัวว่าใครจะว่าอะไร มีความมั่นใจในตัวเอง แต่บางคนก็ตามแฟชั่นนักร้อง ถ้าบอกว่าเป็นเด็กแนวเป็นการเปลี่ยนตัวเองไหม มันเป็นบางคนมากกว่า บางคนอาจจะเปลี่ยนตามแบบคนอื่นๆ แต่คิดว่าถึงจะเปลี่ยนการแต่งตัวหรือการแสดงออกได้ แต่ความรู้สึกตัวเราจะรู้เองว่ามันไม่ใช่ เพราะแค่แต่งตัว ประหลาดๆ แล้วจะเป็นเด็กแนวได้นะ แต่ละคนก็อาจจะมีแนวของตัวเองแต่มันชัดเจนขึ้นมาด้วยเรื่องแฟชั่น
แต่หลายคนก็ยอมรับตามตรงว่าเป็นเด็กแนว และคิดว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนกับการแต่งตัวหรือประพฤติตัวแบบนี้ เช่นวัยรุ่นกลุ่มนี้ที่ถูกเพ่งเล็งบ่อยทั้งจากสื่อและผู้ใหญ่ จึงไม่ขอเปิดเผยชื่อเพราะกลัวปัญหาจะเกิดขึ้นซ้ำอีก
ผมคิดว่ากลุ่มเรากลางๆ นะไม่แนวมากเราแนวในแบบของเราคือเป็นแนวเราเอง และคิดว่าเทรนด์เด็กแนวเนี่ยมันมาทีหลังการแต่งตัวของเรานะ เราไม่ได้เปลี่ยนตามอะไร แต่เด็กแนวหรือไม่แนวมันขึ้นอยู่กับกลุ่มที่ทำขึ้นมาว่าต้องเป็นแนวพั้งค์ต้องเป็นแนวฮิพฮอพ จริงแล้วของพวกนี้มันขึ้นอยู่ที่ว่า คุณรู้จักสถานที่ รู้จักกาลเทศะคุณก็น่าจะแบ่งแยกได้ว่าอะไรสมควรไม่สมควร และคุณใช้เวลาว่างให้ถูกต้อง
ไม่ใช่ว่าคุณจะแนวอย่างเดียวเอาสนุกไปวันๆ แล้วคุณจะไม่เรียนหนังสือ คุณก็ต้องเรียนหนังสืออยู่ดีคุณต้องรู้จักแบ่งเวลาหน้าที่ลง อย่างกลุ่มของเราก็เรียนหนังสือกันทุกคน บางคนมีปัญหาในการเรียน กิจกรรมของเราก็ทำให้ปัญหาเบาบางลง ควบคุมตัวเองให้ดีที่สุดไม่เดือดร้อนคนอื่นทำแต่เรื่องที่ดี อย่างกลุ่มเราก็เล่นกีฬา ออกกำลังกาย
ยุคสมัยเปลี่ยนไปเรื่องราวผู้คนก็ผันแปรตามเป็นธรรมดา วัยรุ่นก็เป็นอีกวัยที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว แต่การแต่งตัวแบบไหน ประพฤติตัวอย่างไร คงไม่ทำให้ใครเสียหาย หรือสร้างปัญหาอะไรมากมาย ถ้าภายในจิตใจและจิตสำนึกของเด็กไทยยังเป็นคนดี ไม่ได้มุ่งสร้างความเดือดร้อนให้สังคมหรือเปลี่ยนไปในทางที่เสื่อมถอยลง อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไปได้ตามแนวของตัวเอง.
16 มีนาคม 2548 16:56 น.
เสือยิ้มมุมปาก
สวัสดีปีใหม่ปีที่สิบหก
ช้ำระทกสะเทือนใจอีกไหมนั่น
น้ำตาหยดรดหลั่งชั่วปีวัน
ต้องสุขสันต์วันเกิดให้เงาตน
..............................................
เงาจ๋า..อยากได้อะไรไหมจ๊ะ
เงาจ๋า..อย่านะ..อย่าทำงง..สับสน
เงาจ๊ะ..ยิ้มกับตัวเองิส..เงาหน้ามน
เงาจ๋า..อย่าหน้าหม่น..หมองเช่นนั้นมันไม่งาม
**********************************
อืม..ทำอย่างไรวันนี้สุขีสุด
ก็..ทำอะไรอย่าสะดุดมาหยุดหยาม
ดี..กันไว้กับตัวเองทุกโมงยาม
นะ..จ๊ะคนงาม Happy Birth Day
... คนแรกที่กูโทร.ไปสวัสดีเนื่องในวันที่กูเกิด คือ พ่อ กับ แม่ .. กูคิดถึงพ่อกับแม่ว่ะ .. .แต่กูต้องทนอยู่..อยู่กับสิ่งที่กูไม่อยากอยู่ เพื่ออะไร เพื่อความเป็นไปในทางที่ดีขึ้นด้านการศึกษา กูต้องยอมว่ะ...
.... แล้วกูก็ได้ยิ้มด้วยความเขินหน่อยๆๆ ก็ น้องๆที่หอกู มันสะใภ้กู .. กูก็ตกใจ
... แต่กูก็รู้สึกดี....มันให้นาฬิกาสีส้มสะแหล่น....แก่กู...กูก็เอาว่ะ
พอกลางคืนตีหนึ่ง ไอพี่ก๊อตมันส่งข้อความมาหากู .. กูก็เออ ขอบใจ
... มีคนหลายๆคนส่งข้อความมาหากู...
กูเหมือนจะเศร้า....กูไม่ได้เศร้า
กูดีใจ...ใช่มั้ง...กูคงดีใจ
ตอนเช้า ครูอุ้ม ส่งข้อความมาหากู "สุขสันต์วันเกิด" กูดีใจ แต่กูไม่ชอบว่ะ มันห้วนเกินไป แล้วซักพัก ไอหลิงมันก็ส่งมาหากู ตามมาด้วยไอยี่ มันส่งมาว่า อนิจจาสังขาราสังขารใดๆไม่เที่ยง แก่ขึ้นอีกปีแล้ว บอน แอนนิเวซแซร์ และ ตอนบ่าย ไอควีนมาไปกินหมูทุบ .. กูก็กิน .. อิ่ม เจ็บขี้ ... ใช่มั้ย.. กูคิดว่าอย่างนั้นแหละว่ะ
... ** แต่สิ่งที่กูให้ตัวกูเอง คือ มันเนื่องมาจากเมื่อวานกูรับเกรด..กูได้น้อย กูจะร้องแล้ว..แต่กูไม่ร้อง เพราะแม่พูดจนกูรักแม่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ทั้งๆที่จริงๆก็รักสุดหัวใจแล้ว) กูเลยมีกำลังใจ ไปซื้อหนังสือเสริม มาอ่านๆๆๆๆ แล้วก็อ่าน มาทำความเข้าใจ แล้ววิเคราะห์ว่า..อะไรที่กูพลาด กูจะทำให้ดีที่สุด ต้องดีที่สุด
......กูสะใจตัวเอง กูไปเดินเล่นที่โรบินสัน ตอนแรกก็ไปร้านนายอินทร์ ซื้อๆไม่ทันเสร็จ เจอหน้าพนักงาน กูปวดขี้กะทันหัน เลยวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วสูง แล้วก็ไปเดินดวงกมลต่อ ได้หน้งสือลดราคามาอย่างเยอะแยะมากมาย .... กูพอใจ .. ความสุขของกู คือการได้อยู่ในร้านหนังสือ โดยไม่มีอะไรมาปิดกั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา หรือ ความเจ็บขี้ก็ตามที
... กูเดินเข้าไปในโรบินสัน เจอไอยี่ ชวนมันไปกินไก่ กูยังเสียดายไม่หาย กูกินไม่หมด...กูคิดถึงพ่อถึงแม่ถึงยายถึงย่าถึงปู่ ว่าไอที่กูเอามากินทิ้งกินขว้างนี้มันน่าเสียดายแค่ไหน..???
...กูซื้อ จาน แก้ว ที่รองจาน ชุดใหม่ ให้กับตัวกูเอง ..กูมีอิสระของกู กูอยากอยู่กับพ่อแม่ กูไม่มีโอกาส บ้านกูอยู่ไกล นั่งรถไม่ไหว กูต้องอยู่กับญาติพ่อ กูไม่ชอบเลยญาติพ่อ สันดานต่ำ ไร้ความคิด ไม่มีความพยายาม เกียจคร้าน ห่วงแต่นอน ไร้สาระ .... ชีวิตกูกับชีวิตญาติกู คนละแบบ กูเลยเบื่อ กูคุยเรื่องหนังสือ เรื่องเรียน เรื่องที่กูชอบ ไม่มีใครคุยกับกู เค้าคุยกันแต่เรื่องดารา ภาษาใต้เรียก เรื่องชาวบ้าน ภาษากูเรียก เสือกเรื่องเพื่อน ... ใช่มั้ย???
แล้วกูจะบ่นทำไม..ในเมื่อมันเป็นเรื่องของกู...กูจะบ่นให้คนอื่นรู้ทำไมวะ...??
*******************แล้วกูจะมาพูดแบบกูกูใหม่*********************
10 มีนาคม 2548 15:37 น.
เสือยิ้มมุมปาก
ชีวิตฉันค่อนข้างแปลกประหลาด...ชอบในสิ่งที่ไม่ควรชอบ ... เป็นในสิ่งที่ไม่ควรเป็น ... กลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว
...บ้ารึป่าว??....
ฉันว่าฉันไม่บ้านะ ฉันยังคงปกติดี กินได้ นอนหลับ มีเพื่อน คุยกับสิ่งไม่มีชีวิตได้อย่างปกติสุข อ่านหนังสือได้
...แล้วตกลง..เปงไง??
มีคนพูดนะว่า..ทำไมเธอ ทำตัวไม่เหมือนคนอื่น ..
ฉันก็บอก..."ไม่ได้ทำ...มันเป็นเอง ..เลือกได้..ก็ไม่ทำหรอก"
....ต่ออีกหน่อยว่า .. ทำแล้วมีความสุข ก็เลยทำ ..
เพื่อนก็เลยเลิกถาม .. เลิกสนใจ .. ไม่ไต่ไม่ถาม
คล้ายๆกับ "เลิกคบ"
สรุป..เพื่อนทิ้งหรือไร??
(เศร้า) แต่ก็ไม่ (เศร้า) เพราะบางที ความเศร้าก็ยังมีความสุขอยู่บ้าง
...เหมือนๆกับ..."ฉัน" ตอนนี้ ที่รักสีดำ..เพราะมันทำให้ฉันค้นพบสีขาว
"..สีดำ..ที่ทำให้พบ..สีขาว.."
"..ทุกข์...ที่ทำให้เห็นค่า..ของ..ความสุข"