19 กันยายน 2547 08:34 น.
เสือยิ้มมุมปาก
ผัดฉ่าตื่นรับอากาศแจ่มใสยามเช้าวันอาทิตย์ด้วยอาการกระปรี้กระเปร่า .. เตรียมออกไปวิ่งออกกำลังกายกับตาตามแนวทุ่ง..ภาพของใบข้าวเขียวอ่อนลู่ลม เสียดสีกันดังแสกๆ ประสานด้วยแว่วลำนำเสียงนกนานาชนิดพากันร้องเซ็งแซ่ ขับกล่อมคนทั้งสองให้เคลิบเคลิ้ม .. อีกทั้งแดดอ่อนๆแสนสุภาพไม่เกรี้ยวเหมือนดั่งเพลาอื่น ทำให้ทั้งสองมีเรี่ยวแรงจะวิ่งต่อไปข้างหน้า..วิ่งบ้างเดินบ้าง .. เสียงพูดคุยหัวเราะ..ดังแว่วกังวานตลอดเส้นทาง
หอบกันทั้งตาทั้งหลาน..เหงื่อโชกเหม็นหึ่งเลย สกปรกจริงๆ ไปอาบน้ำล้างตัวแล้วเดี๋ยวมากินข้าวกัน..อ้อ!!ช่วยยายตากผ้าด้วยล่ะผัดฉ่า
เร็วๆนะ
จ้า...ยาย
- - - - - - - -- - - - -- - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - -- - - - - - - - เวลาล่วงเลยไปหลายนาที -- - - - - -- - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - -
ผัดฉ่าบอกตาให้ขึ้นไปตั้งสำรับก่อน ส่วนเธอจะตากผ้า..
...ใครจะรู้ว่า...ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ละครโรงเล็กกำลังจะเปิดแสดง ตัวละครหลากสีสันหอมรัญจวนใจ เตรียมพร้อมในตะกร้าหวายใบเขื่อง..ผู้กำกับตัวน้อยก็พร้อมแล้วเช่นกัน ...
เสื้อผ้าบางตัวได้โลดเล่นบนราวผ้าเช่นดังนักแสดงผาดโผน แฝงด้วยความพลิ้วอ่อนตามสายลม ผัดฉ่าถอยห่างจากราวผ้าสักสองสามเก้า ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้อย่างเคย พร้อมวาดมือขึ้นๆลงๆ เลียนแบบรายการดนตรีโอเปร่าในโทรทัศน์...นานทีเดียว..
สำหรับเด็กเจ็ดขวบอย่างผัดฉ่า การได้เล่นได้แสดงออกตามจินตนาที่เธอเป็นผู้คิดและฝัน โดยไม่มีใครมากำหนด ก็นับว่าเป็นความสุขในโลกของเธออย่างบรรเจิดใจ...เธอคงเคลิ้มกับความงามบนราวผ้า จนกระทั่งเผลอฮัมเพลงออกมา..ระดับเสียงก็ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ..เรื่อยๆ
..กลัวเมียไหม? ใครไม่กลัว ถ้าไม่กลัวตะโกนดังๆ ว่าผมไม่กลัวเมีย เมียก็แค่เท้าหลัง ระแวดระวังข้างหลังเป็นใคร..
กระทบโสตประสาทของตา...เอากับเขาสิ..
ไม่กลัว...ตาไม่กลัวเมีย
....เฮ้ย!!
ยายหันขวับ..ตาร้องเสียงหลง
- - - - - - - - - - -- - - - -
แต่เสียงผัดฉ่ายังคงดังเช่นเดิม
...ดูท่าแล้ว..ละครโรงเล็ก..คงจะไม่เล็กแล้วสิ..
19 กันยายน 2547 08:24 น.
เสือยิ้มมุมปาก
เวลาอาหารเที่ยงของเด็กๆที่โรงเรียนดอนดำเนินวิทยา เป็นเหมือนเวทีประกวดนางงาม..หรือที่ผัดฉ่าชอบเรียกว่า นางงามปิ่นโต .. โดยปิ่นโตแต่ละนาง จะอวดโฉมเรียงรายหน้ากระดาน ราวจะเขม่นความสวยใส่กัน ผู้ชมอย่างผัดฉ่าและเพื่อนคนอื่นๆที่ไม่ใช่เจ้าของนางงาม ก็จะทายกันเป็นที่สนุกว่า ข้างในปิ่นโตโถสวยนั้นจะมีกับข้าวหรูแค่ไหน แต่ผัดฉ่าก็คิด..เข้าใจและมั่นใจเสมอว่า เมนูสารพัดไข่ของเธอย่อมอร่อยกว่าอย่างแน่นอน
ดูสิดู!! ขนาดปิ่นโตแท้ๆยังแข่งกันเลย...เสียงยายปรารถขึ้นหลังจากผัดฉ่าเล่าเรื่องเมื่อมื้อเที่ยงให้ฟัง
เหลียวตาไปมอง..ปิ่นโตของเธอก็ยังคว่ำอยู่..กะทบกับแสงจันทร์ที่สาดส่องลอดมาทางหน้าต่าง..แวววาวระยับ..เป็นล้นพ้น
แสงจันทร์..ทำให้ผัดฉ่า..คิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง..และน้ำตาของเธอก็ค่อยๆรินหลั่งออกมา..ไม่รู้ว่านานแค่ไหน..กระทั่งมีมืออุ่นๆมาสัมผัสใบหน้าของเธอด้วยความอ่อนโยน ยายนั่นเอง..ยายกอดผัดฉ่าไว้แน่น..รับรู้ได้ถึงความรักที่ยายมีต่อผัดฉ่า .. ยายไม่เล่านิทานปลอบขวัญหรือร้องเพลงกล่อม แต่ลูบหลังผัดฉ่าเบาๆสม่ำเสมอ ชวนเคลิ้มหลับ ครั้งหนึ่งผัดฉ่าปรือตาขึ้นเห็นลูกตาวาวๆของยาย รับรู้ได้ว่า ยายกำลังร้องไห้อยู่ในความมืด
19 กันยายน 2547 08:10 น.
เสือยิ้มมุมปาก
ณ บ้านสวนริมคลอง
.......................................................................................................................
เสียงกระทะกระทบตะหลิวปลุกผัดฉ่าหรือเด็กหญิงลีลาวดีให้ตื่นขึ้นอย่างเคย อันที่จริงกลิ่นหอมกรุ่นของข้าวสุกก็มีส่วน .. ลอยปะทะปลายจมูกของเธออย่างยั่วยวน.. ดึงผัดฉ่า ขึ้นจากภวังค์ความฝันยามนิทรา..พบกับความฝันในโลกของความเป็นจริง..ไม่อยากตื่น..ก็ต้องตื่น ..
ผัดฉ่าเดินหอบผ้าหอบผ่อน ไปอาบน้ำที่โอ่งหลังบ้านด้วยอาการงัวเงีย เสียงตาถามขึ้นว่า
ไง? ผัดฉ่า จะไปวิ่งเหรอ
ผัดฉ่า..เพิ่งจะตื่น..งง..และงัวเงียเสียงที่ออกมาจึงเหมือนกับคนยานคางพูด
วิ่งอารายเหรอตา?
ตาก็ทันควัน
ก็วิ่งผ่านน้ำไง ฮ่าๆๆ เอิ๊กๆๆ
..ตาชอบล้อผัดฉ่าเช่นนี้เสมอ..ก็เธออาบน้ำเร็วมาก .. มากจนบางครั้ง ผิวกายของเธอยังไม่สัมผัสละอองน้ำเลยแม้แต่น้อย
..ผัดฉ่าแต่งตัวเสร็จ เดินยิ้มหน้าสลอนมาหายายที่ครัว ไม่จำเป็นต้องปริปากเลยแม้แต่คำเดียว ยายก็จัดเสบียงใส่ปิ่นโตให้ผัดฉ่าเหมือนเคยทุกวัน..แล้วจะยากอะไร ในเมื่อเธอก็พกเสบียงแบบเดียวกันทุกวัน..ทุกวัน จนตาชวนผัดฉ่าไปแข่งขัน แชมป์กินไข่ ด้วยอารมณ์ขันของตา ทำให้ผัดฉ่าสงสัยว่า ตาอยู่กับยายได้อย่างไรเป็นสิบๆปี ในเมื่อ ยิ้ม ของยาย มีน้อยมาก..ถึงมากที่สุด ผัดฉ่าคิดว่า ยายคงเตรียมอัดยิ้มใส่กระป๋อง..เพื่อส่งขายต่างประเทศกระมัง
ได้ยินเสียงพี่โย่งเรียกดังลั่นหน้าบ้าน..ผัดฉ่ากุลีกุจอวิ่งลงจากบ้าน..
โครม..ตึง~อูย
..ใช่แล้วล่ะ..ผัดฉ่าวิ่งพลาดเผลอเหยียบชายกระโปรง กลิ้งตกบันได..นอนแอ้งแม้ง..อย่างน่าเอ็นดู ทุกๆคนวิ่งลงมาดู ส่วนพี่โย่งต้นเสียงก็ขึ้นจากเรือมาดูด้วยอาการหน้าตาตื่นไม่แพ้กัน .. คงมีแต่หลวงพ่อเท่านั้น ที่ค่อยๆเดินมาดูอาการ ผัดฉ่ารุ่นเก๋า อย่างช้าๆเนิบๆ ด้วยอาการสงบ
เป็นอย่างไรบ้างล่ะ โยม
ผัดฉ่ากระอึกกระอับตอบ..
ไม่เป็นไรค่ะ..หายแล้ว..ไม่เห็นเจ็บเลย ตกบันไดนิดเดียว..เด็กๆมาก อิอิ
ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะผัดฉ่า ยายว่าไปเถอะ ไปโรงเรียนได้แล้ว เดี๋ยวจะระฆังเสียก่อน
ทั้งสามเดินกันมาที่ท่าน้ำเพื่อจะลงเรือไปโรงเรียนกัน...สายตาทั้งสามคู่มองกันเลิ่กลั่ก คงมีแต่หลวงพ่อเท่านั้นที่เหมือนจะทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็พูดขึ้นมา..เบามาก..เหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน
อาตมาลืม..ผูกหัวเรือกับเสา
แม้จะเบาแค่ไหน..พี่โย่งก็ยังได้ยิน หันขวับไปทางหลวงพ่อ ร้องเสียงหลง เพราะรู้อยู่เต็มอกแล้วว่า ตนนั่นแหละต้องเป็นคนว่ายน้ำลงไปคัดท้ายเรือกลับมา..
และผัดฉ่าก็ไปถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพ..และทันระฆังพอดิบพอดี..ในใจภาวนาว่าเย็นนี้อย่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นอีกเลย..
เพี้ยง
เสียงภาวนาของเธอดังไปหน่อย..เพื่อนจึงหันมาดูและอมยิ้มๆตามๆกัน .. ผัดฉ่าก็ยิ้มเหมือนกัน แต่..ในใจก็บ่นไปว่า ..
หนอยแน่!! ยิ้มเย้ยผัดฉ่าซ่าส์แอนด์เก๋าเหรอ คอยดู
21 สิงหาคม 2547 14:37 น.
เสือยิ้มมุมปาก
"ส่วนเกิน"
เมื่อคืนที่ผ่านมา การกระทำของหญิงคู่หนึ่งซึ่งสัมพันธ์กันทางสายเลือดและสายใยรัก แสดงออกระหว่างกัน มันกระทบกระทั่ง..กระแทกและกระทั้นความรู้สึกของฉัน..ลดหลั่นตามสภาวะจิตใจที่ลู่ตามภาพปรากฎเบื้องหน้า..มันรุนแรงหอมหวาน กระทั่งทำให้น้ำตาใสๆร้อนผ่านของฉันไหลรินลงมา..หน้าซบหมอน..หมอนใบเก่าคร่ำคร่า มองต่ำลงมาราวจะควานหาความรู้สึกเดิมๆ ทอดสายตาสูงขึ้น แลเห็นภาพถ่ายของพ่อและแม่ .. ฉากหล้งเป็ฯเบื้องนทีกว้างไกล ทราบว่าแดนติดต่อของที่แห่งนี้คือ อ.ระโนด มาตุภูมิของแม่ ประปรายด้วยกอบัวน้อยใหญ่ ..พร้อมนกเป็ดน้ำที่ร่อนถลาเหนือผืนน้ำสีทองแห่งนั้น คนทั้งสองพบกันด้วยบุพเพสันนิวาส แม้ฉันจะตามมาภายหลัง ก็รักคนทั้งสองเช่นเดิม
..ขณะที่ภาพการณ์เหล่านั้นก็ยังคงดำเนินต่อไป..ผ้าคลุมโปงปล่อยน้ำตาให้ไหลไปนานแค่ไหน..ก็ไม่รู้..กระทั่งหลับไหลสู่ภวังค์นิทรา แม้กระทั่งยามราตรีความเจ็บช้ำก็คอยสะกิดใจอีกครั้ง..เหมือนฉันไม่ได้อยูในความต้องการของพวกเขา..เช่นวันวาน ครานั้น ..ฉันและเขาคนหนึ่งลงไปข้างล่างเพื่อจะไปหากับข้าวมารองรับชีวิตในแต่ละวัน เขาอีกคนกลับถามว่า "ไปกันสามคนเลยเหรอ" ฉันก็พยักหน้ารับคำ "นึกว่ากีตาร์มาคนเดียว" ฉันจึงตัดพ้อไปด้วยความไม่เข้าใจว่า "อ้าว!แล้วเห็นเมื่อก่อนตอนกีตาร์อยู่หอมอ.ไม่เห็น..นั้นเลย" และวันอื่นๆฉันก็แทบไม่อยากออกไปกับเขาผู้นั้นเลย และในเวลาที่ไปด้วยกันทั้งสามคน เขาก็เดินเคียงข้างกันไป แต่ฉันในเวลานั้น ยังคงเดียวดาย ฉันค่อยๆทอดกาวตามหลังเขาทั้งสองไป ด้วยน้ำตาที่ปริ่มจะไหลเนืองๆ หรือบางครั้ง ฉันถามเขาไปด้วยความจริงใจและอัธยาศัยดี เช่นเดิม..แต่สิ่งที่ถูกได้รับ คือ ความโมโหที่เจือปนในน้ำเสียงค่อนไปทางเกรี้ยวกราดนั้น สมองฉันเงียบงันไปครู่หนึ่ง ตามมาด้วยคำถามในใจว่า "ในเมื่อฉันก็พูดดีแล้วแต่ทำไมเขาไม่เก็บความเหนื่อยอ่อนแล้วสนองตอบเหมือนที่ฉันทำบ้างล่ะ"
..บางเวลามันทำให้ฉันเข้าใจ..คิด..และรู้สึกว่า "ฉันคือส่วนเกินของชีวิตพวกเขารึอย่างไร" ...
16 สิงหาคม 2547 17:49 น.
เสือยิ้มมุมปาก
ดวงอาทิตย์ส่องประกายแดงระเรื่อ ปลุกเร้าพลังระริกในตัวคนให้ก่อเกิดขึ้น .. หมู่นกกาพากันทยอยบินกลับรังเป็นทิวแถว ในสำนึกคงเพรียกหาแต่ลูกน้อย ผู้อยู่เบื้องหลังความเหนื่อยยาก .. ลมพัดเอื่อยๆ พาใบไม้แกว่งไกวเป็นจังหวะ บ้างก็ค่อยๆ โรยร่วงลงพื้นดินเบื้องล่างอย่างช้าๆ..ช้าๆ ราวจะปลิดความเหนื่อยล้า..ปลีกหนีความวุ่นวายแต่ละวัน ... ยืนกอดอก ท่าทางมั่นใจ เปี่ยมด้วยความอ้างว้าง ณ ตึก 7 ชั้น 7 สายตามุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว ..ทอดสายตา ณ เบื้องหน้า ในมโนสำนึกขณะนั้น และเห็นผืนน้ำทอแสงส่องประกายระยิบระยับวับวาม แลดูสวยงามยิ่งนัก น่านนทีค่อยๆไหลเอื่อยๆไปข้างหน้า..ข้างหน้า ไม่มีทีท่าจะหวนกลับ..ฉับพลันนกเป็ดน้ำค่อยๆบินโฉบถลาร่อนลงเหนือฝั่งชลธาร .. ชีวิตสั้นนิดเดียว ได้เกิดขึ้นและจบลง..อีกครา..เช่นเดิม
ภาพเหล่านี้ค่อยๆเลือนหายไป .. ยืนกอดอก ท่าทางมั่นใจ สายตามุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว..ทอดสายตา ท่ามกลางโลกความเป็นจริง ณ เบื้องหน้าเช่นเดิม แลเห็นหญิงชายคู่หนึ่งเผชิญหน้าปะทะกัน หญิงกล่าวถ้อยมธุรส..เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำตา ชายกล่าวถ้อยผรุสวาท..คุกรุ่นด้วยความโกรธ... อีกไม่ช้า ... คน อาจจะต้องเจอกับคำว่า ชีวิตสั้นนิดเดียว ด้วยการณ์และความรู้สึกที่ต่างกัน..อีกครา..เช่นเดิม
ปล. ถ้อยพรรณนานี้ มิได้มีเค้าความจริงแต่อย่างใด เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนที่อ้างถึงรูปการขณะนั้น..เท่านี้ !!!