22 มีนาคม 2554 01:52 น.
เสี้ยว
แสงจันทร์หม่นร้าว
แสงดาวพลอยห่างหาย
ส่องแสงริบหรี่พร่าพราย
มึนหมองเมามายใต้เงาจันทร์
เลือนพร่าหรือลาห่าง
หรือเลือนลางเพราะพิษฝัน
เคยอุ้มโอบใต้ดวงตะวัน
กลับลาจากพลันลับไกล
จันทร์เอยเลือนพร่า
หรือเพราะน้ำตาบ่าไหล
ยื้อแสงดาวริบหรี่ไว้
เก็บกอดให้แนบใจนิรันดร์
เลือนพร่าราวจะลาลับ
ก็ใครเล่าคอยนับความฝัน
แว่วเสียงอาวรณ์สะท้อนหวั่น
แล้วเพียงเท่านั้นก็อำลา
อยู่ก่อน โปรดอยู่ก่อน
เพ้อหนักจึงร่ำกลอนกับฟ้า
ยินเพียงลมแผ่วกระซิบมา
แว่ววอนอ่อนล้าเหมือนขาดใจ
ลมเย็นบาดผิวเจ็บ
พระจันทร์หนาวเหน็บกว่าคราวไหน
ดูเมฆสิ รังแกหรือกระไร
ห่มคลุมฟ้าไว้ให้มัวเมา
น้ำตาจันทร์หยดใครรู้
แสงดาวหดหู่ในคืนเหงา
ความมืดมีมนตร์มอมเมา
ความรักจึงหม่นเศร้าเหมือนเงาจันทร์
16 มีนาคม 2554 09:27 น.
เสี้ยว
แผ่นกระดาษพาดแอ่นบนแผ่นไม้
วาดลวดลายสายเส้นเป็นเขตขัณฑ์
รวมเรื่องราวใหญ่น้อยไว้ร้อยพัน
เพียงสำคัญขานตำนานผ่านแผ่นเดียว
หากลองย้อนมองหมู่มวลมนุษย์
เปรียบประดุจสิ่งใดลองแลเหลียว
จักรวาลไพศาลกว้างจริงเจียว
ละแหล่นเลี้ยวเรียวทางอย่างยืนยง
มนุษย์เรามัวลุ่มหลงทะนงนัก
จงประจักษ์ว่าสิ่งรู้เพียงเศษผง
อย่าเทียมเทียบจักรวาลที่ธำรง
เจียมตนลงคงเทียบ เ พี ย ง ธุ ลี