16 กุมภาพันธ์ 2550 21:16 น.

ละอองดาว ละอองดิน

เสี้ยว

ละอองดินผินหน้าเข้าหาดาว
อันนวลขาวสกาวสุกสว่างใส
สวยระยิบพริบพรายระรายไพร
ประดับไว้คล้ายดารามาเยี่ยมเยือน

ละอองดาวสกาวแสงจนแจ้งป่า
ละอองฟ้าระยับตาหาใดเหมือน
ละอองดินรมิลแลมิแชเชือน
ละอองสุขประทับเตือนมิเลือนไป

ว่าครั้งหนึ่งเคยอิ่มไอกลิ่นอายอุ่น
แสงละมุนแผ่มาคราฟ้าใส
ละอองดาวพราวพลังใช่ตั้งใจ
ละอองดินเพียงหมายใจรับไว้เอง				
8 กุมภาพันธ์ 2550 02:17 น.

เริ่มอย่าง จบอย่าง

เสี้ยว

ถ้าหากวันหนึ่งข้างหน้า
ที่เราสองร้างลาห่างหาย
จะเป็นไหมที่เราจะกลับกลาย
เป็นคนแปลกหน้าที่คล้ายเคยคุ้นกัน

เหมือนตอนเช้ายามตื่นนอน
เราไม่เคยอาวรณ์กับความฝัน
แต่สงสัยว่าเรื่องจริงที่ผ่านมานั้น
มันจะเป็นแบบเดียวกันรึเปล่า...ไม่แน่ใจ

เปล่า...ไม่ได้แต่งกลอนให้ใครเขา
เพียงแต่สงสัยตัวเราเข้าข่ายไหน
อาจเป็นบ้าเป็นประสาทเลยเป็นไป
ตอบตัวเองยังไม่ได้....อย่าถือสาเลย

แล้วกลอนบทนี้จะบอกอะไรเล่า
เพราะยังคงเมาๆ....โปรดเพิกเฉย
หากได้อ่านอย่างไรแล้ว....โปรดผ่านเลย
หรือมีอารมณ์จะเยาะเย้ย ก็ได้เลยไม่ว่ากัน				
8 กุมภาพันธ์ 2550 00:29 น.

อ่อนล้าเหลือ กับการวิ่งตามระบบ

เสี้ยว

โอ้คนเราคงลืมอะไรไปบางสิ่ง
นั่นคือความเป็นจริงที่เราต่างมองผ่าน
เรื่องที่ว่าชีวิตนี้อยู่เพียงอีกไม่นาน
ก็ถึงเวลาคืนกลับ "บ้าน" ที่จากมา

เลยวิ่งวุ่นเรื่อยไปตามใจระบบ
ที่เขาคิดสมคบให้เราต้องวิ่งหา
เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตไว้ด้วยเงินตรา
แล้วละเลยรักล้ำค่าให้หายไป

แล้วที่อีกครึ่งโลกยังทวงถาม
ว่าความงดงามของโลกนั้นอยู่ไหน
ไม่พอหรือ เอาอีกหรือ...ยื้อแย่งกันเรื่อยไป
ก็ยังปล่อยความเห็นแก่ตัวไว้นิจนิรันดร์

อ่อนล้าราแรงแล้วกับโลกนี้
เบื่อที่ต้องวิ่งไปตามที่เขาจัดสรร
ไม่เห็นมีสิ่งใดเป็นสาระสำคัญ
ที่เขายัดเยียดทั้งหมดนั่น...คือมายา

ภายใต้ทุนนิยมโลกนี้ที่กำหนด
มันเบียดบดบังไว้ซึ่งคุณค่า
อารยะที่แบกรับไว้ตลอดมา
คือวาทกรรมที่เข่นฆ่าความดีงาม

ขอแค่นี้ พอแล้วที่มี กับชีวิต
ขอสู้ตามสิ่งที่คิด ตามชีวิตที่ทวงถาม
เพียงพอแล้วกับวาทกรรมความดีงาม
จะขอเพียงปล่อยใจตามกับสายลม

คงไม่สายเกินไปที่ใจจะเริ่มคิด
จะต่อเติมชีวิตให้ยึดติดในสิ่งสม
อาจจะยากแต่เพียงอยากจะชื่นชม
ตัวเราเองที่ไม่ยอมจมในโลกมายา				
7 กุมภาพันธ์ 2550 20:48 น.

โอ้...ยายจ๋า...

เสี้ยว

ยายของฉัน
บ่นทุกวันว่าอยากกลับบ้าน
ทุกๆคืนยายร่ำร้องออกมานอกชาน
จะกลับไปตามหาบ้านที่ยายคุ้นตา

ยายบอกว่าคุณตารออยู่บนบ้าน
รอคุณยายมานาน ให้กลับไปหา
ตากำลังรอยายกินข้าวกินปลา
ยายต้องไปหุงหาให้ตาได้กิน

ยายยังว่าชั้นสองมีช่างตัดเสื้อ
ในห้องรกเรื้อด้วยผ้าหลากชิ้น
นี่มันไม่ใช่บ้านที่คุ้นชิน
ยายว้าวุ่นไม่สิ้น  ถ้าพวกเขารอ

โอ้ยายจ๋า 
ตาไปบนฟ้าตั้งนานแล้วหนอ
ทั้งช่างตัดเสื้อเขาไม่ได้รอ
เพราะต่างมีเรือนมีหอแยกย้ายกันไป

ส่วนฉันไงหลานคนที่สิบห้า
ที่ยายเคยว่าดื้อกว่าหลานคนไหน
โอ้ยายจ๋า ยามนี้ฉันเศร้าจับใจ
เมื่อฟังที่ยายพูดไป มันบาดหัวใจระทม

หวนคิดถึงตักนุ่มๆที่เคยนอนหนุน
กับมือกร้านหากอบอุ่นของยายยามลูบผม
หากดื้อนัก ยายจะขู่ด้วยก้านมะยม
ให้ฉันทำตัวเหมาะสมอบรมเป็นกุลสตรี

ยายจ๋า นี่แหละบ้านยาย
อนิจจา.. ยายจำไม่ได้เสียแล้ววันนี้
โอ้ยายจ๋า ฉันจะทำเช่นไรดี
กับสังขารที่ร่วงราลงทุกที...คงไม่มีหนีพ้นเลย				
7 กุมภาพันธ์ 2550 19:08 น.

วาดความฝัน

เสี้ยว

ร้อยความฝัน พันความหวัง ที่ร่างก่อ
แล้วถักทอ ร้อยเรียง เพียงอยากเห็น
วาดความรัก ตามใจ อยากให้เป็น
 ให้เหมือนเช่น นิทาน ที่อ่านมา

วาดทั้งหมด ที่ใจ นั้นได้คิด
วาดสักวัน จะพิชิต ยอดภูผา
วาดหวังไว้ เมื่อผ่าน กาลเวลา
วาดชีวิต ที่ล้ำค่า น่านิยม

โอ้ความรัก ความผูกพัน ขยันวาด
สักวันอาจ มีจริง ได้ดังสม
วันนั้นอาจ เจอสิ่งดี ที่น่าชม
ความสุขสม ประโลมโลก ประโลมใจ

อีกยังวาด สุดถนน ที่ค้นหา
จะยืนหยัด อย่างสง่า เหมือนฝันใฝ่
วาดผู้คน ชื่นชม อย่างสมใจ
เป็นศิลปิน ยิ่งใหญ่ ดังใจปอง

ในบทกลอน วาดความคิด ประดิษฐ์ไว้
วาดความฝัน ที่ใฝ่ ยามใจหมอง
แล้วยังวาด ผ่านเสียงเพลง บรรเลงร้อง
วาดความฝัน ให้เรืองรอง ยามท้อใจ

เมื่อเยาว์วัย ได้วาดหวัง วาดความคิด
วาดชีวิต ให้กระจ่าง สว่างใส
วาดความดี คงไว้ ในหัวใจ
ผืนผ้าใบ จะบริสุทธิ์ ไม่มืดดำ

หากชีวิต ที่ผันผ่าน การค้นหา
จึงรู้ว่า สิ่งที่วาด ช่างน่าขำ
ไม่อาจมี หรอกชีวิต ที่คิดทำ
เป็นเพียงฝัน เริงระบำ ในบทกลอน

ในวันนี้ กระดาษวาด จึงยับขาด
ไม่อาจวาด สิ่งใด ได้เหมือนก่อน
พบแต่เพียง เศษกระดาษ ที่ขาดตอน
ให้นึกย้อน วันวาน ที่ผ่านเลย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสี้ยว
Lovings  เสี้ยว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสี้ยว
Lovings  เสี้ยว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสี้ยว
Lovings  เสี้ยว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเสี้ยว