7 กุมภาพันธ์ 2550 19:08 น.
เสี้ยว
ร้อยความฝัน พันความหวัง ที่ร่างก่อ
แล้วถักทอ ร้อยเรียง เพียงอยากเห็น
วาดความรัก ตามใจ อยากให้เป็น
ให้เหมือนเช่น นิทาน ที่อ่านมา
วาดทั้งหมด ที่ใจ นั้นได้คิด
วาดสักวัน จะพิชิต ยอดภูผา
วาดหวังไว้ เมื่อผ่าน กาลเวลา
วาดชีวิต ที่ล้ำค่า น่านิยม
โอ้ความรัก ความผูกพัน ขยันวาด
สักวันอาจ มีจริง ได้ดังสม
วันนั้นอาจ เจอสิ่งดี ที่น่าชม
ความสุขสม ประโลมโลก ประโลมใจ
อีกยังวาด สุดถนน ที่ค้นหา
จะยืนหยัด อย่างสง่า เหมือนฝันใฝ่
วาดผู้คน ชื่นชม อย่างสมใจ
เป็นศิลปิน ยิ่งใหญ่ ดังใจปอง
ในบทกลอน วาดความคิด ประดิษฐ์ไว้
วาดความฝัน ที่ใฝ่ ยามใจหมอง
แล้วยังวาด ผ่านเสียงเพลง บรรเลงร้อง
วาดความฝัน ให้เรืองรอง ยามท้อใจ
เมื่อเยาว์วัย ได้วาดหวัง วาดความคิด
วาดชีวิต ให้กระจ่าง สว่างใส
วาดความดี คงไว้ ในหัวใจ
ผืนผ้าใบ จะบริสุทธิ์ ไม่มืดดำ
หากชีวิต ที่ผันผ่าน การค้นหา
จึงรู้ว่า สิ่งที่วาด ช่างน่าขำ
ไม่อาจมี หรอกชีวิต ที่คิดทำ
เป็นเพียงฝัน เริงระบำ ในบทกลอน
ในวันนี้ กระดาษวาด จึงยับขาด
ไม่อาจวาด สิ่งใด ได้เหมือนก่อน
พบแต่เพียง เศษกระดาษ ที่ขาดตอน
ให้นึกย้อน วันวาน ที่ผ่านเลย
5 กุมภาพันธ์ 2550 22:52 น.
เสี้ยว
คนดี...ฉันขอโทษ
ฉันรู้เธอไม่โกรธฉันใช่ไหม
มีหลายคำ หลายความรู้สึกข้างใน
สับสนปนๆไปในใจนั้น
ฉันเองแหละที่ผิด
ที่ไม่อาจคิดกับเธออย่างที่ฝัน
ที่เคยวาดภาพไว้ในวันที่เรามีกัน
แต่แล้วกลับเป็นฉันที่ทำลายมันไป
ที่เคยกลัวเธอเป็นเพียงความฝัน
กลับกลายเป็นตัวฉันที่แสนจะอ่อนไหว
แล้วฉันก็ทำผิดที่เผลอรับเอาหัวใจ
กับความรู้สึกที่เธอให้มาทุบมาทำลาย
ยังคงปล่อยหัวใจให้ถูกแผดเผา
ด้วยภาพของเราวนเวียนไม่ห่างหาย
ความผิดในครั้งนี้คงยากจะกลับกลาย
คงตามติดไม่เว้นวายตลอดไป
ฉันควรทำอย่างไรดี
ฉันอยากเห็นเธอมีวันที่สดใส
ฉันอยากเห็นเธอลุกขึ้นแล้วก้าวต่อไป
ไม่อยากเห็นเธอจมลงไปในความเงียบงัน
ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากขอโทษ
จริงๆก็อยากให้โกรธให้เกลียดฉัน
ตัวเธอเองจะได้ลืมเรื่องราวที่ผูกพัน
และจะได้กำจัดฉันออกไปจากใจ
และมันคงยากจะเริ่มต้นอีกครั้ง
เพราะกลัวจะทำใจใครพังในครั้งใหม่
คงไม่มีแล้วที่คิดจะคบใคร
จึงขอปิดหัวใจเอาไว้อย่างเย็นชา....
30 มกราคม 2550 23:44 น.
เสี้ยว
เพราะสับสนมากมาย
จึงต้องลับหายจากใครๆเขา
หนีมาค้นหาคำตอบให้หัวใจดวงเก่าๆ
ปล่อยหัวใจเขา ระเริงเล่นกับลมเบาบาง
คงมีบ้างบางหน
อยากหลบหนีผู้คนรอบข้าง
ไปให้ไกลจากเรื่องราวต่างๆ
ไปอยู่กับความอ้างว้างอย่างเหงาๆ
คงมีบ้างบางที
ที่หัวใจนี้จะขลาดเขลา
หวาดกลัวผู้คนที่รายล้อมเรา
กลัวไปว่าเขาจะได้ยินเสียงของหัวใจ
คงมีบ้างบางครั้ง
อยากอยู่ลำพังไม่ยุ่งกับใครที่ไหน
อยากหลบมาสางเรื่องต่างๆของหัวใจ
อยากตอบคำถามที่ดังอยู่ข้างในเพียงเท่านั้น
เถิดนะ ปล่อยฉันตามลำพังไปก่อน
อย่าเดือดอย่าร้อนที่ฉันไหวหวั่น
ที่อ่อนล้าอ่อนแอก็แค่บางวัน
ปล่อยใจไหลผ่านเรื่องราวนั้นมันก็จบไป
ปล่อยฉันตามลำพังอยู่กับตัวฉัน
ให้หัวใจมันรับรู้ว่าเหงาแค่ไหน
และให้อดทนจนกว่าจะเจอที่ถามตัวเองไว้
ตอบตัวเองได้เมื่อไหร่ คงได้กลับไปเป็นแบบเดิม
9 มกราคม 2550 09:23 น.
เสี้ยว
ที่ผ่านมา
ไม่เคยกล้าให้เธอรู้ว่าคิดถึง
เพราะเราเองก็ไม่มีอะไรลึกซึ้ง
เป็นเพียงใครคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกัน
เพราะรู้สึกว่าไม่มีสิทธิ
ที่จะคิดดึงเธอออกมาจากฝัน
บางทีอาจพอแล้วที่เพียงรู้จักกัน
ไม่ต้องเกินเลยกว่านั้นให้ลำบากใจ
พยายามบอกเป็นนัยอยู่หลายครั้ง
เพราะอยากรู้จังว่าเธอคิดแบบไหน
ได้แต่ซ่อนความอาทรไว้ภายใน
ไม่กล้าบอกออกไปว่าคิดถึงเธอ
จนวันหนึ่งฉันก็ได้พบ
ว่าความคิดถึงเรามาบรรจบ ใกล้กันเสมอ
วันนี้สินะที่ฉันคงกล้าบอกเธอ
ว่ายามที่ไม่ได้เจอ ฉันคิดถึงเธอเพียงไร
ฉันคงมีสิทธิเต็มเปี่ยมแล้วนะ
ที่จะบอกเธอว่าห่วงใยแค่ไหน
ความคิดถึงที่ฉันฝากแมลงตัวนั้นไป
โบยบินถึงเธอแล้วใช่ไหม ช่วยรับไว้ด้วยแล้วกัน
5 มกราคม 2550 11:45 น.
เสี้ยว
ฉันหายไปจากโลกตัวอักษร
เหลือแค่เพียงร่างเงาของบทกลอนที่เพรียกหา
เศษกวีและชีวิต เศษความคิดที่เกลื่อนตา
เท่านั้นที่ย้ำว่า ฉันเคยภูมิใจนักหนาในงานกลอน
ไล่ระเรื่อยไปตามภาษาที่บ้าเขียน
ให้รับรู้ถึงกระแสกวีไหลเวียนในวันก่อน
ปวด แปลบ แปลก ปะปนไปเมื่อนึกย้อน
ในยามความฝันไหวอ่อน และแอบซ่อนอยู่ภายใน
ไร้แล้วซึ่งแรงเริงระบำ
ไร้แล้ววิญญาณวรรณกรรมที่พริ้วไหว
มีเกิด มีดับ มีสูญลับ และจากไป
เหลือเพียงความว่างกลวงในหัวใจที่ล่าไล่เป็นเงา
บทกวีวันนี้จึงมีแต่บ่นบ้า
ไม่แฝงปรัชญาคติฉลาดด้วยขลาดเขลา
ไร้สาระ ล่องลอย บางเบา
ไม่อาจเก็บเอาสารัตถะต่างๆนานา
ฉันหายไปจากโลกตัวอักษร
และแอบซ่อนอยู่หลังกระดาษหนาๆ
บ่มเพาะตัวตนเพื่อไม่นานวันหนึ่งข้างหน้า
ฉันจะกลับมาเผชิญชะตากับโลกกวี