2 มกราคม 2547 23:41 น.
เสี่ย sport light
Thursday, January 01, 2004
วันนี้ เป็นวันขึ้นปีใหม่วันแรก ผมรู้สึกข่อนข้างดี แต่มีอย่างเดียวที่ไม่ดี คือ เธอคนนั้นไม่ตอบ เมล์ กลับ ฮือๆๆๆๆๆๆๆ! เสียใจ แต่ก็ดีวันนี้ตื่นมาตอนเช้า ก็ออกไปปั่นจักรยานที่ไร่ กับน้องสาวเหมือนเดิม เมื่อผมกำลังหันไปแกล้งน้อง ข้างหลังเมื่อหันกลับมาอีกที ผมก็เห็นกิ่งส้มอยู่ข้างหน้า ผมเลยชนเข้าอย่างจัง มันจึงเป็นสิ่งแรกที่ต้อนรับในปีใหม่ เฮ่อ เริ่มต้นก็เจ็บแล้ว ไม่รู้ในปีนี้มันต้องมีอะไรให้เจ็บกว่านี้อีกไหมน้า เมื่อถึงช่วงบ่ายๆ ผมก็รู้สึกเหงาดีพิลึก จึงขึ้นไปคิดอะไรคนเดียวเงียบๆที่ห้อง โถงของบ้านไร่ ขนาดบ่ายยังหนาว คิดอะไรคนเดียวเพลินๆไม่รู้จะทำอะไรก็หยิบกระเป๋าสตางค์ เปิดดูรูปเธอคนนั้น ดูไปดูมาก็ยิ้มคนเดียว น้องสาวเดินเข้ามาเห็นเธอก็เลยแอบเข้ามาดูใกล้ๆมาข้างหลังขณะที่ผมก็ยังคงเหม่อยิ้มอยู่กับรูป แล้วน้องสาวผมก็เข้ามาข้างหลังแล้วมาแตะหลังแล้วพูดว่า เบิ่งฮูปไผอยู่ก่ออ้าย บอกเฮามานะบ่เช่นนั้นเฮาจะไปอู้ให้พ่อฮู้เน้อ อ่อ! มันเป็นภาษาคำเมืองน่ะครับ แปลว่า ดูรูปใครอยู่น่ะพี่บอกเค้ามาเดี๋ยวนี้นะไม่อย่างนั้นเค้าจะไป บอกพ่อให้รู้นะ น้องคนนี้มันจริงๆเลยผมทำอะไรไม่ได้มันชอบจะคอยจับผิดผมอยู่เรื่อย ก็เป็นอย่างนี้แหละครับพี่น้องคู่นี้ อ่อ! ยังขาดพี่ชายผมอีกคนนะเนี่ยไม่อย่างนั้นคงมีเรื่อง ฮากว่านี้พอดีว่าพี่เขาพาพวกเพื่อนๆไปแอ่ว เฮ่ย! ไปเที่ยวกันที่อ่างขางน่ะครับ เข้าเรื่องต่อดีกว่า เราสามคนเป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยอยู่ด้วยกันสักเท่าไหร่ พอนานๆเจอกันทีมันเลยคอยที่จะมีเรื่องให้แกล้งกันอยู่เรื่อย แต่ถึงเราจะแกล้งกันสักเท่าไร เราก็รักกันครับ โดยเฉพาะน้องสาว น้องเล็กของเราพวกเราจะรักเป็นพิเศษหน่อย เธอจึงชอบเอาแต่ใจ เมื่อเธอเข้ามาพูอย่างนี้ผมก็ต้องบอก ผมให้น้องมานั่งที่โซฟา แล้วเราจึงเมาส์ กันอย่างสนุกจนลืมเวลา จนพ่อให้คนมาตามไปกินข้าว เรื่องที่เราพูดไปก็เป็นเรื่อง ในโรงเรียนของพวกเราทั้งสองคนเพราะว่าเราเรียนกันคนล่ะที่ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง น้องผมบอกว่าช่วงเทอมสองของปีแรกในโรงเรียนมัธยม พูดซะยาวเลย ม.1 เทอม2 นั่นแหล่ะ มีเรื่อง เลิฟๆ ของเพื่อนเธอเยอะเลย เธอบอกว่ามีเพื่อนเธอโดนทิ้ง ฮ้า! โดนทิ้ง เราทั้งสองยิงมุขกันแบบโฆษณา แอร์เทรน ผมเลยบอกน้องว่าให้ไปบอกเพื่อนนะว่าถ้าไม่อยากโดนทิ้งก็ให้ไปเกิดเป็นแอร์เทรนสิ น้องเล่าต่อว่าเพื่อนน้องมีเพื่อนผู้ชายมาจีบแต่เมื่อคบไปคบมาก็รู้ว่านิสัยไม่ดี เพื่อนของน้องผมจึงคอยเตือนด้วยความหวังดีว่าให้ทำอย่างนี้ๆนะ แต่ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันไม่เห็นความดีของเพื่อนน้องผมเลย ฟังแล้วมันคันมือ แล้วน้องก็เล่าต่อว่าไม่รู้เป็นอะไรเมื่อเย็นยังเห็นไปส่งกันดีแต่พอมาวันรุ่งขึ้นไม่พูดกันซะแล้ว อุ้ย!เหมือนชีวิตใครบางคนเลย อ้อ! แต่ขอโทษที่ไม่ใช่ผม เมื่อน้องสาวเล่าจบผมก็เล่าบ้างว่ารูปที่พี่ดูอยู่ก็คือคนนี้แหละที่พี่เคยพูดให้ฟังบ่อยๆว่าพี่แอบปลื้ม ขอใช้คำพูดว่าแอบปลื้มก็แล้วกัน เพราะว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกพี่รู้ตัวพี่ดีว่าพี่มันเป็นใคร และเธอคนนั้นเป็นใคร มันตายแล้วเกิดใหม่อีก 10 ชาติ มันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้หรือ เปล่า อยากจะอาเจียน ใช่ไหม พี่รู้ว่าคำพูดของพี่มันอาจจะดูว่าน้ำเน่าแต่ถึงน้ำมันจะเน่า มันก็ยังมองเห็นเงาจันทร์ แต่คำพูดทุกถ้อยคำที่พี่พูดออกไปมันเป็นความรู้สึกนึกคิดของพี่เอง พี่มันก็อาจเป็นแค่หมาวัดตัวหนึ่งและขี้เรื้อนด้วย แต่เธอคนนั้นเป็นดอกฟ้าที่อยู่สูงเกินกว่าที่หมาวัดอย่างพี่จะเด็ดมาเชยชมได้ มันก็ได้แต่แค่เฮ่าดอกฟ้าไปวันๆซึ่งมันก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่ดอกฟ้าจะหล่นลงมาหา มันก็เหมือนกับชีวิตพี่นี่แหละ แหม!ฟังอ้ายอู้มาทำอย่างกับปี้สาวคนนั้นเป็นลูกของนายกอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่หรอก พี่ว่าพี่พูดแค่นี้ก่อนแล้วกันพี่ไม่มีอารมณ์เล่าแล้วเดี๋ยวว่างๆจะเล่าให้ฟังอีก พี่ว่าเราไปกินข้าวกันดีกว่าพ่อให้คนมาตามแล้วนู่นจากนั้นเราสองคนก็ไปกินข้าววันนี้กินกันแค่สี่คนยังขาดพี่ผมอีกคนเดี๋ยวพรุ่งนี้คงเจอ กัน เเมื่อกินข้าวแล้วเราก้ต่างแยกย้ายกันไปนอน
14 กันยายน 2546 11:00 น.
เสี่ย sport light
เช้าวันหนึ่ง แม่ได้ใช้ หนานเมือง ออกไปข้างนอกเพื่อไปเก็บเงินค่าเช่าแผงหนังสือ ระหว่างทางที่ หนานเมืองเดินไปนั้นเขาก็ได้พบกับ เพื่อนๆที่กำลังเล่นบาสฯ กันอยู่ หนานเมือง ก็คิดว่า"เราเล่นบาสก่อนดีกว่าเดี๋ยวค่อยไปเก็บค่าเช่าก็ได้" จากนั้นหนานเมือง ก็ได้ไปเล่นบาสกับเพื่อนระหว่างที่เล่นบาสอยู่นั้นเขาก็ได้ขว้างลูกบาสฯไปโดนกระถางต้นไม้ราคาแพงของ ลุง มี แตกเพื่อนๆต่างก็วิ่งหนีกันหมด เหลือแต่หนานเมือง เขาจึงโดนลุงมีจับได้ ลุงมีจึงพาหนานเมืองไปส่งบ้าน เมื่อถึงบ้านแล้วหนานเมืองก็เลยโดน แม่ดุ ที่1.ไม่ไปเก็บค่าเช่าและ2.ไปเล่นซนจนทำกระถางลุงมีแตก จึงเป็นที่มาของเด็กจอมยุ่ง
โปรดติดตาม หนานเมืองจอมยุ่ง ได้ในตอนต่อไป