13 กรกฎาคม 2554 23:00 น.

ลูกอิสานฮ้องไห้

เสียงหัวเราะ

หยดน้ำตาหลั่งริน....
จักสูญสิ้นความผูกพัน
แลมองแผ่นดินนั้น
ทุกวานวันให้อาลัย

กราบลาท่านผู้เฒ่า...
ฝ้ายขาวผูกหัวใจ
หอมกลิ่นดอกไผ่
ไม่รู้วันไหนจักหลบมา

ดวงตาเปี่ยมพลัง...
ไร้หวังไอฝนบนห้วงฟ้า
แสนเศร้าแทนนกกา
ว่าข้ามิใช่..ผู้ก่อการ

โลกผันเปลี่ยนแปลง...
หมากแพงข้าวแพงทุกข์แสนเข็ญ
ปล้นฆ่าเลือดตากระเด็น
สงครามซ่อนเร้นปลายกระบี่

จำต้องจากจร...
สู่อมรเมืองกรุงศรี
ขุมทรัพย์มากมี
แต่ผิดที่ผิดเวลา

ไม่มีดวงดาว...
เคยส่องพราวดาษดา
จันทร์เจ้าโหยหา
เพื่อนนิทรายามค่ำคืน

ผู้คนยื้อแย่ง...
แข่งขันเมื่อยามตื่น
ติดอาวุธกระบอกปืน
หลงลืมความเป็นคน

เดียวดาย....
มองหาจุดหมายตน
กลับคืนถิ่นเคยยล
สู่อ้อมกอดท้องนภา..

แลมองทุ่งแล้ง...
ดินแห้งผงเกินเยียวยา
ก้มกราบแผ่นดินข้า
ส่งแรงมาอธิษฐาน

ข้าแต่อินทร์องค์ผู้ปราณี
ผืนดินนี้อุดมมาช้านาน
ใยสาปส่งมอดไหม้ให้ร้าวราน
สังหารหมู่ชนต้องมนตรา

ด้วยแรงอฐิษฐาน.....

ละอองน้ำ....
ฟ้าครึ้มฝนตรงขอบฟ้า
หยดรินจูบพื้นพสุธา
ชุ่มชีวาชื่นฤทัย

แมกไม้นานา...
ผลิยอดต่อดอกสดใส
นกน้อยโผบินไกล
ย่ำค่ำสนธยา.....

นับศักราชนี้....
สู่วิถีแห่งชาวนา
คืนถิ่นดรข้า
ปรัชญาแดนอิสาน...
				
5 มกราคม 2553 22:41 น.

แอบเขียนกลอนตอนปีใหม่

เสียงหัวเราะ

ไอระรอก...หมอกหนาในยามเช้า
ใบหน้าเศร้า...เอ่ยทักความคิดถึง
จากบ้านนา...มาด้วยรักสุดรำพึง
จากปีหนึ่ง...ถึงปีสามตามแห่งวัย

ถึงวาระ...ปีใหม่ในครานี้
กลับบ้านมา...ด้วยฤดีที่สดใส
เย็นลมหนาว...พิงร่างข้างกองไฟ
อุ่นหัวใจ...พี่น้องพร้อมเพรียงกัน

สองเท้าย่าง...ก้าวผ่านริมฝั่งโขง
มองชีวิต...สุดโต่งจรรโลงฝัน
ใช้ความเงียบ...ส่องทางให้ชีวัน
รับตะวัน...สนธยาม่านสีจาง

จันทร์เจ้าแย้ม...โอบดาวที่พราวแสง
กระพริบแข่ง...ฟ้าราตรีที่ว่ากว้าง
หนาวไหมหนอ...เพื่อนรักเคยเหินห่าง
หรือจะรอ...ถึงฟ้าสางค่อยขานกัน

ยินเสียงขลุ่ย...บรรเลงอีกด้านหนึ่ง
ไพเราะซึ้ง...กลางน้ำค้างให้สุขสันต์
พรปีใหม่...ช่วยเสริมประเดิมวัน
ไม่เงียบงัน...เหมือนปีก่อนย้อนคืนมา

สายลมอ่อน...เบียดไอหมอกเคยหยอกเย้า
ในรุ่งเช้า...เปล่าเปลี่ยวเฝ้าครวญหา
อย่าเอ่ยทัก...เลยนะเจ้าสัญญา
เพียงเพราะข้า...ลืมวาจาที่ผันแปร

เสมือนดั่ง...ดวงหทัยที่ไร้มิตร
พวงจิต...ด้วยหัวใจให้เป็นแผล
อยากพบเจอ...เพื่อนเก่าเฝ้าดูแล
อย่าผันแปร...เปลี่ยนไปให้เหงาทรวง

ยามเย็นย่ำ...ค่ำเคล้ากลิ่นเกสร
จะจากจร...เมื่อใดใคร่ห่วงหวง
ทิวยอดไม้...บังขอบฟ้าคล้ายกลลวง
เจ้าดาวดวง...คืนจันทร์ส่งสัญญาน

คะนึงครั้ง...วัยเยาว์เราเคียงข้าง
ชีวิตต่าง...ความใฝ่ฝันนั้นกล้าหาญ
มีดาวเหนือ...ปลอบประโลมความร้าวราน
มีดอกจาน...เป็นแรงหวังกำลังใจ

หนาวสายลม...พัดพริ้วเสียงกระดิ่ง
แสงตะเกียง...ไหวติงอยู่ใกล้ใกล้
ดึกสงัด...หัดเพียรเขียนความใน
รอรับขวัญ...วันปีใหม่ให้คนดี...				
26 พฤศจิกายน 2552 11:08 น.

ข้าฝันว่าได้เป็นสุนทรภู่...

เสียงหัวเราะ

กาพย์กวี...ศรีสุนทรเมืองสยาม
เลื่องลือนาม...นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่
น้อมหยิบเรื่อง...อันเนืองนิจกวีไทย
มายกย่อง...เชิดชูไว้ในบทกลอน

อยู่วังวน...นิทราภาษาศิลป์
ได้ยลยิน...เขาเรียกสุนทรโวหาร
ข้าตกใจ...ไฉนกล่าวให้ร้าวราน
ข้ามิใช่...สุนทรโวหารที่ขานกัน

ท่านสุนทรภู่...กวีเอกที่รู้จัก
คือผู้รัก...ศาสตร์ศิลป์ด้านภาษา
พระอภัยมณี...ที่แต่งมา
ล้ำเลิศค่า...หาใดเปรียบกวีไทย

จิตฟุ้งซ่าน...ด้วยละอองของความฝัน
สุนทรภู่...เขาเรียกกันทำหวั่นไหว
ทักอีกแล้ว...ข้ามิใช่กวีไทย
มาบัดนี้...กล่าวด้วยใจโปรดรับฟัง

ศรีสุนทร...กาพย์กลอนแสนเสนาะ
ฟังไพเราะ...กวีศิลป์ซึ้งความหลัง
สุนทรภู่...คือต้นแบบแห่งพลัง
เป็นไอดอล...ความหวังของนักกลอน				
20 พฤศจิกายน 2552 21:02 น.

ปัญหาเท้าซ้าย@เท้าขวา....

เสียงหัวเราะ

บนถนน...ทางเดินต้องก้าวย่าง
สองเท้าต่างมุ่งเดินให้ถึงที่
เจ้าข้างขวาบอกว่าข้าเข้าที
จะวิ่งปรี่ก่อนใครให้ใคร่มอง

เจ้าข้างซ้าย...หมายแกล้งให้แข่งขัน
"เฮ๊ย!..มาแข่งกัน"มันจองหอง
เจ้าข้างขวายินดีจะทดลอง
แล้วทั้งสองจ้ำอ้าวก้าวต่อไป

เดินลัดเลาะ...ไหล่ถนนบนฟุตบาต
เจ้าข้างซ้ายเห็นโอกาสที่อยู่ใกล้
จึงสะดุดหยุดเดินให้เพลินใจ
เจ้าข้างขวาล้มไถลไปตามทาง

"โอ๊ย!..นี่..ข้าเจ็บ.."นะเจ้าขวา
เจ้าข้างซ้ายบ่นมาสุดโผงผาง
เจ้าข้างขวาหัวเราะเยาะเย้ยพลาง
ก็..เราต่างล้มขมำน่าขำจริง

เราคือเท้า...สองคู่อยู่เคียงข้าง
เกิดบาดหมางทางใดให้เขี่ยทิ้ง
เช่นสังคมเมืองไทยต้องแอบอิง
สามัคคีมีอยู่จริง..สาธุเทอญ....				
18 พฤศจิกายน 2552 19:37 น.

เพราะช้ำจำต้องลืม

เสียงหัวเราะ

ค่ำคืนนี้...เรียงร้อยเพียงคำหวาน
กับตำนาน..."รักแท้ไม่แปรผัน"
มาบัดนี้...เหลือเพียงคืนและวัน
ที่เงียบงัน...ไร้แสงแห่งเงาเธอ

ทราบหรือไม่...ว่าขาดกันไม่ได้
รู้หรือเปล่า...ว่าใจใฝ่เสมอ
ยินเสียงครวญ...ป่วนใจให้ละเมอ
อยากจะเพ้อ...ให้ได้ยินว่ารักกัน

แม้อดีต...กล้ำกลืนก็ฝืนยิ้ม
จะลองลิ้ม...ความเจ็บปวดที่ตัวฉัน
หยดน้ำตา...ไม่อาจล้างความจาบัลย์
เธอลืมฝัน...ครั้งก่อนตอนบอกลา

มาครั้งนี้...ซองจดหมายสอดหน้าบ้าน
ฉันเปิดอ่าน...ข้อความให้ห่วงหา
หวังจะเป็น...คนดีที่เมตตา
หวนกลับมา...สักครั้งยังที่เดิม

หนึ่งข้อความ...ถามไถ่ไล่อักษร
เป็นห่วงน้อง...ขวัญอ่อนจะฮึกเหิม
"อย่าทำร้ายตัวเอง"...นี่เพิ่มเติม
พี่จะเสริม...กำลังใจอยู่ห่างกาย

หากไม่รัก...ชักใยให้ใจวุ่น
มาแอบอุ่น...ให้รักไม่หนีหาย
มีแต่เสียง...กระซิบแผ่วแล้วเดียวดาย
อย่าทำร้าย...ใจกันให้หวั่นตรม

สักกี่ร้อย...คำเล่าที่กล่าวอ้าง
เขียนถึงเธอ...ว่าอ้างว้างไม่สุขสม
ตั้งแต่จาก...กันไกลใจระทม
ฉันจึงจม...กับอดีตที่ปิดทาง

สิ่งสุดท้าย...จึงอยากให้รับรู้
เธอจะอยู่...ที่ไหนไม่ขัดขวาง
จะรักเธอ...อย่างนี้ไม่จืดจาง
รอฟ้าสาง...ให้ใจตื่นจึงลืมเธอ



แด่....หัวใจที่เหลืออยู่				
Lovers  0 คน เลิฟเสียงหัวเราะ
Lovings  เสียงหัวเราะ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสียงหัวเราะ
Lovings  เสียงหัวเราะ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสียงหัวเราะ
Lovings  เสียงหัวเราะ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเสียงหัวเราะ