1 มิถุนายน 2549 15:27 น.
เสียงพิณที่ชานเรือน
รวมพลคนชรามาทางนี้
มาดูซิเคยเจออย่างฉันไหม
มานึกถึงวันก่อนมองย้อนไป
รู้จักไหมไอ้มดแดงแปลงร่างกาย
วีหนึ่งวีสอง ไอ้มดเขียว
บิดบิดเบี้ยวแปลงร่างเป็นวีสาม
ยอดมนุษย์ อุลตร้าแมน มนุษย์เงา
โอ้นั่นเจ้า เครื่องบินจัมโบ้เอ
เป่านกหวีดเรียกหุ่นอภินิหาร
เป่า 1 ครั้งไอ้คำมา ปราบยุคเข็น
ปราบโลดัก หน้าใหญ่แสนยากเย็น
อ้าวนั่นเห็น บุสก้า ชามมากอน
อันไหนดังเด่วก็เป็นตุ๊กตุ่น
ตะกั่วพัน พุงแขนขา เท่ห์เหลือหลาย
เอาไว้โยนให้คาบเส้นเล่นลวดลาย
แล้วรีบไปเล่นหลุมดีด อุ้ยซี๊ดมันส์
ใช้ลูกหิน ลูกแก้ว หรือลูกเหล็ก
ดีดดังแป๊กไปให้ไกล ห่างไกลหลุม
ไปโรงเรียนลูกหินใหญ่ใส่เป้าตุง
หลบครูวุ่นดังกรุกกริ๊กครูริบไป
สาว ๆ โดดหนังยางโปรงบานแล้ว
กิงก่องแก้ว หนึ่งสองสาม จนสุดแขน
ใครไม่เล่นก็ออกไปรีบแบ่งแดน
โยนห่วงยางเข้าแขนแสนจะมันส์
รับไม่ได้ต้องไปเป็นเชลยทาส
ต้องลำบากแย่งห่วงให้ได้ก่อนเขา
ได้แล้วกลับมาถิ่นดินแดนเรา
เอ้านั่นเขาเล่นซ่อนแอบแว๊ปไปกัน
แล้วนับหนึ่งถึงร้อยอย่าคอยซิ
เอบีซี ใครไม่แอบ แปะก่อนต้องเป็นหนา
พวกรอบจัดจ้าละหวั่นซ่อนไหนวา
ซ่อนใกล้ถ้าไม่ดี หนีไปไกล
โดนโป้งก่อนต้องมาหาท่าจะแย่
ไม่อยากแพ้ แอบมิด นิดไม่เห็น
เล่นแล้วเรียน เรียนแล้วเล่นจนค่ำเย็น
ออกโรงเรียนก็เห็นรถเรียงราย
มีไอ้ติม รถเข็นจอดดีดกระดิ่ง
ดูดไอ้ติมแสนหวานพาลก็เห็น
ไม่ได้คิดเจอะไม้แดงบนแท่งเย็น
พ่อรถเข็นมาให้แลกแจกอีกอัน
เหลือเศษตังค์เอาไว้ใช้กดถั่ว
โหลมัวๆ ต้องเขย่าจะเอาแหวน
กดแล้วหมุนออกมาถั่วแดง ๆ
แต่ว่าแหวนยังติดอยู่ หูย์หมดตังค์
พวกตังค์เหลือไปซื้อหมากฝรั่ง
แมวตัวดำบนกล่องจ้องตาหวาน
หมากฝรั่งรูปบุหรี่ อื้อ เคี้ยวนาน
พอหมดหวานก็คายทิ้ง ยิ่งปวดกราม
น้ำส้มเพียว คิกคาปู้ดูสดชื่น
อ่านกลอนรื่นไหลไปมีไรถาม
ท่านรู้จักสิ่งที่กล่าวที่ออกนาม
ขอบอกท่านเฒ่าชะแลแก่ชรา
31 พฤษภาคม 2549 15:45 น.
เสียงพิณที่ชานเรือน
เสียงคร่ำครวญจากหัวใจที่ตายแล้ว
จำนรรแผ่วเป็นบทกลอนอักษรไข
บทกลอนที่เขียนขึ้นจากหัวใจ
ให้เพื่อนได้อ่านกันแล้วใคร่ครวญ
คนมีเพื่อนแบ่งแจกจ่ายหลายประเภท
เพื่อนต่างเพศ ต่างฐานะ ต่างศักดิ์ศรี
เพื่อนต่างจิต ต่างใจ เพื่อนไม่ดี
เพื่อนเป็นผี เพื่อนเป็นคน เพื่อนจนรวย
เพื่อนโลกจริง โลกไซเบอร์ โลกแห่งฝัน
ไม่เห็นกันยังเป็นเพื่อนเกลื่อนให้เห็น
เพื่อนที่ดีไม่หนีจาก หายากเย็น
เพื่อนที่เป็นเพื่อนตาย ไม่ขายกัน
เพื่อนที่ไม่เคยบอกกล่าวเรื่องราวทุกข์
เพื่อนที่คุยสนุกทุกวันวี่
เพื่อนที่ให้คุณขำทุกนาที
เพื่อนที่มีความจริงใจให้กับคุณ
เพื่อนที่คอยย้ำเตือนยามพลั้งผิด
เพื่อนที่คิดจะให้คำปรึกษา
เพื่อนที่ให้กำลังใจยามอับปรา
แต่คำพูดคำจาอาจไม่ดี
อาจไม่เพราะเสนาะหูจึงดูแย่
แต่จริงแท้ยาดีมีรสขม
แต่คุณกับไม่สนใจไปกินนม
ที่ไม่ขมแต่หวานแจ่มแอร่มมันส์
สมน้ำหน้าถ้าขี้ไหลไม่ยอมหยุด
ถ่ายจู๊ดจู๊ด ดันไม่ กินยาขม
อ้าวลืมตัวหลุดหลงไปในเรื่องนม
กลับมาชมกันหนอต่อบทกลอน
แล้ววันหนึ่งคุณพาลพบกับเพื่อนใหม่
เพื่อนถูกใจพูดจาก็อ่อนหวาน
ไม่ค่อยมาเซ้าซี้ให้รำคาญ
แสนเบิกบานคุยกันสนั่นเมือง
หมดเรื่องคุยเอาเรื่องไอ้เพื่อนเก่า
เอามาเม้าส์ให้ฟังมันส์เหลือหลาย
โน่นนี่นั่น นั่นนี่โน้น โอ้ยกลุ่มใจ
เอามาบอกเพื่อนใหม่ให้ได้ฟัง
เรื่องที่เคยสนุกกันในกลุ่มก่อน
เพื่อนใหม่อ้อนก็ให้รู้ดูน่าขัน
เพื่อนเก่าเข้าไปเห็นนั่งจังงัง
โอ่ว่าทำกันได้อ้ายเพื่อนเกลอ
เก็บปากเงียบไม่มีที่จะบ่น
ก็ต้องทนทำใจกันละหนา
นั่นก็เพื่อน นี่ก็เพื่อนของเพื่อนยา
ยังไงซะคำว่าเพื่อนไม่เลือนลาง
ฝากบทกลอนกันไว้ให้ได้คิด
ถนอมหัวใจเพื่อนซักนิดคิดความหลัง
วันที่เคยพันธ์ผูกลุกเดินตาม
วันที่เคย นั่งคุย ลุยด้วยกัน
แล้ววันนี่เพื่อนเก่าคุณเล่าอยู่ไหน
นั่งอยุ่ใต้บันได หรือใต้ถุน
นั่งหน้าเหี่ยวหน้าแห้งแล้งหมดทุน
ฝากพวกคุณดูแลเพื่อนให้เหมือนเดิม
30 พฤษภาคม 2549 16:31 น.
เสียงพิณที่ชานเรือน
เสียงกระซิบธุลีดินสู่หินผา
พสุธาฝากบอกสู่ยอดเขา
น้ำตกกว้างฝากบอกรุ้งเรืองพราว
ป่าลำเนากระซิบแผ่วห้วยแก้วธาร
ฟ้ากระซิบบอกทะเลเป็นเกลียวคลื่น
พรายฟองคลื่นบอกปลาทั่วชลาศัย
ปลาบอกนก นกบอกเมฆเป็นเลขท้าย
งวดนี้ให้แทง 78 แจกให้รวย
28 พฤษภาคม 2549 14:14 น.
เสียงพิณที่ชานเรือน
สูญเสีย สูญสิ้น สูญศักดิ์ สูญรัก จากไป ใจหาย
เสียเพื่อน เสียใจ เสียดาย เสียหาย ใจวิ่น สิ้นกำลัง
ความรัก ความแค้น ความลวง ความทุกข์ ช้ำทรวง ล่วงหวัง
รักแท้ รักปลอม รักหลอก รักมอบ ให้ใคร ไม่อีกแล้ว
18 ตุลาคม 2548 17:12 น.
เสียงพิณที่ชานเรือน
มองแมลงเคลิ้มหลับกับยอดหญ้า
เหมอมองฟ้าเมฆยิบยับพยับฝน
มองทุ่งหญ้าปลิวไสวต้องสายลม
อีกเดี๋ยวฝนคงหลั่งลงพรมพร่างพราย
เหงื่อรินหลั่ง รินไหลลง ตรงใบหน้า
มีทั้งเหงื่อและน้ำตามาเป็นสาย
มองหนทางข้างหน้ายังห่างไกล
ต้องรีบไปให้ถึงซึ่งเธอคอย
เธอที่ซึ่งเคยรักอยู่เป็นคู่ชื่น
วันเดือนคืนกลับกลายให้เสื่อมถอย
สิบกว่าปีที่พี่เฝ้าแต่คอย
โอ้ว่าน้อยใจนักเจ้ารักลวง
เจ้าหนีไปสดชื่นกับคู่ใหม่
หัวใจไหม้ขื่นขมตรมช้ำหมอง
หนึ่งปีผ่านคู่ของใจเข้าทำนอง
พอเจ้าท้องเขาก็ทิ้งไม่จริงจัง
ต้องซมซานกลับมาอยู่ที่บ้านแม่
กายช้ำแน่ใจช้ำหนักรักขื่นขม
ร่างกายก็ผ่ายผอมเพราะตรอมตรม
เหลือแต่ลมหายใจที่รวยริน
เช็ดน้ำตาที่ชานเรือนเตือนตัวซะ
ว่าเราจะไม่ทุกข์โศกวิโยคถวิล
เปิดประตูเข้าไปพบความจริง
ใจที่นิ่งยังพริ้วไหวนั่นใครกัน
ร่างที่เคยสวยใสเหมือนนางแก้ว
ตาใสพราวพร่างพรายหายไปไหน
เหลือแต่ร่างซูบผอมเพราะตรอมใจ
พร้อมกับลมหายใจที่รวยริน
เธอยกมือขึ้นพนมบรรจงไหว้
น้ำตาไหลรินหลั่งดั่งกระสินธุ์
ยกมือรับจับมือปลอบยอดชีวิน
แล้วแย้มยิ้มปลอบขวัญเจ้าเยาวมาลย์
ว่าน้องเอ๋ยทุกคนมีหน้าที่
ไม่อาจหนีหน้าที่ ที่เรียกขาน
พี่จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเยาวมาลย์
แม้พบพานความตายอย่าได้หวั่น
ความตายเป็นหน้าที่ครั้งสุดท้าย
สู่จุดหมายปลายทางของความฝัน
หลับตาลงเสียเถอะยอดชีวัน
เธอหลับพลัน ยิ้มพราย หยุดหายใจ
สายฝนลงพร่างพรูสู่พื้นหญ้า
กายอ่อนล้าน้ำตาพรายใจสั่นไหว
เธอเดินทางไปแล้วสู่แดนไกล
พร้อมหัวใจรักของฉันนิรันดร