6 ธันวาคม 2552 18:20 น.
เสมอจุก
เพียงหลงเพลินเดินผิดจึงติดกับ
จะถอยทัพกลับหลังอย่างไรไหว
จะเดินหน้าฝ่าหนามก็คร้ามใจ
ทั้งแสงเดือนดาวใดก็ไม่มี
เป็นเหวลึกคึกคะนองจึงลองผลัก
ละลิ่วหล่มจมปลักสุดหักหนี
เพียงแหงน คอรอฟ้ามาปราณี
ปฐวีเลื่อนล่มก็จมไป
เป็นแต่เพียงความฝันในวันตื่น
จะควานฟื้นความจริงจากสิ่งไหน
เพียงลมเหเห่ครวญก็ปรวนไป
เพียงหญ้าไกวไหวระเนนก็เอนตาม
จะโทษใครใยเล่าก็เราผิด
เพียงคำนิดคิดนำเกินคำถาม
ยื่นน้ำเย็นมองเป็นอมฤตงาม
จึงเพลิงโชนลุกลามลงท่ามใจ
เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนคนอื่น
จะเก็บกลืนน้ำตามิให้ไหล
หากพลาดพลั้งล่วงเกินขออภัย
โปรดเข้าใจฉันมิใช่นักเลงกลอน
..................................................
มอญอ้อยอิ่ง
เพลงนี้เดิมมีเพียง ๒ ชั้น เป็นเพลงของละครคณะปรีดาลัย ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์เป็นเจ้าของ ซึ่งเข้าใจว่าหม่อมต่วน วรวรรณ จะเป็นผู้แต่ง ซึ่งมีทำนองท่วงทีไพเราะน่าฟังโดยมาก นายเฉลิม บัวทั่ง ได้ยืดขึ้นเป็นเพลงเถา โดยใช้ลีลาของสำเนียงมอญเป็นหลักโดยแต่งทั้งทำนองร้องและทำนองดนตรี
ครูเอื้อ สุนทรสนานได้นำทำนองมาดัดแปลง เป็นเพลง ฟ้าแดง ประพันธ์คำร้องโดย ศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ ขับร้องครั้งแรกโดย คุณอโศก สุขศิริพรฤทธิ์
เพลงฟ้าแดง
สนธยาฟ้าแดงสุรีย์ร้อนแรงโรยอ่อนรอนแสงหม่นมัว
สกุณาเรียกหารังตัว ชะนีเพรียกผัว รัวเร้าร่ำกำสรวล
โอ้ชีวิตชีวิตจิตใจ มันหนาวเย็นเป็นไข้ พิไรพิลาปครวญ
สิ้นตะวันทรวงศัลย์จาบัลย์รัญจวน
เห็นลางพลบพรางร่างนวล ให้โหดหวนซวนเศร้า
สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแดนใจเรา
สายัณห์เงื้อมเงา ลบลางสล้างเสลา จากห้วงหาวพราวใจ
ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป
ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่ จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ
สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแดนใจเรา
สายัณห์เงื้อมเงา ลบลางสล้างเสลา จากห้วงหาวพราวใจ
ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป
ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่ จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ
.......................................................................................................................................................................................................................................
4 ธันวาคม 2552 14:43 น.
เสมอจุก
สละแล้วลายเสือไม่เหลือซาก
เคยยุ่งยาก ลาก ลาย อยู่หลายหน
เข็ดขยาดชาติชายแทบวายชนม์
คอยเตือนตนทนยั้งชั่งอุรา
ขอถอดเล็บเก็บลายอันพรายพร้อย
ให้ตัวน้อยร้อยเล็บแล้วเหน็บฝา
ค่อยถักทอต่อลายอันพรายตา
เป็นผืนผ้าห่อห่มกันลมไล้
จะรักเดียวเหนียวแน่นกว่าแผ่นหิน
ขอองค์อินทร์เป็นพยานคำขานไข
หากหลงเพลินเดินผิดคิดนอกใจ
ก็โปรดจงให้อภัยแจกใบเหลือง
ถ้าผิดสองคะนองซ้ำไม่สำนึก
ค่อยสับฉึกเฉาะใจไม่เอาเรื่อง
จะเฉือนเชือดเลือดกองจนนองเนือง
ไม่ขัดเคืองเรื่องใดด้วยใจจริง
แม้สี่เท้าก้าวพลาดปราชญ์ยังพลั้ง
ขอจงตั้งสติเตือนก่อนเฉือนทิ้ง
หางจิ้งจกงอกใหม่ได้ก็จริง
แต่บางสิ่งงอกใหม่ไม่ได้เลย
..............................................