7 พฤศจิกายน 2553 10:22 น.
เศรษฐวรรษ(ภีม)
ตามลำโขงโค้งคุ้งพันวุ้งน้ำ
พอพลบค่ำค้างแรมริมแคมโขง
นับหมื่นดาวพราวทั่วหลายชั่วโมง
ส่องแสงโยงหัวใจเชื่อมไทย-ลาว
หลวงพระบางย่างเท้าเมื่อก้าวเทียบ
ช่างเหงาเงียบบาดคมอารมณ์หนาว
ดอกจำปาลาขั้วริมรั้วพราว
ส่งกลิ่นราวพร้อมใจร้องไห้เตือน
คิดถึงเจ้าจับใจจะไปหา
ไปบอกว่า..รักเจ้ามากกว่าเพื่อน
เคยให้ของต่างหน้าวันมาเยือน
เจ้ายังเหมือนเดิมไหม.อ้ายเหมือนเดิม
กราบพระธาตุพูสีที่ศักดิ์สิทธิ์
ช่วยนิมิตบานบนกุศลเสริม
เพียงตั้งจิตพิษฐานกราบกรานเติม
ยอดภูเพิ่มเยียบเย็นไม่เห็นใจ
ดูรูปถ่ายคล้ายเจ้าหน้าเศร้าหมอง
อ้ายฮักน้องมากอยู่เจ้ารู้ไหม
หลวงพระบางห่างลับลาวกับไทย
แต่จิตใกล้ชิดนักไทยรักลาว
ย่างมาเยือนเรือนเก่าที่เจ้าอยู่
ยื่นรูปเจ้าให้ดูน้องผู้บ่าว
การเดินทางก็จึงมาถึงดาว
สำหรับข่าวที่ได้เธอตายแล้ว
ภีม
7 พฤศจิกายน 2553 10:20 น.
เศรษฐวรรษ(ภีม)
ดอกไม้ธูปเทียนทานใส่พานแก้ว
ประณมแล้วตั้งจิตอธิษฐาน
ขอพระคุณสุนทรครูกลอนกานท์
ภู่บันดาลคำขับให้จับใจ
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ภูเขาทองของปราชญ์นิราศไทย
เป็นเลิศในอาลักษณ์กรุงจักรี
อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม
อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี
คือคำพจน์บทกลอนสอนสตรี
เป็นผู้ดีแต่กาลโบราณมา
สงสารแต่แม่ผีเสื้อสมุทร
นิทานสุดกำสรวลเสน่หา
เพียงรูปชั่วตัวศักดิ์เป็นยักษ์กา
ผัวก็ฆ่าเมียตายได้ลงคอ
สุนทรผู้สอนสุนทรทิพย์
อีกกี่สิบชาติสอนสุนทรต่อ
ไทยสร้างชาติสร้างศิลป์เพลงพิณคลอ
ไทยมีพ่อไทยมีครูดีเอย
ภีม
7 พฤศจิกายน 2553 10:16 น.
เศรษฐวรรษ(ภีม)
สุนทรภู่ครูกลอนกระฉ่อนหล้า
รจนาวรรณศิลป์ถิ่นสยาม
ผมชื่อภีมจึงจะพยายาม
สืบสานตามคำคมบรมครู
เชิญมิตรรักนักกลอนอย่านอนเปล่า
เก็บเกี่ยวเอาเหตุการณ์ที่ผ่านหู
ที่ผ่านตา..ผ่านใจ..ที่ได้ดู
สื่อให้รู้ถึงใจใครสักคน
ที่เคยโศกเคยสุขเคยทุกข์ท้อ
น้ำตาคลอพร่างพรายเสียหลายหน
ที่อกหักรักช้ำต้องจำทน
นั่นแหละผลงานเราที่เร้าใจ
อย่าเพียงผ่านอ่านจบแล้วหลบฉาก
เข้ามาฝากวลีที่นี่ได้
คำตำหนิติตอบชอบอะไร
ส่งสาส์นไว้บอกกันอย่าหวั่นเกรง
ด้วยมือใหม่ไม่จัดสันทัดโจทย์
ต้องขอโทษทำได้ยังไม่เก่ง
หวังพึ่งเพื่อนสานต่อเป็นพ่อเพลง
ช่วยบรรเลงส่งรับสดับกลอน
***จากใจ............นายภีม***