6 มีนาคม 2551 19:58 น.
เวทยา
...ที่ตรงนี้
มันใช่ที่ควรคู่จะอยู่ไหม
กลัวจะพบรบกวนรวนใจใคร
จะลุกลามข้ามไปคงไม่ดี
ที่เหยียบยืนฝืนอยู่ไม่รู้ว่า
จะมีค่าบ้างไหมฤๅใช่ที่
เสี้ยวความหวังตั้งใจยังไม่มี
แล้วอย่างนี้อยู่ไปทำไมกัน
เหมือนไปยืนคั่นกลางหว่างคู่เขา
ปล่อยให้เราหลงเพ้อละเมอฝัน
ในที่ที่ควรอยู่ไม่รู้ทัน
ไม่รู้ฉันควรยืนอยู่ที่ใด
ถามตัวเองอยู่ใกล้ไปรึเปล่า
ถามตัวเราควรรอต่อไปไหม
จะดีหรือหากเราเดินเข้าไป
โดยที่เขาเข้าใจไม่เข้าตา
ระยะห่างว่างเว้นอยู่เช่นนั้น
ยิ่งใกล้กันเข้าไปก็ใช่ว่า
จะสนิทชิดเชื้อเมื่อเวลา
แต่กลับพาพบผ่านยิ่งนานไกล
ในที่ควรที่ใดอย่างไรเล่า
ที่ที่เราควรคู่อยู่หนไหน
ที่ตรงนี้เหมือนที่ไม่ชินใจ
อย่าทนฝืนขืนใครอยู่ไปมา
ก็แค่ถอยค่อยห่างค่อยค่อยออก
รัศมีวงนอกบอกเราว่า
อย่าข้ามเส้นเล่นล้ำไม่นำพา
ถอยออกมาก่อนกลายเมื่อสายเกิน
ในเมื่อที่แห่งนั้นไม่ควรอยู่
ก็จงรู้ที่ว่างยิ่งห่างเหิน
ค่อยค่อยถอยทุกคราวที่ก้าวเดิน
แล้วปล่อยเมินหลีกหน้าอย่าเหลียวแล
กลับออกมาอยู่ที่ที่ควรกว่า
เมื่อความหวังบังหน้าไม่แยแส
ปัจจุบันผันผวนมันปรวนแปร
หัวใจคนเอาแน่ได้แค่เดา
อยู่ตรงนี้ดีกว่าอย่าเข้าใกล้
หลงเข้าไปยิ่งย้ำรำคาญเขา
ถอยออกมาอยู่นี่ที่ของเรา
ปล่อยให้เขาสุขบ้างอยู่อย่างใจ
ไอ้เรามันก็แค่ตัวประกอบ
จะเอาดีเอาชอบมาจากไหน
เอาแค่นี้อย่าหวังอย่าพลั้งไป
อย่าเข้าใกล้กว่านี้ไม่ดีเลย
พอเถอะนะละบ้างที่วาดหวัง
เอาแค่ยังพอรู้แค่อยู่เฉย
แค่แอบมองสองตาอย่าคิดเชย
อย่าล่วงเลยเกินเข้ากว่าเราเป็น
ที่ที่เราควรค่าจะยืนหยัด
ก็แจ่มชัดจัดไว้ให้เราเห็น
ดั่งสายธารลำน้ำยะเยือกเย็น
ลงไปเล่นไอหนาวก็กลืนกาย
...ที่ที่ควร
ไม่ใช่ที่เย้ายวนตอบกระหาย
ไม่ใช่ที่เสริมเข้าเอาระบาย
แต่คือที่สุดท้ายที่เรามี
หยุดความหวังยั้งใจเอาก่อน
ค่อยผัดผ่อนความควรให้เข้าที่
ณ.ที่นั้นความหวังไม่ควรมี
แต่ที่นี้คือเราและเราเอง
ออกมาเถอะอย่าฝืนไปยืนอยู่
อย่าไปรับไปรู้ใครข่มเหง
ปล่อยให้เขาเข้าใจไปกันเอง
ส่วนนักเลงอย่างเราอย่าเข้าไป
พอเถอะนะทุกสิ่งมันยิ่งล้า
อันคุณค่าตัวเราเอาจากไหน
ถอยออกมาหาคนที่เข้าใจ
อย่าเข้าไปโหยหาชะตากรรม
...พอสักทีเถอะนะที่ตรงนี้
อยู่ตรงที่ควรค่าอย่าถลำ
ที่ตรงนั้นเกินค่ากว่าจดจำ
"ที่ที่ควร"ก็ย้ำสู้ทำไป...
ออกมาเถอะนะ ทุกๆอย่างอย่าคิดมันไปเลย
รักษาระยะห่างให้ควร อย่าใกล้กันเกินไป
เนาะ...แก...ใช่มะ
16 กุมภาพันธ์ 2551 20:42 น.
เวทยา
...เธอรู้ไหม
หากหัวใจคนดีมีคำถาม
ลองพินิจคิดดูไม่รู้ความ
จะตอบตามถามหาว่าอะไร
ถามตัวเองสิ่งไหนใจเธอฟ้อง
คอยร่ำร้องเรียกหาน่าสงสัย
หนึ่งคำตอบรองรับกับหัวใจ
เพียงสิ่งใดคิดถึงจึงต้องการ
มองให้ดีมีให้ดูจะรู้แจ้ง
ถ้อยแถลงแห่งใจเคยไขขาน
ใจเธอคิดจิตเธอว่าพบพาพาน
คงไม่นานรู้ตัวด้วยหัวใจ
เพียงแค่อยากฝากจิตได้คิดก่อน
อย่าเร่งร้อนรุมเร้าเอาไฉน
ค่อยค่อยชมคมชัดตัดสินใจ
แล้วค่อยไปใฝ่หาหัวใจเธอ
อย่าคร่ำเคร่งเร่งเร้าเอาคำตอบ
มิรู้ชอบรอบชั้นอันเสนอ
กว่าหักเหเวลาเข้ามาเจอ
สิ่งที่เธอพบเอาจึงเข้าใจ
ดูให้ลึกตรึกตรองมองให้กว้าง
หมื่นคำตอบรอบข้างเลือกทางไหน
ขึ้นกับเธอเถอะหนาจะว่าไป
สิ่งที่ชอบตอบหัวใจเธอให้ดี
...ใจเธอเห็นเช่นใดคงไม่ว่า
หัวใจเธอมีค่ากับเธอนี่
ตัวของเธอใจของเธอที่เธอมี
แล้วเลือกเอาอย่างที่เธอชื่นชม
เอาอย่างไว้ใจว่าเวลาสุข
อย่าเก็บทุกข์กล้ำกลืนมันขื่นขม
อนาคตแม่นหมายเหมือนสายลม
ชั่วอารมณ์ข่มกาลก็ผ่านไป
ปัจจุบันผันแปรมิแน่นิ่ง
ความเป็นจริงแค่ว่าอัชฌาศัย
เอาอย่างเธอคิดคลายสบายใจ
จะอย่างไรรู้ไว้เข้าใจเธอ
ยึดหัวใจเธอมีเป็นที่ตั้ง
โปรดอย่าตั้งใจใครให้เสมอ
อย่าห่วงใครกว่าตัวของตัวเธอ
จำเอาไว้ใจเธอของเธอมี
...อยากให้รู้
ที่ฉันสู้ทำไปก็ใช่ที่
ใช่ต้องการหว่านล้อมกล่อมพาที
เพียงใจมีใจอยากฝากให้ไป
ที่ทุ่มเทเสแสร้งใช่แกล้งสร้าง
จะหนักเบาเอาบ้างก็ยังไหว
ไม่ท้อแท้แม้หวังไม่ดังใจ
จะทำไปมาตรแม้ไม่แน่นอน
ไม่รู้เธอคิดไว้อย่างไรว่า
ดูทีท่าเท่าไรก็ใจอ่อน
อยากจะคิดเอ่ยคำที่พร่ำวอน
แต่ใจล้าอาทรยังอ่อนแรง
...ขึ้นกับเธอเถอะนะทุกทุกสิ่ง
จะเท็จจริงสิ่งใดใจแสลง
แต่ก็ยอมพร้อมรับสรรพแสดง
เพียงอย่าแกล้งหลอกฝันกันอยู่เลย
ฉันคนนี้ก็ให้ได้แค่ให้
มีแค่ใจเท่านี้คนดีเอ๋ย
เธอจะว่าอย่างไรตามใจเลย
บทเฉลยจะปลดเปลื้องทุกเรื่องเอง...
แก...ทุกๆสิ่งมันขึ้นอยู่กับแกนะเว้ย
แต่ขอแค่ทำอย่างที่หัวใจแกบอกให้ทำเท่านั้น
คิดถึงตัวเองให้มาก ความรู้สึกคนอื่นให้รองลงมา
แต่อยากให้บอก ให้พูด ไม่อยากให้ปิดบัง
เราเข้าใจแล้วก็ยอมรับเสมอนะแก...
9 กุมภาพันธ์ 2551 19:05 น.
เวทยา
๏ เหมันต์พรรณราย
เริงระบายเมื่อปลายหนาว
ฟ้าไกลใสสกาว
ระยับยิบกระพริบตา
๏ แสงสรรค์แจ่มจันทร์ส่อง
เป็นแสงทองกระจ่างหล้า
เด่นดวงห้วงนภา
จรัสเลิศเจิดอำไพ
๏ แสงดาวพราวสว่าง
ถูกเสกสร้างวิจิตรใจ
ราตรีศรีวิไล
อัมพรสวยระรวยรื่น
๏ ลมหนาวถึงคราวพัด
โบกสะบัดณ.หยัดยืน
เหยียบย่ำณ.ค่ำคืน
เหม่อมองฟ้าปิดตาลง
๏ หลับใหลใต้เงาฝัน
ดาวนับพันพราวบรรจง
มั่นหมายอยู่มั่นคง
จะไขว่คว้าดาราราย
๏ กรวดหินเศษดินน้อย
คงหวังคอยได้เพียงหมาย
แค่ฝันอยู่บั้นปลาย
จะเก็บดาวลงกับดิน
๏ แหงนมองท้องนภา
หมายชะตาหมดราคิน
พบพากว่าชีวิต
ฤๅชีวาตย์มิอาจปอง
๏ ดาวเอ๋ยประดับฟ้า
จะไขว่คว้าฤๅครอบครอง
จวบใจใฝ่สนอง
คงต้องท้อเพราะรอเธอ
๏ ดินเอ๋ยเจ้าหมายดาว
พอถึงคราวเจ้าคงเก้อ
หอมหวนชวนละเมอ
เจ้าอยู่สูงเกินจูงใจ
๏ ดาวเอ๋ยบนนภา
มองลงมาเห็นข้าไหม
ดาวเอ๋ยเจ้าห่างไกล
ฤๅจะกล้าไปหาเธอ
๏ เศษดินใช่จินดา
ฤๅควรค่ามาเสนอ
ชาติเกิดใช่เลิศเลอ
ใช่กานต์แก้วอันแววไว
๏ ใช่เพชรวิเศษศรี
งามรุจีอย่างที่ไหน
เธอหรือจะสนใจ
กับดินก้อนที่วอนรอ
๏ ดินเก่าเพียงเท่านี้
หรือจะมีสิทธ์ร้องขอ
บุญดีไม่มีพอ
จะเคียงคู่อยู่ข้างกาย
๏ เด่นดาวสกาวฟ้า
น้อมลงมานั้นอย่าหมาย
ฟากฝันเกินบรรยาย
ไม่เคยแม้จะแลมา
๏ ดินร้างกระด้างหยาบ
เจ้าริอาบแสงดารา
รู้ดีไม่มีค่า
มิอาจเอื้อมแสงสุวรรณ
๏ ดาวจ๋ายินข้าไหม
ทุกข์ในใจสารพัน
เหลียวแลอยู่แค่นั้น
คงเท่านี้ก็ดีใจ
๏ เห็นดาวพราวสว่าง
ดินกระด้างก็แจ่มใส
คืนหนาวทุกคราวไป
ยังพร่ำเพ้อเผลอคำนึง
๏ เพียงนี้แหละดินหนอ
ได้เพียงรอพอคิดถึง
จดจำและรำพึง
แค่แอบหวังก็ยังดี
๏ อื่นใดคงไม่กล้า
เพราะเกินค่าที่ดินมี
ความฝันพอกันที
อย่าหลงใหลให้เกินเลย
๏ เท่านี้เถอะดินหนา
เหม่อมองฟ้าเหมือนเช่นเคย
เลิกคิดจะชื่นเชย
เธอแสงดาวเราเศษดิน...
...ดาวจ๋า เศษดินอย่างข้า ฤๅหวังกำลังใจ...
30 ตุลาคม 2550 16:55 น.
เวทยา
นับนานวารเวลา...
บ่วงชะตาพาพิศลิขิตฝัน
บนทางเดินเหินห่างหว่างชีวัน
ถึงคราวครันพลันพรากลำบากใจ
ใช่เจ้าจำทำผิดชีวิตหนอ
จึงต้องรอท้อทดหมดอาศัย
ต้องจากจรอ่อนล้ากว่าอาลัย
แต่เหตุใดใยเห็นเป็นเช่นนี้
ใจดวงน้อยคอยครวญยังป่วนปั่น
จะห้ำหั่นอันใดก็ใช่ที่
จมกับฝันวันเก่าเท่าที่มี
ให้หลีกลี้หนีหายไม่ง่ายเลย
จวบราร้างทางหยุดที่สุดสาย
เจ้ากลับกลายหน่ายหนักความรักเอ๋ย
ที่เจนจบอบอุ่นเพียงคุ้นเคย
ที่ครองเชยเย้ยหยันเพียงวันคืน
นั่งโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาใต้เงาฟ้า
แสงดาราน่าชมกลับขมขื่น
ยิ่งฟ้าเลือนเหมือนย้ำยิ่งกล้ากลืน
จะหยัดยืนฝืนทนเหตุผลใด
แล้วแผ่กายหมายคอยน้อยใจฟ้า
จะบีทาตราตรึงไปถึงไหน
วอนชะตาพาพิศลิขิตใจ
อยากมีใครได้ชมดังสมปอง
หากได้ฤกษ์เบิกฟ้าเวลานี้
ขอสักทีที่ซึ่งหนึ่งสนอง
ประทานหวังครั้งใหม่มอบให้ครอง
จะจับจองรองรักไม่หักคลาย
หวังประทานผ่านฟ้าลงมาฝัน
อัศจรรย์วันใดคงไม่สาย
หวังใจทุกข์สุขล้นจนบั้นปลาย
หวังเคลือบคลายวายวอดตลอดกาล
ณ.วันนี้มีตนเพียงคนเดียว
จะข้องเกี่ยวเปลี่ยวใจใครสงสาร
มีเพียงหวังดังว่าฟ้าประทาน
นานเท่านานกาลใดสมใจเอย...
...หวังว่า ฟ้าประทาน...
25 ตุลาคม 2550 13:27 น.
เวทยา
...ซุกใต้หมอนนอนหลับลงกับฝัน
หนีสิ่งอันรุมเร้าเฝ้าตามหา
โกลาหลปนปานเคยผ่านมา
ปรารถนาอบอุ่นจะหนุนอิง
บนโลกหล้าท้าทายคล้ายกลั่นแกล้ง
คอยแอบแฝงหลอกลวงทุกปวงสิ่ง
ทั้งดวงใจไถ่ถามความเป็นจริง
คงยากยิ่งกว่าเราเข้าถึงมัน
อยากจะหลีกปลีกตัวจากมันหมอง
สู่สิ่งใดใฝ่ปองครองความฝัน
ค้นหาห้วงดวงใจไปพร้อมกัน
แล้วฉับพลันเข้าคู่สู่นิทรา
โลกความจริงยิ่งเย้าทำเราเหนื่อย
บนเปล่าเปลือยกิเลสเจตตัณหา
กี่บาปบุญหมุนคว้างหว่างเวลา
กล่อมวาจากรอกหูไม่รู้ตัว
โลกความฝันอันใดใช่เราหลง
เพียงความสุขมันคงอยู่ท้นทั่ว
เพียงหลอมใจชั่วหนึ่งจากความกลัว
เผื่อหมองมัวหมดบ้างเป็นครั้งคราว...