26 พฤศจิกายน 2546 17:34 น.
เลิฟลี่
1.กำเนิดด้ายแดง
คุณเชื่อเรื่อง รักแท้ปาฏิหารย์ ไหม? ทุกคนเกิดมาย่อมมีความรักกันทั้งนั้น เพราะความรักคือ น้ำหล่อเลี้ยงชีวิตเราให้มีความสุข แต่รักไหนละคือรักแท้ คนเราทุกคนย่อมมีด้ายแดงผูกติดกับนิ้วนางมือข้างซ้าย และปลายของด้ายแดงอีกข้างหนึ่งจะผูกติดกับนิ้วนางมือซ้ายของแค่แท้ของเรา บางคนมองเห็น แต่ส่วนใหญ่มองไม่เห็น แต่ว่าด้ายแดงจะเกิดขึ้นตอนไหน.
ดา! มีเสียงเรียกมาจากข้างล่างเนินเขา บนเนินเขาเป็นที่ราบกว้าง มีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นเดียว หญิงน้อยที่นั่งร้องให้อยู่ใต้ตนไม้หันไปดูต้นตอของเสียง มีเด็กชายเดินเข้ามาหา
พี่ทักจะมาทำไมอีก เธอพูดด้วยเสียงสะอื้น
โธ่..ดา พี่ก็อยากมาบอกลาเธอบ้างสิ เด็กชายนั่งยองๆข้างๆเด็กหญิง
ถ้าพี่ไปแล้ว ดาจะอยู่กับใครล่ะ เด็กชายจับมือเด็กหญิงไว้
ลดา ที่จริงพี่ก็ไม่อยากจากเธอไปหรอกนะ แต่พี่จำเป็นต้องย้ายตามพ่อไป พี่ก็เศร้าใจไม่แพ้ดาหรอก เอาอย่างนี้ถ้าคิดถึงพี่ก็เขียนจดหมายไปหาพี่สิ ไม่งั้นก็ดูรูปของพี่ คิดถึงความทรงจำเก่าๆ เธอก็จะหายคิดถึงพี่ พี่ไปแต่ตัวนะ แต่หัวใจพี่จะอยู่ข้างๆเธอเสมอ เด็กหญิงเอามือปาดน้ำตา
พี่ทักต้องสัญญานะ ว่าพี่จะมาเยี่ยมดาบ้าง เด็กชายยิ้ม
จ๊ะ พี่สัญญา เด็กชายเกี่ยวก้อยมือซ้ายสัญญากับเด็กหญิง แต่ไม่มีใครรู้ว่าด้ายแดงทั้งคู่ได้เกิดขึ้นแล้ว และผูกติดกันเอาไว้เป็นเส้นเดียวกัน และเด็กชายก็เดินทางจากไปแต่ด้ายแดงจะไม่มีวันขาด ยิ่งไกลก็ยิ่งเพิ่มความยาวมากขึ้น ยิ่งใกล้ก็หดสั้นลง คุณละมีด้ายแดงแล้วหรือยัง?
2.ปาฏิหารย์ด้ายแดงแห่งรัก
หลายๆคนมีด้ายแดงตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เห็นมัน ด้ายแดงเส้นนี้นั้นเป็นลิขิตจากฟ้า ว่าคนที่มีด้ายแดงผูกไว้เส้นเดียวกัน จะต้องเป็นคู่แท้แน่นอน แม้เราจะรักกับคนอื่นๆมากมาย จะไม่ราบรื่นและมีความสุขเท่ากับคู่แท้ด้ายแดงของเรา คนส่วนใหญ่ไม้รู้ว่าด้ายแดงเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่ไหน กับใคร แต่เราจะรู้ได้ยังไงละว่าใครคือคู่แท้ด้ายแดงของเรา.
วันรับน้องใหม่ที่คณะศิลปกรรมของมหาวิทยาลัย ดูจะคึกคักกว่าคณะอื่นๆ รุ่นพี่เต็มที่กับงานนี้มาก รุ่นน้องก็มันกันสุดๆ ลดาเหนื่อยมากจึงขอรุ่นพี่ไปพักที่ตึกคณะ ลดาเหลือบไปเห็นหญิงรุ่นพี่คนหนึ่งตบหน้าผู้ชายหน้าตาดี แล้ววิ่งหนีไปด้วยน้ำตา ชายคนนั้นไม่สะทกสะท้านอะไรเลย และเขาก็เหลือบมาเห็นลดา
ลดา ลดาใช่ไหม? ชายคนนั้นเรียกลดา ชายคนนี้คือทักที่เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกับลดาเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่ลดาจำไม่ได้ เพราะมันนานมาแล้ว แต่ทักยังจำลดาได้ไม่เคยลืมเลย ทักจำต้องรื้อฟื้นความทรงจำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด จนลดาจำได้ และนั่งพูดคุยกันเสียนานจนถึงเวลาเย็น ทั้งคู่เปลี่ยนที่ไปคุยที่ริมบ่อน้ำของมหาวิทยาลัย
พี่ทักษินัยน์ค่ะ คือว่า.. ลดาเรียกทักอย่างเต็มยศ ทักหันมามองลดา
แหม ลดาไม่ต้องเรียกพี่ซะเต็มยศก็ได้ ลดายิ้มแบบอายๆ
ค่ะ พี่ทัก เมื่อกี้คนที่ตบหน้าพี่ทักน่ะค่ะใครหรือค่ะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ขอโทษนะค่ะที่ถาม ทักก้มหน้ามองพื้น เอาเท้าเตะหญ้าข้างล่าง
ลดาอยากรู้จริงเหรอ
ค่ะ
ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนพี่นะ แต่เราเข้ากันไม่ได้ พี่เลยต้องบอกเลิกกับเขา เพราะถ้ายังรักกันพี่ก็ไม่มีความสุข
ทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนนั้นจังเลยนะค่ะ
พี่รู้ แต่พี่คบกับใครไม่ค่อยนานหรอก เพราะเขาไม่ใช่ เราเข้ากันไม่ได้ ทุกคนไม่ใช่ที่พี่ชื่นชอบเท่าไหร่ อืม ลดาสวยขึ้นนะ มีแฟนหรือยังละ ลดายิ้มเขินหน้าแดง
ยังค่ะ ใครจะมาสนใจ ลดาไม่สวยนิ แล้วผู้หญิงที่พี่ทักชอบมากเป็นอย่างไรเหรอค่ะ
เป็นแบบลดาไง ถ้าไม่รังเกียจคบกับพี่ได้ไหม เพราะเธอคือคนที่พี่คิดว่าพี่รักมากกว่าคนอื่นๆ ทักก็หน้าแดงมาก
จะดีเหรอค่ะ ลดาลังเลใจเพราะเขาไม่เคยคบกับใครมาก่อน แต่ลดารู้ว่าทักก็คือคนที่เขารักเหมือนกัน ในส่วนลึกแล้วลดาก็รักทักมาตั้งแต่วันที่จากกัน
ทำไมละ ลดาไม่ไว้ใจพี่เหรอ พี่เป็นคนดีนะลดาก็รู้ พี่ให้ลดาเป็นคนตัดสินใจเอง ทักเงยหน้ามองไปบนฟ้า
ก็ได้ค่ะ พี่ทัก ทักกับลดาเกี่ยวก้อยมือซ้ายสัญญาเป็นคู่รักกัน 10 ปีสำหรับความโหยหา ความว้าเหว่ ความทุกข์ได้จบลงไปแล้ว และความสุขจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทันใดนั้นทั้งคู่ก็เห็นด้ายแดงเส้นที่ผูกเส้นที่ผูกกับนิ้วนางมือข้างซ้ายของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน ด้ายแดงเปล่งแสงระยิบระยับสามครั้งและหายไป
พี่(ดา)เห็นด้ายแดง ทั้งคู่พูดพร้อมกันอย่างน่าประหลาดใจ
3.วาระสุดท้ายด้ายแดง
เมื่อมีการเริ่มต้นก็ต้องมีการจบสิ้น ด้ายแดงก็เหมือนกัน เมื่อมันถือกำเนิดขึ้นมันก็ย่อมมีจุดจบไปตามธรรมชาติ จุดจบของด้ายแดงจะไม่ใช่การเลิกกันของคู่แท้ ถึงจะเลิกกันไปอยู่ไกลแค่ไหน จะแต่งงานใหม่ จะมีคนรักใหม่ ด้ายแดงจะไม่หายไป จะอยู่คู่กันแบบนี้ติดตัวเราไปตลอดชีวิต แล้วจุดจบจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน.
ความรักของลดากับทักช่างน่าประหลาดนัก ทักซึ่งไม่เคยคบกับใครเกิน 2 เดือน กับลดาซึ่งไม่เคยคบกับใครมาก่อน กลับคบกันยืนยาวถึง 4 ปี และพ่อแม้ทั้ง 2 ฝ่ายก็รู้เห็นยินดี ความรักของทั้งคู่ไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ทักเรียนจบแล้วทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง พรุ่งนี้ลดาจะรับปริญญา.
ลดากับทักอยู่ที่ร้านอาหารริมทาง ทั้งคู่เปี่ยมไปด้วยความสุข ถึงแม้จะอยู่ร้านเล็กๆก็ตาม
พี่ทักค่ะพรุ่งนี้จะไปงานรับปริญญาดาไหม ลดาถามทัก
ไปสิจ๊ะ แฟนรับปริญญาไม่ไปได้ไง ลดายิ้มแก้มปริ และเห็นรถเข็นขายทองหยิบทองหยอดของโปรดทั้งคู่อยู่อีกฝากถนน จึงอยากจะซื้อให้ทัก
พี่ทักค่ะ เดี่ยวมานะค่ะ ทักยังไม่ทันจะถามลดาก็วิ่งออกไปเสียแล้ว ทักมองตามดาออกไป
ทันใดนั้น ภาพที่ทักเห็นเป็นแทบช๊อค ขณะลดาข้ามถนนมีรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ชนลดาเข้าอย่างจัง ร่างของลดาลอยขึ้นไปและตกลงพื้นถนนอย่างแรง มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะจำนวนมาก ทักรีบนำลดาส่งโรงพยาบาลทันที และหมอก็นำเข้าห้องไอซียู ทักโทรตามพ่อแม่ของลดาทันที
พ่อแม่ลดามาถึง แม่ถึงคงกับร้องให้ ทักเป็นห่วงลดามากกลัวว่าลดาจะเป็นอะไรไป ทักกระวน-กระวายใจจนนั่งไม่ติด และเฝ้าอยู่ที่ห้องไอซียู ทั้งคืน
รุ่งเช้า หมอบอกแม่ว่าลดาปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องดูอาการเพราะศีรษะได้รับการกระทบ-กระเทือนอย่างรุนแรง ทักเข้าไปเยี่ยมดาในห้องไอซียู ทักปวดใจมากที่เห็นลดาในสภาพแบบนี้ ทั้งๆวันนี้ลดาต้องมีความสุข ทำไมลดาถึงต้องโดนรถชนด้วย แค่คิดก็แทบบ้า ทักสงสารลดา ทักจับมือลดาไว้ตลอดนานมาก ทักน้ำตาไหลและเห็นน้ำตาลดาก็ไหลเหมือนกัน ทันใดนั้นหัวใจของลดาก็หยุดเต้น ทักเห็นด้ายแดงของทั้งคู่อีกครั้ง และมันก็ขาดสะบั้นไปต่อหน้าต่อตา ทักตกใจมาก รีบตามหมอ หมอรีบช่วยชีวิตทันที
หมอบอกว่าลดาเสียชีวิตแล้ว พ่อแม่ลดา พ่อแม่ทักต่างร่ำให้เสียใจ ทักน้ำตาไหลไม่ขาดสาย คิดถึงแต่ภาพเก่าๆที่ลดากับเขามีความสุข แต่มันจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว ทักไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว เพราะรักแท้ของทักอยู่ที่ลดาคนเดียว โธ่ ดา ..ที่รักของพี่
ทักเอาของสิ่งหนึ่งวางไว้หน้าหลุมศพลดา
ดา พี่เอาปริญญามาให้ดาแล้วนะ ไม่ต้องห่วงว่าดาจะเหงา คิดว่าพี่อยู่ข้างๆดาเสมอนะ
และตั้งแต่นั้นมา ทักก็ไม่เห็นด้ายแดงอีกเลย
14 พฤศจิกายน 2546 19:56 น.
เลิฟลี่
กีฬาสีโรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่ สีแดงปีนี้ไม่มีน้องปลื้ม เราให้สัญญา
กับน้องปลื้มเอาไว้... ว่าสีเราจะชนะ
กีฬาสีปีนี้ สแตนด์เชียร์สีแดงของเรามีความพร้อม 70 เปอร์เซนต์กว่าๆ
เพราะสีเราไม่มีเวลาซ้อมมาก แต่สีเราก็ตั้งใจซ้อมกันมาก และตั้งใจ
การแสดงของสีเราเราทำได้ดีมาก และสิ่งหนึ่งที่เราภูมิใจที่สุดของสีแดง
คือ เราร้องเพลงเสียงดังกว่าสีอื่นๆ ในสนามกีฬา ทุกคนชมว่าสีเราแสดงได้
สวยมาก แต่สีเราก็มีข้อผิดพลาดอยู่มากเหมือนกัน การแสดงจบแล้ว....
ทุกคนดูไม่ค่อยดีใจกับผลงานของพวกเราเท่าไหร่ เพราะข้อผิดพลาดนั่นเอง
สีอื่นเขาแสดงได้สวยกว่าสีเรามาก และพร้อมกันมาก สีเราตกเป็นรองสีอื่นๆ
เราจึง ท้อ และหมดหวัง "น้องๆค่ะเราทำดีที่สุดแล้วค่ะ" พี่บิวให้กำลังใจ
พวกเรา พวกเราจึงมีความหวังและกลับมาสนุกอีกครั้งในเวลาที่เหลือ เรา
สนุกสนานกันมากที่สุด จนลืมเรื่องการแสดงไปเลย และก็ถึงเวลาที่รอคอย..
การประกาศผลรางวัลในกีฬาสีในครั้งนี้ สแตนด์เชียร์ของสีเรา....ไม่ชนะ
ไม่ได้อะรัยซักอย่างเลย ทุกคนผิดหวัง เสียใจ ได้แต่ยืนดูสีอื่นเขาดีใจเขาชนะ
"ไม่เป็นไรๆ เราตั้งใจทำสุดๆแล้วนะ" พี่ๆปลอบใจเรา ทุกคนก็ยิ้มออกมาได้
อีกครั้ง ทุกสีเขาก็ต่างอยากจะชนะ มีชนะก็ต้องมีแพ้ ถึงแม้สีเราจะไม่ชนะ
แต่สีเราก็ชนะใจตัวเอง พวกเราไม่ได้ทำตามอย่างที่ให้สัญญากับน้องปลื้มได้
แต่น้องปลื้มรู้ไว้นะ พวกเราตั้งใจมากที่สุดแล้ว จริงๆ....
พวกเราเหล่าชุมนุม ต่างคุมใจรักสมัครสมาน
ล้วนมิตรจิตชื่นบาน สราญเริงอยู่ทุกผู้ทุกนาม
อันความกลมเกลียว กันเป็นใจเดียวประเสริฐศรี
ทุกสิ่งประสงค์จงใจ จักเสร็จสมได้....ด้วยสามัคคี
กีฬาสีในปีนี้ เรามีความสุขมากกว่าปีใดๆ น้องปลื้มก็คงรู้สึกแบบนั้น เราได้
รับความรัก จากพี่ๆ พวกพี่ๆช่วยดูแรเรา พูดให้กำลังใจ จะเหนื่อยอย่างไร
พี่ๆไม่เคยบ่น เราร่วมสุข สนุกเศร้า หัวเราะร่วมกัน เราร่วมเชียร์ในวันกีฬาสี
รอยยิ้มของพี่ๆ รอยยิ้มของน้องๆ รอยยิ้มของพวกเราหล่อหลอมเป็นใจ
เดียวกัน ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปมากกว่าคำว่า "ความทรงจำแห่งมิตรภาพ" อีกแล้ว
ความทรงจำในกีฬาสีครั้งนี้ จะถูกบันทึกไว้ในคำว่า...
"สีแดง"
3 4 : สีแดง สีแดงเริ้ดส์ สีแดง สีแดง เริ้ดส์!
9 พฤศจิกายน 2546 15:46 น.
เลิฟลี่
ไม่มีอะรัยจะมาพรากคนเราไปจากเพื่อน จากฝูงได้ ถ้าใจเราไม่ไป ถึงแม้จะไปไกล ก็ยัง จะคิดถึงเพื่อน
จะยังรัก อยู่เสมอ แต่การจากลาที่ไม่มีวันกลับ นี่สิ เป็นเรื่องที่น่าหดหู่ เราต้องเดินจากไปเพียงคนเดียว
จะไม่ได้ยินเสียงร่ำร้องของผองเพื่อนพี่น้อง ตลอดกาล....
..... น้องปลื้ม นักเรียนชั้น ม. 1/9 โรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่
ใกล้กีฬาสีแล้ว น้องปลื้มตื่นเต้น น้องปลื้มอยากขึ้นสแตนเชียร์อยากร่วมเชียร์กับเพื่อนๆ อยากสนุกสนาน ....
แต่ว่า....น้องเขามีโรคประจำตัวบางอย่าง แต่น้องเขาก็อยากขึ้นสแตนเชียร์อยู่ น้องเขามีแรงมุ่งมั่นที่จะ
ทำสิ่งนี้ให้ได้ พี่คุมสี เลยให้ไปถามคุณแม่
....คุณแม่น้องปลื้มอนุญาตให้น้องปลื้มขึ้นสแตนได้ น้องปลื้มดีใจมาก และตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นสแตนเชียร์ในครั้งนี้
เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในโรงเรียนนารีรัตน์ น้องปลื้มตั้งใจซ้อมมาก และไม่ยอมเหนื่อย
....วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2546 พี่สีแดง ได้นัดซ้อมอีกครั้งที่สนามกีฬา
วันนี้น้องปลื้มไม่มา
พี่สีแดงบอกว่า น้องปลื้ม เสียชีวิตแล้ว..... เมื่อวานนี้เอง ทุกคนหดหู่มาก และบางคนถึงกับร้องให้
เพราะไม่คิดว่าน้องคนนี้จะจากไปเร็วขนาดนี้ เพื่อนที่เคยเห็นหน้าเมื่อวันก่อน แต่วันนี้ ไม่มีอีกแล้ว
...ทุกคน ยืนสงบนิ่งให้กับการจากไปของน้องปลื้ม....
หากน้องปลื้มยังอยู่จงฟังไว้ว่า...ที่นั่งบนสแตนของน้องปลื้ม จะไม่มีใครนั่ง พี่ๆจะ
ให้น้องปลื้มได้นั่งในวันกีฬาสี และจะได้ทำกิจกรรมเหมือนกับเพื่อนๆ
แม้ทุกคนจะไม่เห็นน้องปลื้ม แต่ใจของทุกคนยังรู้สึกได้ว่า น้องปลื้ม ยังร่วมซ้อม อยู่ข้างๆ เสมอ และเพื่อนๆของน้องปลื้มทุกคน จะยังรัก ยังคิดถึงน้องปลื้ม
อย่างที่เหมือนตอนที่น้องปลื้มยังมีชีวิตอยู่ ....เพื่อนๆจะไม่ลืมน้องปลื้ม...
พวกพี่ๆ 3/6 3/9 และเพื่อนๆ มอ 1 ุทุกคน จะตั้งใจแสดง ในวันกีฬาสีให้เต็มที่ และสุดความสามารถที่มีอยู่
น้องปลื้มไม่ต้องเป็นห่วง เพราะ พวกพี่ๆ สัญญาว่า
.... สีเราต้องชนะ.... ชัยชนะครั้งนี้ น้องปลื้มก้อมีส่วนร่วมด้วย
น้องปลื้มอย่าไปไหน มาร่วมกีฬาสีกับพวก เรา นะ
หากเสร็จกีฬาสีแล้ว...
........... ก็ขอให้ไปดี หลับให้สบายนะน้องสาวของพี่ๆ
.......ลาก่อน.....
จากพี่เบนซ์ 3/6 NR