18 เมษายน 2547 02:41 น.

วันนั้น(3)

เลขคี่

วันนั้นหลังจากเขาโทรมาหา ชั้นก็นั่งจมกับความเงียบที่แสนจะคุ้นเคยอยู่อีกสักพัก สมองยังคงทำงานอย่างหนัก กับคำถามที่ว่า "เรากลับมาคบกันใหม่ได้ไหม" แม้ปากจะตอบไปแล้วว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ใจส่วนหนึ่งก็ยังพยายามปฏิเสธอยู่ว่า ชั้นยังมีเยื่อใยกับเขา ใยบางๆที่ยังคงเกาะแน่นที่หัวใจ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้มันเปื่อยขาดไปได้เลย กาลเวลาไม่สามารถลบเลือนอะไรบางอย่างได้เหมือนกัน ชั้นคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิท กรอกคำพูดเล่าเรื่องราวให้เพื่อนฟัง คำตอบที่ได้รับทำเอาหัวใจพองโตเนื่องจากพอใจในคำตอบ แต่ก็มีส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของหัวใจที่ดูจะห่อเหี่ยวไปในทันที คำตอบที่ว่า "เจ็บแล้วต้องจำ"             
             วันนั้นหลังจากผมโทรหาเธอ คำปฏิเสธที่ได้รับยิ่งตอกย้ำในความผิดของผม ผมผิดที่ทิ้งเธอไป แม้ผมอยากจะแก้ตัวโอกาสก็กลับปิดลง ความผิดหวังประดังกันเข้ามาเต็มห้องจนบรรยากาศดูอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก ผมไม่ได้โทษเธอเลย ได้แต่โทษในความโง่เง่าของตัวเองที่ทอดทิ้งเธอ ไอ้โง่ ไอ้โง่ ผมตะโกนด่าทอตนเองจนลั่นหัวใจ ผมคว้าโทรศัพท์ไปปรับทุกข์กับเพื่อน คำตอบที่ได้รับก็มีแค่ "กูว่าแล้ว" ผมคงจะไม่มีสิทธิ์ได้รับความเห็นใจเลยใช่ไหม ความเงียบถาโถมเข้ามาเป็นระลอก นำพาเอาความเศร้ามาด้วย ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวันจนสมองโง่ๆเริ่มทำงานอีกครั้ง แค่นี้มึงก็ฝ่อแล้วเหรอว่ะ พึ่งคุยกับเธอแค่ครั้งเดียวเอง พยายามต่อไปอีกเซ่ ตื๊อเข้าไปอีก เธอต้องใจอ่อนแน่ เชื่อมั่นเข้าไว้ ไวเท่าความคิดผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากำไนมือ กดหมายเลขที่คุ้นเคยลงไปอย่างเด็ดเดี่ยว สัญญาณดังอยู่ไม่กี่ครั้งโทรศัพท์ก็ถูกยกขึ้น "สวัสดีค่ะ" เสียงเธอดังกังวานขึ้น ผมกรอกคำพูดเท่าที่คิดได้ตอนนั้นออกไปทันทีราวกับห่าฝน โดยไม่ได้เกี่ยวกับการขอให้เธอกลับมาคบกันใหม่เลย ส่วนใหญ่จะเป็นมุขตุ่นๆที่ผมคิดว่ามันขำที่สุดในโลก คิดว่เธอจะต้องขำจนหลุดโลก คิดว่าเธอจะมีความสุข แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมากลับเป็นความเงียบที่ชวนอึดอัด และคำพูดที่ซ้ำไปซ้ำมาว่า "อือ" จนเมื่อผมวางโทรศัพท์ความผิดหวังก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนผมอีกครั้ง
             เขาโทรมาหาชั้นอีกแล้ว คราวนี้เขาพยายามชวนคุยในเรื่องที่เขาคิดว่าตลกที่สุด และไม่พูดถึงเรื่องที่เขาจะให้ชั้นกลับไปคบกับเขาเลย แต่ชั้นพอจะรู้นิสัยเขาดี เขาเป็นคนอย่างนี้มานานแล้วล่ะ ทำอะไรก็ชอบทำให้สุดๆ มุทะลุ ดื้อดึงอย่างโง่ๆ คิดอะไรได้ก็จะทำเลยไม่ยอมคิดทบทวนถึงเหตุผลหรือผลได้ผลเสีย เขาคงยังไม่ยอมลดละที่จะมาคบกับชั้นเป็นแน่ ไม่มีทาง เสียงหัวใจร้องสั่งดังกึกก้อง โดยชั้นพยายามมองข้ามเสียงน้อยๆที่มุมหนึ่งของหัวใจ ที่ที่ยังคงมีเขานั่งอยู่ คำตอบที่ชั้นจะให้เขาได้ก็คงมีแต่ "อือ" เท่านั้น ชั้นอยากจะแสดงให้รู้ว่าชั้นไม่เล่นด้วย เขาก็คงจะพอรู้เหมือนกันเพราะไม่นานเขาก็กล่าวคำอำลาด้วยเสียงเศร้าๆแล้วจึงวางไปอย่างแผ่วเบา มันดีแล้วล่ะ เขาไม่ดีพอสำหรับชั้นหรอก เขาไม่ดีพอ เขาไม่ดีพอ ชั้นพยายามย้ำกับตนเอง แล้วพยายามนึกถึงข้อเสียต่างๆนานาของเขา ไม่ค่อยสนใจความรู้สึก ลืมแม้กระทั่งวันเกิดเรา ไม่สนใจเรียน ดื้อ เชื่อแต่ตัวเอง ไม่มีความเป็นผู้นำและจิตใจโลเล เห็นไหมล่ะว่าเขาแย่ขนาดไหน เขาไม่เหมาะกับชั้นหรอก เขาไม่ใช่คนที่ชั้นจะให้จูงชีวิตของชั้นได้ เขายังคงไม่ละความพยายามในแบบฉบับของเขา ยังคงโทรมาหาบ่อยๆ หลายครั้งที่ชั้นให้น้องบอกว่าชั้นไม่อยู่ แม้ใจจะอยากคุยกับเขาบ้างเหมือนกัน และมีหลายครั้งเหมือนกันที่เขามาหาชั้นบอกว่าจะรอที่ปากซอย แต่ชั้นก็ไม่ได้ออกไปพบเขา เพราะอะไรนะเหรอ ชั้นกลัวว่าชั้นจะใจอ่อน ชั้นไม่อยากกลับไปหาเขาอีก ชั้นเกือบจะแน่ใจอย่างนั้น เมื่อใดที่จิตใจชั้นเริ่มสั่นคลอนชั้นก็จะโทรปรึกษาเพื่อนเพื่อเสริมความเข้มแข็งของหัวใจ "ผู้ชายมันก็ไอ้สิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ได้ด้วยฮอร์โมนเพศเท่านั้นแหละ มันคิดว่าแกเป็นของๆมันที่จะหยิบจับเมื่อไหร่ก็ได้ แกอย่าใจอ่อนเชียวนะ" เป็นคำพูดที่เสริมใยเหล็กให้หัวใจชั้นได้มากทีเดียว
              ผมพยายามโทรหาเธออีกหลายครั้งแต่ทุกอย่างมันกลับดูแย่ลงเรื่อยๆ ผมได้คุยกับเธอน้อยลง และดูเหมือนเธอจะบังเอิญไม่อยู่บ้านเมื่อผมโทรไป ผมตัดสินใจไปรอเธออยู่ที่หน้าปากซอย ผมได้แต่ทำอย่างนั้นเพราะไม่รู้ที่อยู่ที่แน่นอนของเธอ ผมได้แต่รอเธอครั้งละหลายๆชั่วโมง เธอไม่ปรากฏกายให้เห็นแม้แต่เงา ความครียดเริ่มถามหาผม เหล้าและเพื่อนเป็นสองสิ่งที่สามารถทำลายมันลงได้ เช้าผมโทรหาเธอ เย็นก็ดวดเหล้ากับเพื่อนแก้กลุ้ม การเรียนผมเริ่มไม่สนใจ คิดแต่เพียงว่าโลกนี้มีแค่เธอ เธอ และเธอ คิดแค่ว่าผมไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อไม่มีเธอ แต่ก่อนผมเคยถามเธอว่าอนาคตอยากเป็นอะไร เธอกลับตอบว่าอยากเป็นแม่ให้กับลูกของผม ผมได้แต่หัวเราะขำขันกับความคิดนั้น ความคิดของเด็กสาว ม.4 แต่ตอนนี้ผมกลับคิดเหมือนเธอแล้วว่าอยากให้เธอเป็นแม่ของลูกผม อยากได้เธอเป็นคู่ชีวิตของผม "ผู้หญิงมันก็สิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์แหละว่ะ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวดี เดี๋ยวเค้าก็ต้องเห็นใจเอ็งบ้างแหละ" เพื่อนมันยังคงคอยให้กำลังใจผม จนมาวันหนึ่ง หลังจากผมตื่นขึ้นมาสู้กับแดดตอนสาย หัวปวดตุบๆด้วยฤทธิ์เหล้าที่ซดไปเมื่อคืนอย่างหนัก เดินข้ามร่างเพื่อนที่ยังคงนอนคุดคู้อยู่บนพื้นตรงเข้าห้องน้ำ กระจกในห้องน้ำสะท้อนเอาภาพของชายหนุ่มวัย 22 ปีคนหนึ่งที่หน้าตอบ ขอบตาดำคล้ำ ผมยาวสกปรก กลิ่นเหล้าผสมอ้วกลอยคละคลุ้งขึ้นมาจากตัว นี่นะเหรอตัวผม ผมแย่ขนาดนี้เชียวเหรอ ผมหัวเราะดังลั่นให้กับตัวเอง สภาพมึงอย่างนี้นะเหรอจะให้ใครมารัก หมามันยังเมินหน้าหนีเลย โครม ผมเซล้มกระแทกเข้ากับชักโครก ผมพึ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้ผมยังไม่เหมะสม ไม่ดีพอสำหรับเธอ ผมตั้งปณิธานอย่งแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ขอคืนดีกับเธออีก จนกว่า จนกว่าตนเองจะดีพอกับคนดีๆอย่างเธอ(ขอบคุณที่อ่านอีกครั้ง ติชมกันเยอะๆนะติดตามต่อภาค 4)				
5 เมษายน 2547 04:13 น.

วันนั้น

เลขคี่

วันนั้นชั้นนั่งจมอยู่กับความเงียบที่บ้านตามปกติ นานแล้วที่ชั้นชินกับความเงียบนี้ บางทีชั้นก็กลัวกับความชินนี้เหมือนกัน 
            เวลาที่ชั้นอยู่เงียบๆอย่างนี้ ไม่ว่าชั้นจะทำอะไรอยู่ ชั้นก็จะคิดถึงเขาคนนั้น เขาที่เคยเป็นอะไรที่สำคัญต่อชีวิตชั้น เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชั้น แต่แล้วเขาก็มาจากชั้นไปกับผู้หญิงคนอื่น ตอนนั้นชั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่บนโลกไม่ได้แล้ว อากาศรอบตัวที่แม้ชั้นจะสูดมันเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ร่างกายคลายความมึนชา ร่างไร้เรี่ยวแรง แต่ชั้นก็ยังใจเด็ดอยู่มากที่นั่งฟังเขาพูดจนจบว่าเขาชอบคนอื่น ชั้นยิ้มให้เขา ตอบเขาว่าพอจะรู้อยู่แล้วว่าต้องมาถึงวันนี้ วันที่เขาบอกเลิกกับชั้น หนึ่งเดือนที่ผ่านมาได้บอกอะไรบางอย่างกับชั้นเสมอๆ วันที่เขาไปกับผู้หญิงคนนั้นโดยอ้างว่าไปทำรายงาน วันที่เขาไปเรียนพิเศษแต่เขากลับไปกินสุกี้กับผู้หญิงคนนั้น ตอนเย็นบ่อยครั้งที่เขาไม่กลับบ้านกับชั้นแต่กลับกับผู้หญิงคนนั้น คนที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนมาตลอด เขาดูเสียใจที่ต้องบอกชั้นอย่างนั้นแต่คงไม่เท่ากับความเสียใจของชั้นเป็นแน่ ไม่เป็นไรเราเข้าใจ เป็นคำที่ชั้นบอกกับเขา ก่อนที่จะเดินไปส่งเขาที่ห้องเรียน เช้านั้นดูหม่นหมองลงทันตา ไม่มีวี่แววของความสดใสออกมาจากตาของเขาและของชั้นเลย ก่อนที่เขาจะเข้าห้องเรียน น้ำใสๆก็เอ่อออกมาจากตาเขา น้ำใสๆนั้นไม่รู้ว่าจะมีความรู้สึกใดสะสมอยู่ ความเสียใจ ความละอายใจ ความรู้สึกผิด ชั้นก็ยังได้แต่ยิ้มให้เขา ขอให้มีความสุขนะ เป็นคำพูดสุดท้ายที่ชั้นพูดกับเขาก่อนจะหันหลังกลับ น้ำตาที่อัดอั้นอยู่ในต่อม เอ่อล้นออกมาโดยมีความเสียใจและความผิดหวังเป็นตัวผลักดัน ชั้นไม่ได้หันกลับไปมองเขาเลย จนตัวเองกลับมาถึงห้องเรียนของตน เพื่อนสนิทของชั้นได้แต่เอามือลูบหลังและตบเบาๆที่ไหล่ ดีแล้วล่ะ ชั้นยังไม่ต้องการอธิบาย ไม่ต้องการคุยกับใครตอนนี้ ชั้นแค่อยากจะนั่งร้องให้บนแขนของชั้นเท่านั้น วันเวลาดูเลื่อนไปอย่างช้าๆ บ่อยครั้งที่ชั้นคิดว่าเขากำลังมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้น แค่นั้นหัวใจชั้นก็เต้นอย่างรุนแรง ปวดตุบๆที่อก เหมือนร่างกายจะหยุดทำงานไปเฉยๆ ความปวดนั้นยังคอยเล่นงานชั้นอยู่เสมอเมื่อชั้นเห็นเขากับผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน จับมือกัน ชั้นมันไม่ดีตรงไหน เป็นคำถามที่ชั้นคอยถามตัวเองอยู่บ่อยๆ หลังจากเขาทิ้งชั้นไป หลายคืนที่มีแต่ภาพของเขามาตามหลอกหลอน ภาพความสุขที่เราเคยมีด้วยกัน ภาพนั้นเรียกน้ำตาของชั้นได้เสมอๆ เขายังมาพูดคุยกับชั้นบ้างถ้าเราบังเอิญพบกันบนทางเดินในโรงเรียน เมื่อไม่มีผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วย เธอคงไม่ชอบให้ชั้นคุยกับเขาสักเท่าไหร่ ชั้นไม่โกรธเธอหรอก เพราะชั้นเข้าใจว่าเธอคงไม่อยากเสียเขาไปให้ชั้นอีก เหมือนกับที่ชั้นไม่อยากเสียเขาให้เธอ แต่ถ่านของชั้นกับเขาคงไม่ลุกติดขึ้นมาง่ายนักหรอกเพราะเขารักเธอมาก ชั้นดูออก 
               แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้วภาพเกี่ยวกับเขาก็ไม่ได้ลบเลือนหายไปเลย เพราะอะไรนะ ชั้นมักตั้งข้อสังเกตอย่างนี้เสมอแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้สักที มันเป็นชีวิตวัยรุ่นที่ทั้งสุขและเศร้าของชั้น แต่ชั้นก็ดีใจที่ได้พบชีวิตแบบนั้น มันสอนให้ชั้นรู้อะไรหลายๆอย่าง ชีวิตมนุย์ไม่ได้มีแต่คำว่าสมหวัง มันยังมีความผิดหวังคอยแอบซ่อนอยู่ในมุมมืดหนึ่ง รอเวลาของมัน เราทำได้แต่คอยรับมือกับมันเท่านั้น 
               ระหว่างที่ชั้นกำลังนั่งจมอยู่กับตัวเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เรียกร้องให้ความสนใจของชั้นเบนไปที่มัน "สวัสดีค่ะ" ชั้นกรอกข้อความคุ้นเคยลงไป "ขอสายกิ๊บหน่อยครับ" เสียงคุ้นๆที่ชั้นเคยได้ยินมาก่อนดังขึ้นจากปลายสาย "พูดอยู่ค่ะ ใครค่ะ" ชั้นยอมเสียมารยาทถามไปตรงๆ "อั๋นเองไง จำได้ป่าว" หัวใจชั้นแช่มชื่นขึ้นเล็กน้อย เขานั่นเอง นานแล้วที่ชั้นไม่ได้ยินเสียงเขาหลังจากวันเกิดเขาปีก่อนที่ชั้นโทรไปสุขสันต์วันเกิด "สบายดีรึปล่าว" ถ้อยคำถามตอบพื้นๆอย่างคนห่างเหินดังต่อเนื่องเป็นระลอกๆ จนประโยคสุดท้าย "เรากลับมาคบกันได้ไหม" เขาพูดอย่างตะกุกตะกักแตเป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความหวังลึกๆ น่าแปลกที่ชั้นไม่ได้รู้สึกดีใจสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นเมื่อ 3 ปีก่อนชั้นอาจจะกระโดดดีใจจนตกตึกไปเลยก็ได้ ความเงียบที่น่าอึดอัดเริ่มเข้าครอบคลุมชั้นกับเขา "เราเลิกกับคนนั้นแล้วนะ" เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ชั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่รู้เลยว่าจะรับกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี แต่ความรักของชั้นที่มีต่อเขาดูมันจะไม่เหมือนเดิมซะแล้ว ชั้นพึ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่ามันไม่เหมือนเดิม ทำไมเขาต้องกลับมาคบกับชั้น คนที่เขาทำลายจนหัวใจยับเยินเกินเยียวยา แต่เมื่อมันผสานเข้ากันได้แล้วเขาก็กลับมกระทบมันอีก เกิดรอยร้าวเล็กๆขึ้นอีกแล้ว "มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ" ชั้นพูดออกไปในที่สุด ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้ง "งั้นก็ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องคิดมาก"เขาพูดออกมาเหมือนกับทำให้มันดูเป็นปกติทั้งที่หางเสียงของเขาสั่นจนน่ากลัว เขาพูดอีก 2-3 ประโยค แล้วจึงวางไป ชั้นทำอะไรผิดไปรึเปล่า ชั้นอาจจะกลัวอะไรบางอย่างก็ได้ กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย กลัวเขาทรยศต่อชั้นอีก หรือกลัวว่าชั้นจะรักเขาอีกก็ได้ (ขอขอบคุณที่อ่านมาถึงนี่ มีต่อภาค 2)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเลขคี่
Lovings  เลขคี่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเลขคี่
Lovings  เลขคี่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเลขคี่
Lovings  เลขคี่ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเลขคี่