28 มีนาคม 2551 23:16 น.
เรไร
๏..เพียงสายลมพัดผ่านกังวานแว่ว
ดังผะแผ่วเหมือนหัวใจได้ยินเสียง
คนห่างไกลเคยคู่เคยอยู่เคียง
ส่งสำเนียงสื่อความหมายให้ลมพา
ฝากไปถึงคนไกลฝากไปบอก
ในละลอกลมพลิ้วละลิ่วหา
แม้อยู่ห่างกันไกลสุดสายตา
ยังปรารถนาแหนหวงด้วยห่วงใย
ถึงมิอาจจับต้องหรือมองเห็น
อาจเยือกเย็น ฤๅ รุ่มร้อนจนอ่อนไหว
เพียงยอดหญ้าโยกโยนโอนกิ่งไกว
ลมโลมไล้ใบหญ้าด้วยอาวรณ์
ขอแค่เพียงจดจำในสัมผัส
เมื่อลมพัดโอบกอดด้วยออดอ้อน
หากว่ายังปรารถนาโปรดอาทร
คือคำวอนไม่เปลี่ยวดายกลางสายลม
12 มีนาคม 2551 21:01 น.
เรไร
๏..ยามเมื่อยลแสงโสมดุจโคมฉาย
ศิลาลายละเลื่อมงามตามกระแส
ชโลทรโรมรันคอยผันแปร
ระลอกแลระริ้วลายริมสายชล
เป็นฟายฟองแปรปรวนม้วนตลบ
เข้าสาดซบโถมแทงทุกแห่งหน
สดับเสียงคลื่นคลั่งในวังวน
ดั่งต้องมนต์มายาแห่งสาคร
ใครคนหนึ่งยืนคว้างอยู่กลางหาด
ภวังค์วาดกวีกานท์งานอักษร
เลบงคำพร่ำพรรณนาด้วยอาวรณ์
เป็นบทกลอนความทรงจำจึงคร่ำครวญ
ก่อนเคยยลแสงโสมดุจโคมส่อง
เสียงกึกก้องคลื่นเห่ทะเลผันผวน
สายลมพัดสู่ฝันแสนรัญจวน
จนจิตหวนโหยหาด้วยอาลัย
เคยกุมมือเคียงข้างอยู่กลางหาด
ร่วมกันวาดอนาคตที่สดใส
บนผืนทรายทอดยาวเราก้าวไป
ด้วยหัวใจคงมั่นในสัญญา
ดุจว่ามีสังคีตคอยดีดสี
มโหรีบรรเลงเพลงปรารถนา
คือเสียงคลื่นซัดสั่งฝั่งพสุธา
สองชีวาเคียงกายใต้เงาจันทร์
ยามเมื่อยลแสงโสมดุจโคมส่อง
น้ำตานองไห้สะอื้นถึงคืนฝัน
กลางหาดทรายค่ำนี้ไม่มีกัน
เธอลืมฉันขาดสะบั้นคำสัญญา๚ะ๛