29 กันยายน 2548 22:21 น.
เรไร
เมฆทะมึนเคลื่อนคล้อยลอยลงต่ำ
ก่อนฝนพรำฉ่ำชื่นทั้งพื้นผิว
ลมก็พัดยอดไม้จนไหวปลิว
เป็นแถวทิวพริ้วไหวตามสายลม
ชีวิตเหมือนมืดมนก่อนฝนตก
ต้องระหกระเหินเกินขื่นขม
ความลำบากตรากตรำต้องตรอมตรม
มิเคยได้อภิรมย์สมฤทัย
ได้ยินเสียงคำรามกัมปนาท
สายฟ้าฟาดชีวันก็หวั่นไหว
เหมือนสวรรค์เกรี้ยวโกรธพิโรธใคร
หรือเพราะได้พิพากษาชีวาคน
จึงบันดาลฝนฉ่ำชำระล้าง
จิตและร่างทุกข์คลายหายหมองหม่น
คงเพริศแพร้วแสงสว่างกลางกมล
เลิกสับสนพ้นทุกข์สุขสักที
เมื่อสายฝนรินรดหยดสุดท้าย
ดวงตะวันเฉิดฉายประกายสี
ส่องสว่างทั่วทั้งธรณี
เห็นวิถีให้ก้าวอีกยาวนาน
แหงนมองฟ้าสดใสไร้เมฆฝน
คงหลุดพ้นก้าวข้ามความร้าวฉาน
มีวันนี้ปราโมทย์คงโปรดปราน
ส่งสะพานสายรุ้งมาจากฟ้าไกล
27 กันยายน 2548 22:52 น.
เรไร
เซ็ง เซ็ง เซ็ง นั่งก็เซ็งนอนก็เซ็ง
เบื่อตัวเองทำไมใจต้องรู้
เบื่อรับความรันทดแสนหดหู่
กรอกข้างหูเช้าเย็นเป็นประจำ
เบื่อเบื่อเบื่อไปหมดเกินอดกลั้น
โดนเหยียดหยันประณามความซ้ำซ้ำ
กับวาจาค่อนแคะแงะถ้อยคำ
ไม่รู้พร่ำบ่นอะไรได้ทุกวัน
เบื่อเซ็งเซ็งเรื่องรักถือศักดิ์ศรี
กลัวเปื้อนคาวราคีหรือไงนั่น
จึงทะนงว่าสูงส่งกว่ากัน
มาเกลือกกลั้วกับฉันกันทำไม
เบื่อก็เซ็งเซ็งก็เบื่อเหลือจะอด
อาจจะหมดขีดขั้นกั้นมิไหว
มันทะลักทะล้นมาเวลาใด
อดทนได้จะเก็บกดความอดทน
เบื่อก็ทนเอาไว้ไม่เห็นแปลก
สติแตกเมื่อใดก็ไม่สน
จะผู้ลากมากดีมีหรือจน
ก็ตายได้หนึ่งหนคนเหมือนกัน
24 กันยายน 2548 21:38 น.
เรไร
บุญนำกรรมแต่งให้......................พบพาน
ดั่งสวรรค์ประทาน.........................ลิขิตฟ้า
รอจนล่วงเลยมานาน.....................ยิ่งนัก
น้องพี่ผู้ไขว่คว้า.............................เพื่อได้เจอกัน
มีงานเลี้ยงนั้นย่อม.........................เลิกลา
คำมั่นคำสัญญา.............................ฝากไว้
ถึงแตกต่างวงศา...........................คณาญาติ
เหมือนหนึ่งพระพรหมให้................พบแล้วพลัดพราก
ดาวอังคารผู้พี่..............................สาวดำ รำพัน
ขอแต่เอื้อนเอ่ยคำ........................รักน้อง
คงสิ้นกุศลนำ...............................กรรมกำหนด
เพื่อนเรียกขานแซ่ซร้อง...............คู่แท้แฝดนรก
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ลองนึกหน้าดูน่ะครับถ้าฝ่ายหญิงโกนหัว
แล้วฝ่ายชายใส่วิก หน้าเหมือนกันเปี๊ยบ
เห็นหน้าตาคล้ายๆกัน เลยจับมาถ่ายรูปคู่กัน
เอาน่าอย่าคิดมาก 55555
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
23 กันยายน 2548 01:38 น.
เรไร
วันที่แสนสบาย..............ทุกข์มลายหายเหน็ดเหนื่อย
สายลมโชยพัดเฉี่อย........ธาราเอื่อยระเรื่อยริน
มองผักตบชวา................ลอยน้ำมามิจบสิ้น
ตามแต่กระแสสินธุ์.........ตามวารินจะพาไป
ฉันคุยกับคงคา...............ถิ่นมัจฉาอยู่อาศัย
มีมากมายเท่าใด.............จึงถามไถ่ความเป็นมา
หวังไว้ได้พบพาน.........สายลำธารที่ไขว่หา
พรานเบ็ดดั้นด้นมา.......ปรารถนามาพักกาย
มาขอความปราณี..........ปูปลามีอย่าหนีหาย
ใช่ล่าจนวอดวาย............หรือทำลายให้สูญพันธุ์
นั่งรอความเมตตา..........แม่คงคาปราณีฉัน
ได้มาคือรางวัล...............เลี้ยงชีวันต่อชีวี
เพียงแค่มาอยู่ใกล้...........แช่เท้าในสายน้ำนี้
แรงใจที่ถอยหนี..............กลับพลิกฟื้นคืนกำลัง
แม่น้ำเจ้าพระยา..............คือธาราเปี่ยมความหวัง
ชะใจที่ผุพัง.....................ชำระล้างจนจางใจ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
วันว่างๆวันหนึ่ง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
อ๊อดอยู่บ้านหรือเปล่าว่ะ
เอออยู่ เพื่อนผมตอบมาอย่างนั้น
เดี๋ยวข้าไปช้อนกุ้งก่อนจะไปตกปลาบ้านเอ็ง น้ำขึ้นกี่โมง
ไม่รู้ว่าขึ้นตอนไหนว่ะ รู้แต่ว่าพอมืดมันก็ท่วมใต้ถุนบ้านแล้ว
เออ งั้นอีกชั่วโมงเจอกัน..ว่าแล้วก็แบกสวิงวิ่งลงบ่อ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
22 กันยายน 2548 09:13 น.
เรไร
เพื่อนเอ๋ย....
เจ้ามองเห็นความจริงสิ่งใดบ้าง
ที่กั้นกลางความจริงกับสิ่งฝัน
เห็นหรือไม่ความแตกต่างระหว่างกัน
คอยผ่านผันหมุนเวียนเปลี่ยนเข้ามา
เจ้ามองลึกถึงใจใครหรือเปล่า
เห็นความเหงาเศร้าสร้อยละห้อยหา
เห็นรอยร้าวเป็นรอยทางกลางอุรา
เห็นน้ำตาของใครหรือไม่มี
เจ้าเห็นไหมหน้าเอิบอิ่มที่ยิ้มแย้ม
คอยแต่งแต้มใบหน้าเสริมราศี
ไร้ความทุกข์ระทมถมทวี
แล้วสิ่งที่เห็นนั้นฤามั่นใจ
รับรู้ไหมสายลมที่โอนอ่อน
บางครั้งร้อนบ้างเย็นเป็นไฉน
บางครั้งฝนบางครั้งหนาวร้าวทรวงใน
เจ้าสงสัยเคยนึกหรือตรึกตรอง
มีคำถามมากมายในโลกนี้
มันอยู่ที่จิตชอบตอบสนอง
อยู่ที่ตัวหรือใจเฝ้าใฝ่ปอง
อยู่ที่มองด้านไหนตามใจตัว
อยู่ที่ความนึกคิดจิตสำนึก
ความรู้สึกว่ามีดีหรือชั่ว
ใช่หรือไม่ไตร่ตรองอย่าหมองมัว
อย่าหวาดกลัวตั้งจิตคิดให้เป็น