17 พฤศจิกายน 2548 00:25 น.
เรไร
อารมณ์ผู้หญิง
คงหยั่งยากยิ่ง.................กว่าสิ่งใดใด
ทะเลว่าลึก.....................ยังนึกรู้ได้
หย่อนดิ่งลงไป................ไม่เกินคะเน
อารมณ์ผู้หญิง
ว่าแท้ที่จริง......................ก็ยิ่งรวนเร
อยู่อยู่ก็ร้าย.......................เดี๋ยวกลายหันเห
เหมือนดังทะเล................ไม่แน่ไม่นอน
อารมณ์สตรี
บางครั้งแสนดี...................ไม่มีแง่งอน
พอเราเหนื่อยนัก................หนุนตักแทนหมอน
ถึงคราวออดอ้อน................ใจอ่อนทุกที
อารมณ์ผู้หญิง
คราวถูกผีสิง....................อยากจะวิ่งหนี
เมื่อพิษลมหึง...................ปักตรึงฤดี
แม้ชายชาตรี....................ยังลี้ไปไกล
อารมณ์สตรี
ในห้วงฤดี........................มีแต่สงสัย
อะไรนิดหน่อย..................ก็คอยซักไซ้
สอบสวนหัวใจ...................ทุกเมื่อเชื่อวัน
ยามอารมณ์โกรธ
ล้านคำขอโทษ.................แทบโดดตบฉัน
เหตุผลใดใด....................ไม่ฟังทั้งนั้น
หูแทบออกควัน................ฆ่ากันให้ตาย
พออารมณ์หวาน
สุดแสนซาบซ่าน.............สะท้านมิหาย
ยามได้กอดรัด.................สัมผัสด้วยกาย
สุขดั่งใจหมาย.................ลืมร้ายชั่วคราว
อีกสักประเดี๋ยว
กลายเป็นโกรธเกรี้ยว..........ฉุนเฉียวคำกล่าว
สะบัดสะบิ้ง.........................ที่จริงปวดร้าว
แกล้งว่าปาวปาว...................รอเราเข้าใจ
อารมณ์สตรี
คิดครวญให้ดี......................บางทีหวั่นไหว
ดีร้ายแปรเปลี่ยน..................หมุนเวียนกันไป
แค่อยากมีใคร......................เข้าใจสักคน
16 พฤศจิกายน 2548 15:07 น.
เรไร
ดวงดาราดาษดื่นเป็นหมื่นแสน
มิเหมือนแม้นเมื่อมองจ้องจันทร์ฉาย
เดือนดวงเดียวโดดเด่นเป็นประกาย
สาดแสงสายสว่างส่องคืนผ่องเพ็ญ
ขึ้นสิบห้าค่ำเยือนเดือนสิบสอง
น้ำในคลองเต็มฝั่งครั้งเมื่อเห็น
ลมเอื่อยเอื่อยที่พัดอ่อนเมื่อตอนเย็น
แปรเปลี่ยนเป็นเหน็บหนาวคราวค่ำคืน
แสงกระพริบวิบวับระยับไหว
พลุตะไลไฟพะเนียงเสียงคึกครื้น
แล้วตัวเราไฉนไม่เริงรื่น
จิตสะอื้นวิปโยคโศกโศกา
หยิบกระทงตั้งจิตอธิฐาน
หากวันวานได้ทำสิ่งต่ำช้า
ขออภัยน้อมแด่แม่คงคา
หากเมตตาอย่าโกรธโปรดปรานี
ขอให้แม่คงคาโปรดมาช่วย
จงอำนวยพรเลิศประเสริฐศรี
ให้ความทุกข์ตรอมตรมถมฤดี
จงหลีกหนีลอยลับกับกระทง
14 พฤศจิกายน 2548 18:53 น.
เรไร
อีกสิบห้านาทีจะเที่ยงคืน
ตัวฉันยืนบนรถรางทางชีวิต
ที่โลดแล่นตามสวรรค์ท่านลิขิต
นี่ใกล้ปิดเลิกให้บริการ
ฉันตีตั๋วรถไฟขบวนแรก
ช่างน่าแปลกไม่มีผู้โดยสาร
มิตรสหายรู้ใจได้พบพาน
ก็เมื่อผ่านไปหลายสถานี
มีผู้คนมากมายได้รู้จัก
เข้ามาทักบ้างเป็นเช่นเศรษฐี
ทั้งยาจกจับกังบ้างก็มี
ขบวนนี้โดยสารกันหลายคน
เพื่อนบางคนเอื้อนเอ่ยเฉลยว่า
เกือบพลาดท่าหลงผิดจิตสับสน
สถานีความใคร่ร่ายเวทย์มนต์
บันดาลดลใส่เสน่ห์เล่ห์มารยา
เพื่อนอีกคนทุกวันมันขึ้นที่
สถานีความเหงาเฝ้าฝันหา
สถานีความรักบ้างสักครา
แต่ทว่าไม่สมหวังสมดังใจ
สถานีความหลงทำงงนัก
นึกว่าเป็นความรักที่ฝันใฝ่
จึงละเมอเพ้อพร่ำอยู่ร่ำไป
เลยหลงใหลได้ปลื้มลืมความจริง
สถานีมากมายที่ได้ผ่าน
คนพลุกพล่านหลากหลายทั้งชายหญิง
อยากไปถึงจุดหมายได้พักพิง
แต่เหมือนยิ่งไขว่คว้าหาไม่เจอ
ตัวฉันขึ้นสถานีที่ค้นหา
ทุกเวลาเป็นประจำสม่ำเสมอ
อาจลงผิดไปบ้างอย่างละเมอ
เคยพลั้งเผลอแต่รีบคืนกลับขึ้นทัน
รถรางยังแล่นไปไม่หยุดยั้ง
พาคนที่มีหวังสู่ฝั่งฝัน
แล้วแต่เลือกลงไปตามใจกัน
บ้างสุขสันต์บ้างเงียบเหงาเศร้าตรอมตรม
อีกสิบห้านาทีจะเที่ยงคืน
ตัวฉันยืนอมทุกข์สิ้นสุขสม
สถานีผ่านตาคราระทม
ช่างขื่นขมโดดเดี่ยวอย่างเดียวดาย
ยินประกาศเสียงดังฟังความว่า
ความอ่อนล้าใกล้ถึงซึ่งจุดหมาย
ให้คนสิ้นความหวังพังทลาย
ที่แพ้พ่ายสุดท้อต้องขอลง
เพื่อนหลายคนแสนเศร้ากล่าวคำลา
น้ำนองหน้าขอไปอย่าได้หลง
ให้ฉันไปตามฝันอย่างมั่นคง
อย่าพะวงสิ่งใดในเส้นทาง
จงบากบั่นฟันฝ่าหาให้พบ
แม้ประสพอุปสรรคคอยขัดขวาง
ทั้งความหลงความใคร่ใช่กันกลาง
แค่เลยผ่านระหว่างทางที่ไป
ฉันพร้อมแล้วพร้อมลงที่ตรงนี้
สถานีข้างหน้าอย่าสงสัย
เพียงสักคนสานสัมพันธ์มั่นสายใย
ร้อยดวงใจคู่เคียงแค่เพียงเรา
ที่นี่...สถานีความรัก
8 พฤศจิกายน 2548 06:35 น.
เรไร
ฉันมิใช่ผู้วิเศษ
มีฤทธิ์เดชเสกดลเป่ามนต์ขลัง
เพื่อให้ใครงุนงงหลงภวังค์
เพียงเพื่อหวังโปรยเสน่ห์เล่ห์มารยา
ฉันมิใช่ผู้ยิ่งใหญ่
เหนือผู้ใดล้นอำนาจวาสนา
มีทรัพย์สินร่ำรวยด้วยเงินตรา
เป็นมนุษย์ธรรมดาเรียกว่าฅน
ฉันเกิดกายอาศัยธาตุทั้งสี่
ด้วยร่างนี้เกิดตายอยู่หลายหน
จากเศษดินก้อนนั้นปั้นเป็นคน
มีทุกข์ทนเคล้าสุขอยู่ทุกวัน
มีสายน้ำเลี้ยงหล่อต่อชีวิต
คือโลหิตหมุนเวียนมิเปลี่ยนผัน
ให้ชีพยงคงอยู่คู่โลกันตร์
สร้างสิ่งฝันงดงามตามแต่ใจ
มีเรื่องราวช้ำตรมต้องขมขื่น
ทั้งเริงรื่นดุจสายลมอารมณ์ไหว
บ้างพัดพราวจนหนาวเหน็บเจ็บเนื้อใน
เพราะอารมณ์พาไปให้ร้าวราน
มีกองเพลิงเริงร้อนตอนมอดม้วย
ไว้คอยช่วยเมื่อชีพลับดับสังขาร
ทั้งเศรษฐีมีจนคนจัณฑาล
ถูกไฟผลาญมิเห็นเว้นสักคน
ฉันมิใช่มนุษย์สุดประเสริฐ
ที่ดีเลิศหลุดกงจักรรู้มรรคผล
ยังมีสิ่งหลากหลายให้กังวน
ยากหลุดพ้นเอื้อมคว้าหานิพพาน
4 พฤศจิกายน 2548 00:11 น.
เรไร
ฉันเห็นภาพนางฟ้าเอื้ออารี
ผู้แสนดีสถิตห้วงสรวงสวรรค์
มีเมตตาหาผู้ใดใครเทียมทัน
หลงใฝ่ฝันหมายปองจับจองใจ
เห็นเพียงภาพฉาบไว้บนใบหน้า
หลงมารยาของเธอจนเผลอไผล
ความโง่เง่าเขลาโฉดจะโทษใคร
มิฉงนสงสัยในอุรา
ฟังถ้อยคำฉ่ำหวานพาลหลงซื่อ
คิดว่าคือนางสวรรค์จากชั้นฟ้า
เพลินหลงใหลไปกับคำพูดจา
ปลอบประโลมยามเหว่ว้าว่าห่วงกัน
อีกแววตาอาทรผ่อนความเศร้า
ลวงหลอกเราปักใจไปเชื่อมั่น
สุดท้ายกลับกระชากหน้ากากพลัน
นางสวรรค์กลับกลายคล้ายนางมาร
เมื่อนางฟ้าแสนดีหนีไปแล้ว
ไม่เหลือแววภาพฝันอันแสนหวาน
นึกกว่าอยู่บนสวรรค์ชั้นวิมาน
เวลาผ่านก็เห็นความเป็นจริง
ก็เป็นคนเดินดินกินข้าวแกง
ทำเสแสร้งว่าฉันนั้นดียิ่ง
เอาร่างให้ซาตานมารพักพิง
ยอมถูกสิงแลกชื่อเสียงอันเกรียงไกร