19 กรกฎาคม 2547 15:16 น.
เรไร
ก่อนจะสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย
ก่อนจะไปชดใช้กรรมในชาตินี้
มัจจุราชจะกระชากลากชีวี
ใช้ความดีตั้งจิตอธิฐาน
ก่อนจะไปใช้กรรมในชาติก่อน
จงให้พร ไปเป็น เช่นวิญญาณ
จะคอยผลาญ หัวใจ ให้ร้าวราน
จะเลือนฝัน ผจญ คนที่ทำ
อยู่คอยขวาง หนทาง สร้างสันติ
สมาธิ ไม่ก่อ ขอเป็นหนาม
จ้องทำร้าย ผู้คน จะพ้นกรรม
ขวางทางธรรม ขวางโลก วิโยกไป
สัมภเวสี แค้นเคือง เรื่องที่ทน
ตอนเป็นคน ต้องอยู่ สู้เดียวดาย
ไม่เคยมี ทางดี ที่จะไป
ไร้หัวใจ ไร้หวัง ขังชีวี
ชีพพจร หลุดไป ได้ปลดปล่อย
ได้ล่องลอย อธิฐาน ตามวิถี
ก่อกำเนิด เกิดเป็นมาร ผลาญชีวี
ให้โลกนี้ เรียกขาน มารโลเก
18 กรกฎาคม 2547 15:17 น.
เรไร
เอาหัวใจ ที่แหลก แตกเป็นเสี่ยง
มาใส่เขียง แล้วเอามีด มากรีดสับ
เอาปังตอ คมเงา วาวแวววับ
แล้วจึงจับ ใส่ไป ในหม้อไฟ
หยิบเอาความ ระกำ ที่ช้ำจิต
เอาชีวิต ที่หมด หวังหดหาย
เอาความรัก ลวงซ้อน ซ่อนในใจ
เทลงไป เป็นเครื่องปรุง มุ่งหมั่นคน
ค่อยค่อยเคี่ยว หรี่ไฟ อย่าให้แรง
เดี๋ยวเหือดแห้ง ไหม้หมด ต้องอดทน
แกงหัวใจ ของคนไร้ ใจจนจน
อีกกี่หน ต้องทำ เพราะจำใจ
ของแสลง แกงนี้ มีใครสั่ง
ควรระวัง เพราะรสลิ้น และกลิ่นไอ
คนที่ทำ น้ำตาริน แทบสิ้นใจ
ชามมาใส่ ตั้งง้อ รอคนกิน
17 กรกฎาคม 2547 13:11 น.
เรไร
โชคร้ายจริงน่ะเพื่อน
เป็นดวงเดือนกลางหมู่ดาว
ไปไหนไม่มีเหงา
มีสาวสาวอยู่รอบกาย
ร้อยใจสามัคคี
เป็นน้องพี่กันทั้งนั้น
ไม่มีทะเลาะกัน
ให้ใจนั้นพลันวุ่นวาย
โชคร้ายตรงไหนนี่
ที่ไม่มีการแก่งแย่ง
ไม่มีใครระแวง
จะแกล้งเศร้าเหงาไปใย
ผู้ชายอีกทั้งโลก
มีดอกโศกบานในใจ
แต่เพื่อนบอกโชคร้าย
มีแต่ใครอยากเป็นมัน
......โชคร้ายตรงไหน นี่.......
@@@@@@@@@@@@@@@@@
เพื่อนมันโชคร้าย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ื่
15 กรกฎาคม 2547 14:09 น.
เรไร
ปล่อยปลิดปลิว ลิ่วลอย คอยความหวัง
เพียงพินท์พัง ยังอยู่ คู่เคียงฉัน
เหมือนทำร้าย หัวใจ เธอร้าวราน
หรือระราน ผลาญใจ ให้หมองตรม
เธอขื่นขม ฉันเศร้าใจ ไม่แพ้เธอ
น้ำตาเอ่อ รินไหล ให้ไหวหวั่น
เรื่องหัวใจ ที่ท้อ ขอลืมมัน
อภัยฉัน อยากขอโทษ อย่าโกรธเลย
คนคงเคย พลาดผิด คิดไม่ถึง
เพียงครั้งหนึ่ง โง่เง่า ไม่เท่าทัน
ความรู้สึก มองเฉย ละเลยผ่าน
จดจำมัน ไม่ทำ ให้ช้ำใจ
เริ่มต้นใหม่ อภัยฉัน ได้ไหม
ลืมทิ้งไป ถ้าโกรธ จงโทษฉัน
หรือไม่เริม ต้นใหม่ ไปด้วยกัน
ปล่อยให้ฉัน ซานซม ตรมผู้เดียว
14 กรกฎาคม 2547 00:02 น.
เรไร
ที่ดินแดน แสนไกล ในไพรกว้าง
นักเดินทาง เร่ร่อน นอนพักกาย
ใต้เงาไม้ หนุนแขน แสนสบาย
ก่อนหลับไหล ลืมสติ นิวรณ์ไป
ณ ที่นี่ แห่งหน ตำบลไหน
สว่างใส สงบจิต คิดสงสัย
ที่ตรงนี้ คือสวรรค์ นั้นหรือไง
หรือฝันไป นี่นรก ตกกระดอน
เห็นนักปราญช์ ฉลาดเปรื่อง เรื่องกวี
คอยช่วยชี้ แนะนำ คอยพร่ำสอน
คนหลงไหล ซึ้งใจ ในบทกลอน
สื่ออักษร ตัวอย่างไว้ ไม่แคลนคลอน
อยากริเรียน เขียนกลอน อักษรสวย
ขอจงช่วย นำพา อุทาหรณ์
ตวัดปลาย ปากกา เอื้ออาทร
ให้ออดอ้อน วอนเด่น ขอเห็นงาม
เอาแบบที่ เห็นกงจักร เป็นดอกบัว
ความหมองมัว ตัวเรา เขามองข้าม
ให้คนมอง จ้องแต่ สิ่งดีงาม
ใจคล้อยตาม ถ้วนทั่ว ทุกตัวตน
เทพนิมิตร สะกิดใจ ให้พลันตื่น
นี่ค่อนคืน วังเวง เกรงฉงน
หลับเพลินไป เวลา พามืดมน
จนขึ้นหาม กระเป๋า เรานิวรณ์
จิตนิวรณ์ ฝันไป ได้พบปราชญ์
แสนฉลาด แสนรู้เรื่อง เปรื่องอักษร
ดีที่เรา คนโง่เง่า ไม่สังวรณ์
ลางสังหร์ บอกให้ตื่น ฟื้นลืมตาย
ไม่ได้เรียน เขียนกลอน ที่ซ่อนมีด
ไว้คอยกรีด กลบเกลื่อน เลือนเรื่องร้าย
ทะลึ่งตื่น สุดแสน จะเสียดาย
เลยไม่ได้ เรียนรู้ ดูโง่ไป
แต่ตัวเรา คนเดินทาง ข้างถนน
แสนอับจน เกินเรียน เขียนไม่ไหว
ปราญช์มาสอน จะรู้เรื่อง ได้อย่างไร
เป็นไม่ได้ เป็นอย่างเดิม คนเดินทาง
@@@@@@@@@@@@@@@@
... เทพนิมิตร จิตนิวรณ์ ลางสังหรณ์ หรือ เราฝันไป
@@@@@@@@@@@@@@@@