30 ตุลาคม 2547 16:17 น.
เรไร
คือวิญญาณพังพาบ ต้องคำสาปจาบจ้วงย้ำ
จึงต้องมาใช้กรรม ถูกจองจำช้ำกมล
เพียงน้ำคำตำจิต เลยต้องติดกายหลายหน
เวียนว่ายวังน้ำวน หลายปีทนจึงพ้นมา
ผูกโซ่ตรวนซวนเซ จิตไขว้เขวแสนเหว่ว้า
สะกดบทวาจา ด้วยคำว่าเรารักกัน
จากหัวใจผู้ชาย มิเคยหมายใครในฝัน
ดับดิ้นสิ้นชีวัน จากรักมั่นนั้นคำเดียว
ถูกขังยังโถงถ้ำ ที่มืดดำช้ำเปล่าเปลี่ยว
ระกำพร่ำคนเดียว ไร้ใครเหลียวมาเกี่ยวดอง
สลัดปัดไม่หลุด กายเซทรุดสุดหม่นหมอง
โหยให้ไม่สนอง น้ำตานองท้องธารา
คงมีสักวันหนึ่ง หลุดตราตรึงสิเน่หา
น้ำคำพันธนา จากวาจาที่น่าชัง
ด้วยบุญที่เคยทำ กุศลนำค้ำความหวัง
กำเนิดเกิดพลัง กายจึงพังพันธนา
กลับคืนสู่พื้นผิว คลื่นระริ้วลิ่วข้างหน้า
จากก้นบึ้งธารา เห็นโลกาฟ้ากว้างไกล
จากผีโพรงโถงถ้ำ ใจเจ็บช้ำจำเอาไว้
ถูกจับโยงโพงใย กำเนิดพรายในสายชล
มวลภูตต่างโห่ร้อง เสียงแซ่ซ้องก้องสายชล
ผีพรายพ้นวังวน สิ้นหมองหม่นทรมาน
ไขขานตำนานใหม่ เลิกหัวใจขี้สงสาร
หมองไหม้ในดวงมาลย์ ไฟรักผลาญผ่านพ้นไป
30 ตุลาคม 2547 02:11 น.
เรไร
คืนสว่าง พร่างพราว ดาวสลัว
ดูน่ากลัว ดึกดื่น คืนปล่อยผี
เมฆมาบัง เดือนดับ ทับราตรี
ดวงฤดี สั่นคลอน หมาหอนมา
มีเรื่องเล่า กล่าวขาน ตำนานผี
สัมภเวสี หลอกหลอน วอนครวญหา
รอคนมา ปลดสร้อย ปล่อยวิญญา
ที่ถูกฆ่า จับขัง หลังกำแพง
ที่ถนน สุขุมวิท สามสิบสี่
ในซอยนี้ มีตึกโต โอ่สีแสง
คือคอนโด มีค่า ราคาเพง
เพื่อนเช่าแบ่ง อาศัย ได้หลับนอน
หิ้วกระเป๋า ขึ้นบันได ไปชั้นหนึ่ง
เสียงเอ็ดอึง คนหลาก มากสลอน
อยู่ห้องริม สุดท้าย ค่อยคลายร้อน
ไม่ต้องนอน อบอ้าว เหมือนเผาไฟ
แค่คืนแรก แปลกใจ ได้ยินเสียง
ค่อยค่อยเอียง หูฟัง อย่างสงสัย
ดังแว่วแว่ว แผ่วใจรู้ อยู่ไม่ไกล
ปิ๊ปปิ๊ปใน ห้องข้างข้าง ดังกังวาน
เป็นเสียงเพจ ตามตัว ชั่วประเดี๋ยว
ดังเดี๋ยวเดียว ตอนสองยาม ตามคนขาน
ที่โทรเรียก เสียงปี๊ปดัง ช่างรำค่ญ
ดังกังวาน เสียงใส ในราตรี
คืนที่สอง ห้องนอน ก่อนหลับไหล
เสียงใสใส ดังอีกครั้ง ยังไงนี่
เงี่ยงหูฟัง ตั้งใจ ฟังอีกที
เอ๊ะเสียงนี่ ห้องข้างข้าง หรืออย่างไร
จะตื่นเช้า ไปดู ให้รู้ความ
จะไปถาม เปิดเสียงนั้น สั่นได้ไหม
นอนไม่หลับ ไปร้อง ขอเห็นใจ
ถ้าเงียบได้ คงดีกว่า ว่าแล้วพลัน
ฉันเดินไป ก๊อกก๊อก ยืนเคาะห้อง
คอยมาจ้อง ประตู ใครอยู่นั่น
เฝ้ายืนรอ หน้าประตู อยู่ตั้งนาน
ไร้เสียงขาน ใดใด ใจจดจ่อ
ให้คาใจ เดินไป ใจใคร่รู้
มีใครอยู่ ห้องข้าง หรือว่างหนอ
เดินไปพบ ประสบ รปภ.
ฉันจะขอ ถามความให้ ใจหายคัน
ที่ข้างห้อง ดึกดื่น ตื่นขึ้นมา
เป็นเวลา สองยาม สามคืนนั้น
ได้ยินเพจ ทุกที นี่อะไรกัน
ไปเปิดมัน ไปดู ให้รู้แจ้ง
แล้วชักชวน รปภ. ขอกุญแจ
ได้รู้แน่ เสียงดัง ฟังแสลง
ที่เล็ดลอด ดังไม่ห่าง ข้างกำแพง
ให้รู้แดง รู้ดำ กันสักหน
นาฬิกา ตีตอก บอกเวลา
สองยามกว่า เสียงยัง ดังอีกหน
ได้เวลา เข้าไป ได้ไปค้น
แต่ว่าต้น เสียงมา ฝาผนัง
จนถึงเช้า ต้องดู ให้รู้แจ้ง
ทุบกำพง ตรงนั้น ใจคิดหวัง
รู้ต้นตอ ก่อกำเนิด เกิดเสียงดัง
รื้อผนัง ผงะหงาย คนตายอยู่
แจ้นไปแจ้ง ตำรวจ มาตรวจศพ
แล้วก็พบ เพจนี้ ที่อยากรู้
เจ้าหน้าที่ หยิบมัน นั้นขึ้นดู
ข้อความอยู่ หลายข้อความ จึงถามไป
ขนลุกซุ่ พออ่าน ข้อความนั้น
หน้ามืดพลัน ตาลาย กายสั่นไหว
ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย ปล่อยฉันไป
คือเนื้อใน ข้อความนี้ ที่เพจดัง
เก็บเสื้อผ้า ใส่กระเป๋า ไม่เอาแล้ว
อยู่ไม่แคล้ว หัวโกร๋น ทนไม่ไหว
แทบจะวิ่ง หน้าซีด ต้องรีบไป
แล้วมีใคร จะอยู่กัน ฉันขอเชิญ
.... ไปล่ะ ....
@@@@@@@@@@@@@@@@
เรื่องนี้เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า
มันไปเช่าคอนโดอยู่ที่ แถวสุขุมวิท
ได้ชั้นที่ 1 ห้องริมที่มีหน้าต่าง
คืนแรกได้ยินเสียงเพจดัง ตอนเที่ยงคืน
ก็นึกว่าเป็นของข้างห้อง
หลาย ๆ คืนเข้า ก็ชักสงสัย เลยไปเคาะถามห้องข้างก็ไม่มีคนอยู่
จึงไปบอก รปภ.ที่ดูแล ให้มาฟังตอนเที่ยงคืนด้วยกัน
ก็ได้ยินเสียงดังเหมือนเดิม ก็รอจนเช้า เอากุญแจมาไขเข้าไปดูไม่มีอะไร
เป็นห้องว่างๆ แต่เสียงมาจากกำแพง เลยให้ช่างมาทุบกำเพง
ได้เรื่องพบศพ คาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษา ถูกฆ่าข่มขืน
แล้วคนร้ายเอาศพซ่อนไว้ในกำแพงแล้วตีผนังปิดไว้
ด้วยที่ว่าเป็นคอนโดใหม่ ยังไม่มีคนเข้าพักมากนักในชั้นนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาตรวจที่เกิดเหตุ พบเพจเหน็บอยู่ที่เอว
เลยหยิบมาดูมีข้อความเข้ามา ทุกเที่ยงคืนว่า
.... ช่วยฉันด้วย ....
เพื่อนผมเก็บกระเป๋าทันที แผ่นแนบ
@@@@@@@@@@@@@@@@
ต้องขออภัยด้วยครับที่ใช้คำทับศัพท์
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เช่นคำว่าเพจ
หรือคอนโด และใช้คำย่อ รปภ.
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ
28 ตุลาคม 2547 18:49 น.
เรไร
คืนน้ำค้างพร่างพรมลมโชยฉิว
ยอดสนปลิวเริงรำระบำฟ้อน
แสนสบายกายใจได้พักผ่อน
ลืมความร้อนลืมโลกลืมโศกตรม
หยิบดวงดาวดวงเดือนที่เกลื่อนฟ้า
ใส่อุราตราไว้ให้สุขสม
เก็บเอาไว้เผื่อรันทดหมดภิรมย์
คงได้บ่มเพาะหวังกำลังใจ
ซุกกายนอนในกระโจมกันลมหนาว
ฟ้าสกาวห่มนอนก่อนหลับไหล
มิตรภาพตราบตรึงซึ้งดวงใจ
คงพอให้ความอบอุ่นแนบหนุนนอน
ปาดน้ำค้างยอดหญ้าเวลาเช้า
ใส่ขวดเปล่าเผื่อเราเหงาเศร้าสะท้อน
พอชะโลมเป็นหยาดหยดรดร้าวรอน
เมื่อยามร้อนจิตกายพอได้เย็น
28 ตุลาคม 2547 10:04 น.
เรไร
ฉันไม่ใช่กวีศิวิไลซ์
ผู้ยิ่งใหญ่เสกสรรค์ปั้นเรื่องราว
เป็นเพียงแค่นักเขียนตีนเปล่า
ที่อยากเล่าเรื่องราวเงาชีวิต
ฉันไม่ใช่นกรู้ผู้ปราดเปรื่อง
มลังเมลืองทรงเวทย์อิทธิฤทธิ์
เป็นแค่คนเรียนรู้ถูกหรือผิด
มีความคิดสตินั่นฟั่นเฟือน
ฉันไม่ได้เขียนประจบสอพลอ
พน้าพนอคิดเทียบเปรียบเหมือน
ให้ผู้ใดสูงสกาวราวเดือน
หรือบิดเบือนความจริงสิ่งนิวรณ์
ฉันเป็นแต่นักเขียนข้างถนน
คอยฝึกฝนเรียนรู้รสบทอักษร
เที่ยวเสาะหาความสุขทุกข์ในกลอน
เก็บมาสอนกายสั่งจำฝังใจ
@@@@@@@@@@@@@@@@
เที่ยวซอกซอนเท้าเปล่าย่ำก้าวเดิน
หากบังเอิญถูกใจในสิ่งไหน
รจนาครวญคร่ำลำนำไป
ก็จากใจเขียนคำพร่ำละเมอ
@@@@@@@@@@@@@@@@
22 ตุลาคม 2547 01:40 น.
เรไร
หลับตาลงสิครับ
มาคอยรับความรู้สึก
จากอารมณ์ส่วนลึก
ด้วยสำนึกจากข้างใน
สมมติว่าตาบอด
เหมือนแกล้งถอดแก้วตาไว้
ปิดตาเมื่อคราใด
แล้วกลั้นใจยื่นมือมา
สัมผัสความอบอุ่น
หวานละมุนที่ไขว่หา
ส่งผ่านจากอุรา
ถามหน่อยว่าเป็นเช่นไร
ลืมรูปกายไว้ก่อน
ดวงตาซ่อนปิดเอาไว้
ใช้สัมผัสข้างใน
เปิดหัวใจน่ะโฉมตรู
ความห่วงหาแผ่ซ่าน
ฤทัยขานมันรับรู้
ความโหยหาพร่างพรู
เปิดประตูสู่ใจกัน
ไร้รูปแต่รับรส
อย่ากำหนดกฎความฝัน
ซึมซาบตราบนิรันดร์
อย่าขวางกั้นด้วยกฎเกณฑ์
ส่งมันผ่านเข้ามา
ลืมเสียว่าตามองเห็น
ลืมสิ้นความลำเค็ญ
ฉันจะเป็นคนสำคัญ
ทิ้งไว้ใจโศกเศร้า
จับความเหงาเอาให้ฉัน
ลบล้างเป็นรางวัล
มอบฝันใหม่ให้กับเธอ
@@@@@@@@@@@@@@@@@
.........หลับตาสิหลับตา.........
.........แล้วยื่นมือมา............
.........ฉันจะเล่าความรู้สึก...ให้ฟัง...
@@@@@@@@@@@@@@@@@