28 ตุลาคม 2547 10:04 น.
เรไร
ฉันไม่ใช่กวีศิวิไลซ์
ผู้ยิ่งใหญ่เสกสรรค์ปั้นเรื่องราว
เป็นเพียงแค่นักเขียนตีนเปล่า
ที่อยากเล่าเรื่องราวเงาชีวิต
ฉันไม่ใช่นกรู้ผู้ปราดเปรื่อง
มลังเมลืองทรงเวทย์อิทธิฤทธิ์
เป็นแค่คนเรียนรู้ถูกหรือผิด
มีความคิดสตินั่นฟั่นเฟือน
ฉันไม่ได้เขียนประจบสอพลอ
พน้าพนอคิดเทียบเปรียบเหมือน
ให้ผู้ใดสูงสกาวราวเดือน
หรือบิดเบือนความจริงสิ่งนิวรณ์
ฉันเป็นแต่นักเขียนข้างถนน
คอยฝึกฝนเรียนรู้รสบทอักษร
เที่ยวเสาะหาความสุขทุกข์ในกลอน
เก็บมาสอนกายสั่งจำฝังใจ
@@@@@@@@@@@@@@@@
เที่ยวซอกซอนเท้าเปล่าย่ำก้าวเดิน
หากบังเอิญถูกใจในสิ่งไหน
รจนาครวญคร่ำลำนำไป
ก็จากใจเขียนคำพร่ำละเมอ
@@@@@@@@@@@@@@@@
22 ตุลาคม 2547 01:40 น.
เรไร
หลับตาลงสิครับ
มาคอยรับความรู้สึก
จากอารมณ์ส่วนลึก
ด้วยสำนึกจากข้างใน
สมมติว่าตาบอด
เหมือนแกล้งถอดแก้วตาไว้
ปิดตาเมื่อคราใด
แล้วกลั้นใจยื่นมือมา
สัมผัสความอบอุ่น
หวานละมุนที่ไขว่หา
ส่งผ่านจากอุรา
ถามหน่อยว่าเป็นเช่นไร
ลืมรูปกายไว้ก่อน
ดวงตาซ่อนปิดเอาไว้
ใช้สัมผัสข้างใน
เปิดหัวใจน่ะโฉมตรู
ความห่วงหาแผ่ซ่าน
ฤทัยขานมันรับรู้
ความโหยหาพร่างพรู
เปิดประตูสู่ใจกัน
ไร้รูปแต่รับรส
อย่ากำหนดกฎความฝัน
ซึมซาบตราบนิรันดร์
อย่าขวางกั้นด้วยกฎเกณฑ์
ส่งมันผ่านเข้ามา
ลืมเสียว่าตามองเห็น
ลืมสิ้นความลำเค็ญ
ฉันจะเป็นคนสำคัญ
ทิ้งไว้ใจโศกเศร้า
จับความเหงาเอาให้ฉัน
ลบล้างเป็นรางวัล
มอบฝันใหม่ให้กับเธอ
@@@@@@@@@@@@@@@@@
.........หลับตาสิหลับตา.........
.........แล้วยื่นมือมา............
.........ฉันจะเล่าความรู้สึก...ให้ฟัง...
@@@@@@@@@@@@@@@@@
20 ตุลาคม 2547 22:39 น.
เรไร
ฉันขอหมอนใบนั้น
ที่คุณฝันฉันได้หนุน
ฉันคงคิดถึงคุณ
ซบแอบอุ่นหนุนนอน
หากตื่นในราตรี
ดวงฤดีถูกกัดกร่อน
หทัยรานร้าวรอน
จะกลับหมอนแล้วนอนต่อ
หอมละมุนกรุ่นกลิ่น
ปรางยุพินแนบละหนอ
เนียงเนาเคล้าพนอ
จะกอบก่อไม่ท้อเลย
ก่อนวันพรุ่งรุ่งสาง
เหมือนคู่นางเคียงเขนย
ปล่อยค่ำคืนผ่านเลย
กอดเกยหมอนนอนนิททรา
ขอเถิดน่ะหมอนคุณ
หวานละมุนหนุนใฝ่หา
อุ่นแอบแนบอุรา
ทั้งทิวาและราตรี
20 ตุลาคม 2547 16:32 น.
เรไร
เพราะเคยเจ็บ ช้ำทน แต่หนหลัง
สิ้นกำลัง ซวนซบ สลบไสล
ไม่เคยมี หยาดทิพย์โถม ชะโลมใจ
หิวกระหาย ร้างไร้ ใครดูแล
กว่าจะหยัด ลุกยืน ขึ้นมาได้
เกือบไม่ไหว นั่งคอยรอ ด้วยท้อแท้
แทบดับดิ้น สิ้นสลาย ในดวงแด
มีก็แต่ ซากจิต ที่ติดกาย
ค่อยค่อยเติม ความหวัง ทั้งที่ท้อ
ค่อยค่อยก่อ ความฝัน วันสุดท้าย
ค่อยค่อยต่อ ใยชีวิต ให้ติดกาย
กว่าจะหาย ได้ยืนยง ทะนงตน
เพราะเรียนรู้ รับรส ในบทเศร้า
ความเปลี่ยวเปล่า มองไป ใครไม่สน
เจ็บคนเดียว ช้ำคนเดียว เปลี่ยวกมล
น้ำตาล้น ผู้เดียว เหลียวหาใคร
เห็นคนเศร้า เหงาจิต คิดสงสาร
ความร้าวราน ระทด เก็บกดไว้
ฉันเคยอยู่ ด้วยฉันรู้ ฉันเข้าใจ
แค่น้ำใจ ช่วยคืน ฟื้นอุรา
เคยขื่นขม ตรมใจ บ้างไหมครับ
มีใครดับ ความร้าวรอน ยามอ่อนล้า
เคยมีไหม ทุกข์ระทม จมน้ำตา
ผ้าเช็ดหน้า สักผืน ยื่นจากใจ
@@@@@@@@@@@@@@@@@
....เพราะเรามองกันด้วยตาเนื้อ....
@@@@@@@@@@@@@@@@@
20 ตุลาคม 2547 02:40 น.
เรไร
ผิดด้วยหรือ ที่ช่วยเหลือ เอื้ออาทร
คนเดือดร้อน ซานซม น่าสงสาร
แค่มาช่วย ปัดเป่า ความร้าวราน
ใช่ยักษ์มาร ร้างไร้ ในเมตตา
เป็นศิราณี ดูแล คอยแก้ไข
ปัญหาใด ใหญ่น้อย คอยปรึกษา
ทั้งสมาน ใจป่วย ช่วยเยียวยา
แล้วมาว่า ผมผิด คิดได้ไง
เห็นใครเหงา เศร้าทรวง ดวงยี่หวา
หากน้ำตา ร่วงเล็ด คอยเช็ดให้
ใช่นิยม ชมชอบ แค่ปลอบใจ
ผิดใช่ไหม มีน้ำใจ ใฝ่เมตตา
ยามนิททรา มโหรี ปี่บรรเลง
คอยครวญเพลง กล่อมให้ ใช่เสน่หา
หลับตาลง ปลงใจ ได้สักครา
พอทิวา ผันคืน คงชื่นใจ
พอกายา มีแรง ให้แข็งขืน
พลันลุกยืน จากซานซม จมพิษไข้
เมื่อเดินเหิน แคล่วคล่อง ได้ว่องไว
ก็จากไป ฝากจำ คำขอบคุณ
แค่นั่งลง ตรงนี้ ไม่มีใคร
ไม่ฝันใฝ่ ไขว่คว้า มาเกื้อหนุน
หาได้หวัง หัวใจ ใครเกื้อกูล
อยากทำบุญ ช่วยคน ให้พ้นภัย
ผิดด้วยหรือ ดำรงตน เป็นคนดี
ความปราณี เมตตา มีค่าไหม
จะก่นว่า ด่ากัน ไม่เป็นไร
แต่หัวใจ อย่าตีตรา ฆ่ากันเลย
@@@@@@@@@@@@@@@@@
.....ผิดใช่ไหมที่เป็นฉัน.....
@@@@@@@@@@@@@@@@@