21 พฤศจิกายน 2547 03:18 น.
เรไร
อยากกอดก่าย เธอไว้ หาไออุ่น
ให้นอนหนุน ท่อนแขน ฉันแทนหมอน
สนิทแนบ แอบอิง ฉันวิงวอน
ขอออดอ้อน แก้วตา อย่าเอียงอาย
ในราตรี เหน็บหนาว ปวดร้าวนัก
สุดจะหัก ห้ามจิต นิมิตรหมาย
กอดอนงค์ เบาเบา พอหนาวคลาย
ให้อุ่นกาย อุ่นใจบ้าง บางเวลา
มิล่วงล้ำ ลวงหลอก ให้ชอกช้ำ
ในคืนค่ำ น้ำค้างโรย เฝ้าโหยหา
อยากพักพิง อิงหมอน นอนนิททรา
ก่อนหลับตา เคียงคู่ คนรู้ใจ
ดนตรีกล่อม เพลงพิณ ได้ยินเสียง
เป็นสำเนียง เว้าวอน ก่อนหลับไหล
จะมีเรา ไม่ว่า เวลาใด
หรือที่ไหน มิให้เหงา หนาวอีกเลย
21 พฤศจิกายน 2547 01:02 น.
เรไร
บางสิ่งที่ใจอยากฝัน
บางวันที่ใจแอบเพ้อ
บางคราเฝ้าหลงละเมอ
บางวันเก้อเพียงเดียวดาย
อย่างหนึ่งนั้นฉันค้นหา
อย่างที่ว่ายังคงหมาย
อย่างเคยเห็นเร้นซ่อนกาย
อย่างสุดท้ายเหลืออะไร
ไม่เคยเป็นจริงสักหน
ไม่อยากทนต้องทนไหว
ไม่ยอมถอยค่อยเดินไป
ไม่วันใดก็วันนึง
ง่ายกว่าไหมถ้าหลีกหนี
ง่ายกว่านี้แค่ฝันถึง
ง่ายกว่าครวญหวนคนึง
ง่ายกว่าพึ่งพึงสังวรณ์
ถ้ายังพะว้าพะวง
ถ้ายังงงหรือสังหรณ์
ถ้ายังมัวแต่นิ่งนอน
ถ้ายังอ้อนวอนผู้ใด
ไม่หยัดยืนด้วยตัวเอง
ไม่ต้องเกรงใครหน้าไหน
ไม่เริ่มสร้างกำลังใจ
ไม่มีใครยื่นมือมา
สู้ด้วยกายด้วยใจพร้อม
สู้เก็บออมฝันวันกล้า
สู้.. สู้.. สู้.. ด้วยน้ำตา
สู้จนกว่าจะมีชัย
@@@@@@@@@@@@@@@@
.........@ เดินไปอย่าได้ล้า @........
.........@ จนกว่าน้ำตา จะหมดไป @........
@@@@@@@@@@@@@@@@
17 พฤศจิกายน 2547 22:22 น.
เรไร
ปาดน้ำตาร่วงรินกินต่างข้าว
เป็นเรื่องราวเคยผ่านนานมาแล้ว
มีความหวังก่อเพิ่มเริ่มมีแวว
ได้น้องแก้วมาร่วมฝันวันที่รอ
วันนี้เชิญ มาทาน อาหารค่ำ
มะม่วงยำ แซปหลาย น้ำลายสอ
ทั้งห่อหมก ปลาช่อน ซ่อนใบยอ
มะละกอ ผัดไข่ ใส่กระเทียม
เสือร้องไห้ ติดมัน หั่นแล้วย่าง
จานมาวาง ยาใจ อย่าได้เขียม
ต้องไม่ไหม้ ไฟอ่อนไว้ อย่าให้เกรียม
น้ำจิ้มเตรียม ให้เสร็จ เผ็ดพอดี
มีน้ำพริก ถึงใจแถม แนมผักสด
ใครโป้ปด คิดร้าย ต้องหน่ายหนี
ถ้าไม่เชื่อ มาลิ้ม ชิมสักที
ไม่ลืมพี่ แต่ลืมเศร้า เหงาอุรา
ตักข้าวแล้ว นั่งลง ตรงนี้ก่อน
กำลังร้อน ได้ที่ ดีนักหนา
กินอะไร สักคำ ก่อนขวัญตา
หรือเพราะว่า ไม่ถูกปาก ไม่อยากทาน
ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้ พี่จะป้อน
ชิมยำก่อน รสเด็ด เผ็ดปนหวาน
กุ้งแห้งทอด ถั่วคั่ว กลั้วน้ำตาล
ทิ้งไว้นาน จะกร่อย น่ะกลอยใจ
ปลาห่อหมก เหม็นคาว หรือเปล่าครับ
หรือไม่รับ อย่านั่งนิ่ง ยิ่งสงสัย
เสื้อร้องไห้ จานนั้น นั่นเป็นไง
อร่อยไหม บอกสักนิด หรือติดคอ
น้ำมะนาว แก้เลี่ยน เอียนหรือเปล่า
ผักกาดขาว แกงจืดคู่ หมูบะช่อ
ส่งจากใจ อย่าให้ค้าง ง้างปากรอ
แค่อยากขอ ง้อให้ทาน วานหน่อยเธอ
ถ้าอิ่มหนำ สำราญ ก็ขานไข
ผลไม้ เจ้าเก่า เฝ้าเสนอ
ทั้งระกำ มังคุด สุดเลิศเลอ
อย่าให้เก้อ ลองลิ้ม ชิมสักคำ
@@@@@@@@@@@@@@@@
.....ขอส่งการบ้านครับ ภาคแรก ครับคุณครู ...
..... สงสัยทำไมของผมยากกกกส์จัง....
@@@@@@@@@@@@@@@@
16 พฤศจิกายน 2547 16:51 น.
เรไร
กลางเหมันต์ ฉันรู้ ฤดูหนาว
กลับอบอ้าว ไอแดด คอยแผดเผา
ตะวันแรง แสงจัด ลมพัดเบา
กายร้อนเร่า ฤทัยกลุ้ม รุมชีวา
เมฆทมึน ครึ้มดำ จะพรำฝน
นภาหม่น ร่ำร้อง ก้องเวหา
สายฟ้าแลบ แปลบปลาบ วาบอุรา
หรือเป็นว่า พระพิรุณ ท่านงุนงง
เพราะผู้คน บนบาน งานท่านมาก
ดินแห้งผาก แดนแล้ง จึงแกล้งหลง
ว่าล่วงผ่าน วสันต์มา พาพะวง
ปล่อยฝนลง พรมหพร่าง กลางเหมันต์
น้ำฉ่ำเย็น เป็นสาย เผื่อคลายร้อน
ได้พักผ่อน นิ่งมอง จ้องสวรรค์
ธรรมชาติ เปลี่ยนไป อย่างไรกัน
จึงผกผัน แปรปรวน ช่างรวนเร
15 พฤศจิกายน 2547 21:55 น.
เรไร
ขอกล่าวถึง พรานไพร ใจทมิฬ
เที่ยวหากิน ล่าสัตว์ เดรัจฉาน
ในพนา ชื่อป่า หิมพานต์
แต่นมนาน กาเล เร่ร่อนมา
ป่าวประกาศ ข่าวใหญ่ จากในวัง
มีโขลงช้าง เสือสิงห์ สมิงสา
อาละวาด ฟาดฟัด สะบัดงา
ทุกหย่อมหญ้า ประชา ผวาตาม
ผู้ใดกล้า อาสา ถ้าไปปราบ
ให้หมอบราบ คาบเตียน หมดเสี้ยนหนาม
จะให้ศักดิ์ ยศถา สง่างาม
ระบือนาม ฟุ้งเฟื่อง ถึงเมืองไกล
เจ้าพรานไพร แจ้งจิต กิจราชา
อันตัวข้า แกร่งกล้า อย่าสงสัย
จะออกล่า ช้างโขลง ในพงไพร
เอางาใหญ่ งามเหลือง เครื่องบรรณาการ
ดำเนินจาก พารา สู่ป่าใหญ่
ก้าวตรงไป มุ่งมาด อย่างอาจหาญ
ทั้งโล่หอก เวทย์มนต์ ดลบันดาล
หิมพานต์ ข้างหน้า เข้าท้าทาย
เห็นโขลงช้าง นับไป ได้หนึ่งโหล
กำลังโซ หน้านิ่ว หิวกระหาย
เอาหอกซัด ขว้างไป เลือดกระจาย
บ้างล้มตาย ระเนระนาด พิฆาตฟัน
เก็บเอางา งามงดของ คชสาร
แบกใส่คาน จะเอาไป ในเขตขันธ์
ก็มาปะ ฝูงเสือใหญ่ ให้ครามครัน
พนาสัณฑ์ สรรพสัตว์ มากจริงเชียว
ดูเหี้ยมโหด กระโดด เหมือนโกรธจัด
คงจะฟัด กัดให้จม ด้วยคมเขี้ยว
คงหมายให้ วายชนม์ ในครั้งเดียว
ถ้าไม่เอี้ยว เลี้ยวหลบ คงราญรอน
แล้วร่ายมนต์ มายา คาถาเป่า
เรียกเจ้าเขา เป็นใหญ่ ในสิงขร
ช่วยมาปราบ กำราบ ลายพาดกลอน
ให้กายร้อน แรงล้า ชีวาวาย
ถลกเนื้อ เถือเอา แต่แผ่นหนัง
พระเวทย์ขลัง เป่ามนต์ ดลด้วยหมาย
ให้อยู่ยง คงมั่น ฟันไม่ตาย
เจ้าเสือร้าย เสียท่า เพราะอาคม
มีเจ้าป่า เป็นสิงห์ หยิ่งผยอง
ถึงสิบสอง ชอบยกตน คนเข้าข่ม
เจ้าพรานไพร เห็บชอบ ลอบนิยม
จึงพ่นลม จับได้ ด้วยไม่กลัว
จึงรีบจาก สัญจร ก่อนจะค่ำ
ฟ้าเริ่มดำ เห็นแสง แดงสลัว
จิตประหวั่น นึกขลาด น่าหวาดกลัว
เลยพาตัว มาสู่ริม หิมพานต์
เดินซมซาน ตาแดง แรงก็ล้า
โซเซมา ข้ามโขดขอน หวังนอนบ้าน
สะดุ้งเฮือก เหลือกถลึง จึงพบพาน
นี่ยักษ์มาร ขมูขี ผีที่ใด
ไอ้พรานแก่ เมามา ตาฝ้าฟาง
ทำมองขวาง ใช่ยักษ์ขี จากที่ไหน
เป็นเมียเจ้า รออาหาร จากพรานไพร
มิเห็นได้ สักนิด ติดมือมา
มีแต่ขวด ดวดเหล้า มาเท่าไหร่
ตั้งกี่ใบ ช้างสิงห์ มหิงสา
อ้อมีเสือ น่าเดินหลง พงพนา
เมาสุรา พูดเรื่องเก่า เล่านิทาน
ทำสามารถ เก่งฉกาจ ช่างอาจหาญ
ประจัญบาน ปราบพยศ คชสาร
เสือสมิง ตายแหลก แลกวิญญาณ
มาพบพาน แพ้ภัย ยักษ์ในเรือน