28 พฤศจิกายน 2547 21:33 น.
เรไร
กาพย์ยานี ๑๑
หลับตาลงตรงนี้
ณ ราตรีที่เหน็บหนาว
มองนภาพร่างพราว
สุกสกาวดาวประกาย
ปล่อยวางความเงียบเหงา
ไล่ความเศร้าให้หนีหาย
พักผ่อนให้สบาย
เอนกายพักใจใกล้กัน
บรรเลงเพลงผะแผ่ว
เสียงเจื้อยแจ้วแว่วกล่อมขวัญ
ว่าหวงห่วงดวงชีวัน
เลิกหวาดหวั่นให้มั่นใจ
หลับเถิดแม่เนื้อกลอย
อย่าเศร้าสร้อยคอยหวั่นไหว
จะปกป้องคุ้มภัย
เหลือบริ้นไรไม่ให้ตอม
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
ล่องลอยราตรี
ปลดปล่อยฤดี พี่จะถนอม
ไม่เคยหลอกลวง เจ้าพวงพยอม
ขื่นขมตรมตรอม มิยอมกล้ำกราย
กาพย์ธนัญชยางค์ ๓๒
ฝันดีที่รัก ด้วยทหัยใจภักดิ์
มีใครหาญหัก พิทักษ์จิตหมาย
ยินดีรับแทน ถึงแม้ตัวตาย
ปัดเป่าชั่วร้าย ให้พ่ายหายไป
ลืมโลกโศกเศร้า มีเราไม่เหงา
เปลี่ยวร้างว่างเปล่า เป็นเงาเรื่อยไป
ความสุขเกินฝัน เคียงกันมั่นไว้
เพริศแพร้วทรวงใน อุ่นไอนิรันดร์
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
... เพิ่งเข้าใจที่ คุณ ผู้เฒ่า บอกว่า ควรเริ่มจากกลอนแปด มาก่อน
เพราะถ้าเขียนกลอนได้ดีแล้ว ค่อยไปเขียนกาพย์ แล้วไปต่อ อีกหลายอย่าง
แต่ว่าดูแล้วก็ยากพอๆกัน วันนี้เลยลองเขียนกาพย์ที่พอจะเขียนได้ เ
อามาขยำรวมกัน ช่วยติกันหน่อยครับ ขอบคุณครับ :)
27 พฤศจิกายน 2547 11:33 น.
เรไร
วิถีชีวิต ใช่ใครลิขิต
เพียงเราครุ่นคิด จะผิดหรือถูก
อาจมีทุกข์ตรม ถ้าล้มแล้วลุก
ชีวามีสุข ปลุกปลอบหัวใจ
อาจมีขวากหนาม พาให้ครั่นคราม
หลงโลมรูปงาม ผลีผลามเผลอไผล
น้ำตาจะหยด รินรดหัวใจ
โศกาอาลัย อาภัพอับอาย
บางสิ่งแหนหวง กลับกลอกหลอกลวง
ก้าวลงในบ่วง ช้ำทรวงเหลือหลาย
กระโดดลงหลุม กลัดกลุ้มใจกาย
ตะเกียกตะกาย ปีนป่ายขึ้นมา
ไฟรักเผาผลาญ ฤดีแหลกราญ
เจ็บถึงวิญญาณ ดวงมาลย์อ่อนล้า
มาถึงวันนี้ ชีวีใฝ่หา
ขอแค่เพียงว่า ข้าผ่านพ้นไป
เพลงรักเฉื่อยฉิว ดวงจิตลอยลิ่ว
หทัยปลิดปลิว ลุ่มหลงสงสัย
ความหลังครั้งนั้น ผูกพันมั่นใน
สะอื้นอาลัย เพราะใจไม่ลืม
26 พฤศจิกายน 2547 14:26 น.
เรไร
เจ้านกสีขาว
ลบความปวดร้าว เรื่องราวครั้งไหน
เจ้าผกผิน สู่ถิ่นแดนไกล
ชายแดนภาคใต้ กราบไหว้วิงวอน
เจ้านกกระดาษ
สร้างสันติภาพ ปราบสิ่งหลอกหลอน
มั่นคงปักแผ่น ทั่วแคว้นอาทร
รุนแรงพักก่อน ออดอ้อนไมตรี
เจ้านกน้ำใจ
ฝากความห่วงใย ให้เจ้าปักษี
วอนบอกให้ดัง ชิงชังอย่ามี
เมตตาปราณี พร้อมพลีให้กัน
เจ้านกสีขาว
ไปสู่กลางหาว พราวพร่างสร้างสรร
คนไทยทั้งสิ้น อยู่ดินเดียวกัน
ร่วมแรงแข็งขัน ด้ามขวานร่มเย็น
24 พฤศจิกายน 2547 15:40 น.
เรไร
อารมณ์อ่อนไหว
แพ้พ่ายปราชัย สิ้นสูญความหวัง
กับความร้าวลึก จิตนึกภวังค์
หัวใจพินพัง รินหลั่งน้ำตา
อารมณ์ร้าวรอน
ความเจ็บเก็บซ่อน วิงวอนโหยหา
หทัยครวญคร่ำ น้ำคำวาจา
กู่ร้องก้องฟ้า เจ้ามาลาไกล
อารมณ์สุดท้าย
ความรักจางหาย กอบกายสั่นไหว
บนทางวิถี ชีวีร้างไร้
ประคองหัวใจ กลับไปที่เดิม
21 พฤศจิกายน 2547 20:23 น.
เรไร
กัญญาณัฐ มัดติดคาน เธอขานไว้
มีหัวใจ ชาชิน ดังหินผา
ไม่แยแส คำติฉิน คนนินทา
สบายกว่า ไม่ต้องเก้อ เพ้อรำพึง
ตั้วเครื่องบิน ใบสุดท้าย หายไปแล้ว
รถสองแถว ยางแบน แล่นไม่ถึง
มอเตอไซด์ ไม่รอ ห้อตะบึง
จึงรีบบึ่ง มาที่ลาน ชานชลา
เสียงฉึกฉัก รู้ว่า มาไม่ทัน
ดูน่าขัน ตัวเรา เศร้านักหนา
ไม่ทันแล้ว รถไฟ ไปไกลตา
นั่นครวญว่า คงติดคาน นานเลยนาย
ราชรถ มาเสย เกยหน้าบ้าน
ชนเอาคาน หล่นมา น่าใจหาย
ยังเกาะแน่น ได้อยู่เดียว เปลี่ยวใจกาย
เที่ยวสุดท้าย ยังไม่ไป หรือไงคุณ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
..เพื่อนผมอยากเขียนกลอนรัก โทรมาปรึกษา
..ว่าอยากเขียนกลอนหวานสงสัยจะลงมาแน่แล้ว
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@