6 เมษายน 2548 00:35 น.

นกปีกหัก

เรไร


หากว่าวัน พรุ่งนี้ ไม่มีคุณ
ความอบอุ่น เลือนลาง คงจางหาย
เจ้าดวงจิต อดสู มิรู้วาย
รักกลับกลาย ร้างลา ด้วยอาลัย

เหมือนโบยบิน เดียวดาย ในฟากฟ้า
สายลมพา พัดพลิ้ว ละลิ่วไหล
ร่อนถลา เคว้งคว้าง ว้างทหัย
สู่หนใด ปลายทาง ยังมืดมน

ฝ่าเปลวแดด แผดเผา เข้าพายุ
หวังทะลุ เมฆา ผ่านห่าฝน
อัสนี แปลบปลาบ วาบกมล
ทั้งเวหน พลันพิโรธ โกรธคำราม

ดวงฤทัย ติดปีก หลีกถลา
หลบสายฟ้า ด้วยจิต คิดเกรงขาม
หากว่ายัง ทายท้า พยายาม
มิครั่นคร้าม ธรรมชาติ อาจวางวาย

ดั่งวิหค เปียกฝน ทนหนาวสั่น
ดวงชีวัน หทัยแหลก แตกสลาย
สะบัดปีก ก็สะท้าน ร้าวรานกาย 
เหมือนใจหาย ห่างเจ้า เศร้าฤดี				
5 เมษายน 2548 08:32 น.

สังวร

เรไร


สรรพสิ่งในโลกล้วน          อนัตตา
ก่อเกิดเป็นกายมา             ย่อมรู้
กรรมเก่านั่นแหละหนา     ตามติด
ต้องชดใช้ทุกผู้                 มิเว้นหญิงชาย

มาเพียงกายล่อนจ้อน         เปลือยเปล่า
กระเสือกกระสนคว้าเอา     ไม่ท้อ
เงินทองทรัพย์มัวเมา          โกยกอบ
สารพัดขี้ฉ้อ                      ร้อยเล่ห์กลโกง

ทำไปมิเลือกแม้              วิธี
จะถูกผิดชั่วดี                 ก่อไว้
ขอเพียงลาภยศมี            พูนเพิ่ม
คุณค่าของคนไซร้          แบ่งด้วยสิ่งใด
 
หลงลืมว่าชีวิตนั้น            แสนสั้น
แล้วจะมีใครอยู่กัน            คู่ฟ้า
อมตะนิรันดร์                   หาไม่ 
กฏแห่งกรรมเปิดอ้า          มอดม้วยเมื่อใด ใช้กรรม 				
3 เมษายน 2548 15:25 น.

แดนสนธยา

เรไร


เพียงพบเพื่อพลัดพราก จากจึงเจ็บ
กายกอดเก็บกลืนกล้ำ ช้ำนักหนา
ใจจำจรจากเจ้า เหงาอุรา
ให้โหยหาห่วงหวง จนล่วงปี 

เย็นยะเยือกยามยล สนธยา
วิงวอนว่าหวังไว้ ใจสุขขี
เศร้าโศกสิ้นสับสน หม่นฤดี
มั่นหมายมีมวลมิตร ชิดเชยชม

คงคอยค่ำคืนคลาย หมายวันพรุ่ง 
รอเรืองรุ่งรางเริ่ม เพิ่มสุขสม
เพ่งพิศเพียงพร้อมพา ทุกอารมณ์
ข้ามขื่นขมข้องข้า ลับลาไกล

เห็นห้วงแห่งห้องหอ จะรอรับ
นวลนางนับหนึ่งหนาว ยาวนานไหม
ค่อยคืนคู่เคียงครอง ปองหทัย
มุ่งมาใหม่หมายมั่น วันของเรา

สร้างสรรสิ่งแสนสวย ด้วยใจสอง
เริ่มลิ้มลองรื่นรมณ์ ข่มความเหงา
ชื่นชมเชยเชิดชู เป็นคู่เงา
ไออุ่นเอาอิงแอบ แนบอุรา

แต่งแต้มต่อเติมตาม ความใฝ่ฝัน
วิงวอนวันหวังวาด ปรารถนา
ดึงแดดับดิ้นแดน สนธยา
สาสมสุขสุดแสน ณ แดนใจ				
1 เมษายน 2548 01:14 น.

สะใจ

เรไร


อยู่มันไป อย่างนี้ ก็ดีถม
ถึงขื่นขม ตรมบ้าง อย่างคนเหงา
เรื่องร้าวราน ทวงถาม ตามเป็นเงา
ทนเปลี่ยวเปล่า ช่างมัน ฉันไม่แคร์

เพราะหัวใจ มันเกินกว่า คำว่าเจ็บ
จำต้องเก็บ ใจเอ๋ย เคยพ่ายแพ้
ใช่ต้องการ สักหน คนดูแล
หวังเพียงแค่ ทุกข์ลาลับ ดับรัญจวน

คราวลุ่มหลง หวนหา คำว่ารัก
จึงประจักษ์  หวังดมดอม กลิ่นหอมหวน
ยอมถวาย ใจกาย ไม่เรรวน
ดั่งเชิญชวน ความโศกา เป็นอาจิณ

เปิดประตู หัวใจ ไว้รอท่า
โปรดเถิดหนา ลวงใจ ใฝ่ถวิล
จงเหว่ว้า โศกา  น้ำตาริน
ความหวังสิ้น อดสู อยู่ชั่วกาล

จะกินพริก ให้เผ็ด สะเด็ดยาด
ลืมรสชาติ โภชนา ภักษาหาร
จนปวดแสบ ปวดร้อน ทรมาน
เคี้ยวนานนาน  ค่อยละเลียด ละเอียดละออ

เพียงอยากใช้ ชีวา อย่างสาสม
ความระทม ฤดี ที่ร้องขอ
จงถั่งโถม โหมใส่ เสียให้พอ
จะยืนรอ เข้ามาฉะ ให้สะใจ				
30 มีนาคม 2548 01:02 น.

ก็เราเอง

เรไร


ก้าวออกมา สักครั้ง จงย่างก้าว
แม้ปวดร้าว เพียงอย่าขอ ซึ่งข้อแม้
แดเจ็บจน แสบทรวง ในดวงแด
มันก็แค่ ความทุกข์ทน อย่าสนมัน

ก่อนจะเป็น ความอับจน ในหนก่อน
ฝันว่าร้อน เหลือหลาย ที่ในฝัน
วันนี้นอน เปลี่ยวเปล่า เหงาทุกวัน
กายก็หวั่น สะท้านไหว ทั้งใจกาย

เพียงเธอลืม ความแท้ท้อ ก็พอเพียง
หมายยินเสียง หฤหรรษ์ สุขสันต์หมาย
คลายโศกา ขมขื่น ค่อยคืนคลาย
ใจสบาย เปิดประตู สู่หัวใจ

ถึงวันนี้ ความหลัง อย่าถามถึง
ไหนคนพึ่ง เช็ดน้ำตา จะหาไหน
ใครคนนั้น เราตอกย้ำ ช้ำคือใคร
เราใช่ไหม  โศกี ฤดีเรา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเรไร