1 กรกฎาคม 2548 18:07 น.
เรไร
กลอนดอกสร้อย
อัลเอ๋ยอัลมิตรา
รจนานักเลงน่าเกรงขาม
โดนกระเซ้าเย้าแหย่แม่คนงาม
พอใครถามทำบ่ายเบี่ยงเลี่ยงบาลี
เปิดประเด็นร้อนฉ่าขึ้นมาใหม่
ทำซ่อนนัยคมขำซ้ำป้ายสี
ตอบไม่ตรงคำถามตามวลี
แกล้งทู่ซี้ถูไถ เอ๊ะ!! ไงกัน
แหมม๊!! แก้ตัวเลี่ยงความน้ำขุ่นขุ่น
โถแม่คุณเป็นเอกเรื่องเสกสรร
มุขหลอกเด็กโฉมตรูโถ่!!..รู้ทัน
โบ้ยไปนั่นเปลี่ยนเรื่องให้เคืองใจ
หาว่าเรารวมกลุ่มมารุมเกี้ยว
เรามิเกี่ยวงงนักชักสงสัย
ถูกพาดพิงดังตีปลาที่หน้าไซ
อ๋อนึกได้อยากชวนมาเป็นนักเรียน
ก็รู้ตัวเรื่องกลอนนั้นอ่อนนัก
หากนั่งตักช่วยฝึกปรือจับมือเขียน
ถ้าเป็นครูคนนี้ฉันจะหมั่นเพียร
ขยันเรียนโคลงกลอนอักษรเอย 55555
มัวอายครูบ่รู้.......................วิชา
คอยไถ่ถามปัญหา...............จักได้
ความกระจ่างในปัญญา.......เป็นเลิศ
ครูท่านพร้อมสอนให้..........หมดไส้หมดพุง
หลงทางชีวิตนั้น.................เสียเวลา
หลงแต่อัลมิตรา..................เมื่อนั้น
คงสลดโศกา.......................หดหู่
มีสิ่งใดขวาง........................สุดท้อทรมาน
คำโบราณกล่าวอ้าง..............เอาไว้
อายภริยาเมื่อใด...................นั่นแล้ว
ทายาทสืบเชื้อไข..................คงยาก
พงษ์เผ่าคงมิแคล้ว...............หมดสิ้นนามสกุล
ถ้าหากให้ถูกต้อง.................ตามตำรา
ควรเลือกภรรยา...................อย่ากลุ้ม
เป็นครูนั่นแหละหนา.............แสนสุข
นี่สิถึงจะคุ้ม.........................บุตรพร้อมวิชา
1 กรกฎาคม 2548 00:01 น.
เรไร
๏ เปรื่องปราชญ์รอบรู้วิธีการ.............ดนุกวะสิมหศาล
ใครมิเปรียบปาน..............................ฤ เทียมตน
ยกย่องเยินยอวิเศษล้น......................บ๊ะ ขณะกวินิพนธ์
ถ้อยประพันธ์ผล................................และโคลงกลอน
เปี่ยมด้วยอัตตานิรันดร.....................ฤ ศฐอคติสอน
แสร้งวิจารณ์ - ก่อน...........................พิฆาตพลัน
วาจาเหยียดหยามประนามกัน............อุปธิอรติครัน
ยิ่งขย่มขวัญ......................................กระเจิงหนี
แท้ด้วยจิตริษยามี..............................ทิฐิคติวิมตี
นี่ ฤ เมธี...........................................อนาถจริง
จิตวิญญาณ์ดั่งอธรรมสิง.....................ศุภะ ณ หทยทิ้ง
ไปสิพักพิง.........................................อเวจี ๚ะ๛
30 มิถุนายน 2548 12:12 น.
เรไร
แสงเดือนส่องสว่างกลางท้องฟ้า
หนุ่มบ้านนานั่งเศร้าเฝ้าคิดถึง
คำสาบานหวนคิดยังติดตรึง
ในครั้งหนึ่งจะเคียงข้างไม่ห่างเลย
ว่าเราสองครองคู่อยู่เคียงข้าง
มิจืดจางห่างเหินทำเมินเฉย
เป็นดังสายลมอุ่นที่คุ้นเคย
เป็นคู่เชยชิดกายใต้แสงเดือน
แต่ว่าค่ำคืนนี้ไม่มีเจ้า
ฉันคงเหงาอุราหาใดเหมือน
คำสัญญารักกันนั้นลางเลือน
ดั่งดวงดาวไร้เพื่อนเมื่อเดือนลา
เพียงไม่กี่ราตรีก็คืนกลับ
ดาวคอยรับเพื่อนขวัญยามจันทร์จ้า
แต่ฉันนี้นั่งเศร้าเจ้าไม่มา
โศกโศการ่ำไห้ใต้แสงเดือน
29 มิถุนายน 2548 14:17 น.
เรไร
เฝ้ามองน้องนาง
อยู่ใกล้ไม่ห่าง..................แค่ข้างฝากั้น
เพียงพบสบตา................อุราไหวหวั่น
ยิ้มแย้มให้กัน...................ทุกวันชื่นบาน
ต่างอยู่คนเดียว
จิตใจเปล่าเปลี่ยว.............เฉาเหี่ยวสงสาร
หัวใจดวงน้อย.................เงียบหงอยอยู่นาน
ทนทรมาน.......................ร้าวรานทรวงใน
ส่วนน้องนางเล่า
จะเงียบจะเหงา................จะเศร้าบ้างไหม
เมื่อยามราตรี...................หรือมีผู้ใคร
แนบติดชิดใกล้................ว่าไงคนดี
ห้องเราติดกัน
ชวนมาแบ่งปัน................ความฝันที่มี
ความทุกข์ชื่นขม..............หมองตรมชีวี
แบ่งกันกับพี่.....................พร้อมพลีเพียงนาง
ย้ายมาเถอะเจ้า
สิ้นเปลืองค่าเช่า...............ขอเฝ้าเคียงข้าง
เพิ่มภูมิคุ้มกัน...................เติมฝันร่วมทาง
มิให้ไกลห่าง.....................จืดจางจากจร
ทิวาราตรี
จะคอยพัดวี.......................มิมีหลอกหลอน
รักมั่นสนิท.........................ดวงจิตอาทร
รำพันออดอ้อน...................ก่อนนอนทุกคืน
อยู่เพียงลำพัง
ฝันอาจพลาดพลั้ง...............หลายครั้งสะอื้น
บางทีอ่อนล้า.......................อุรากล้ำกลืน
ต้องทนขมขื่น.....................ยากเย็นหดหู่
ว่าไงละเจ้า
บอกคืนห้องเขา....................ย้ายเข้ามาอยู่
ยากดีมีจน............................สองคนอุ้มชู
เพียงเราครองคู่....................พี่พร้อมดูแล
ย้ายมาเถอะเจ้า ทนเหงาอยู่ทำไม
บอกเธอไม่อาย พี่ชายก็เหงาเหมือนกัน
ผ่านมากี่ฝน ที่เราสู้ทนกับงาน
อยากมาพบภูมิต้านทาน เอาไว้กั้นความเหงา
เฝ้ามองน้องอยู่ เธอก็รู้ใช่ไหม ว่าใครสนใจ ใช่อื่นไกล ก็คนใกล้ตัว
ห้องเช่าติดกัน จอมขวัญอย่าได้หวาดกลัว ไม่มีสาวใดพันพัว หัวใจพี่ยังว่างเปล่า
สู้ ลำพังบางครั้งมันล้า เชื่อเถิดแก้วตา พี่มาหาคนร่วมฝัน
ทุกข์คงบรรเทา หากเรา นั้นคอยช่วยกัน
ต่อให้หนักกว่านั้น พี่จะฝ่าฟัน เพื่อวันของ เรา
ว่าไงล่ะเจ้า เปลืองค่าเช่าอยู่ทำไม
บอกคืนเขาไป ตัดสินใจรีบย้ายมาอยู่
จะมีจะจน สองคนช่วยกันอุ้มชู
ยามจับยามเจ้าอดสู พี่จะช่วยดูเมื่อเจ้าเหงาใจ
ทนเหงาทำไม
เดวิด อินธี
29 มิถุนายน 2548 08:15 น.
เรไร
เก็บกอดกำกล้ำกลืน ความขมขื่น
คอยค่ำคืนคล้อยเคลื่อน เหมือนดังว่า
รอยร้าวรานรุ่มร้อน ตอนทิวา
จันทร์เจิดจ้าเจือจาง ห่างหายไป
คงครุ่นคิดคร่ำครวญ ชวนหมองหม่น
ที่ทุกข์ทนถาโถม โหมเข้าใส่
สิ่งโศกศัลย์สิงสู่ อยู่กลางใจ
น้ำนองในเนตรนั้น พลันหลั่งริน
เราแรมรอนร่อนเร่ พเนจร
เดินดงดอนเดียวดาย ใจถวิล
ข้ามขุนเขาคงคา สุดฟ้าดิน
ดั่งดับดิ้นดวงแด ท้อแท้ทน
เอาอกแอบอุ่นไอ ใครกันเล่า
ซึมซบเซาเซซวน หวลอีกหน
ตามติดตราบตรมตรอม ยอมจำนน
มิหมองหม่นมุ่งหมาย ได้พบพาน
หวังวิงวอนไว้ว่า เวลานั้น
สิ่งสุขสันต์ซึมซับ ดับร้าวฉาน
ของคงคู่เคียงข้าง อย่างชื่นบาน
เรื่องร้าวรานร้อนรน ผ่านพ้นไป