21 มีนาคม 2549 01:27 น.
เรไร
มีเรื่องเล่ายามดึกให้ครึกครื้น
เกิดในคืนสองหนุ่มกลุ้มนักหนา
หวังจะไปดื่มด่ำร่ำสุรา
เพราะเห็นหน้าของเมียละเหี่ยใจ
หนุ่มสยามน่ากลัวจะหัวเสีย
หนุ่มอินเดียนั่งปลงด้วยสงสัย
จึงมาดื่มร่วมขวดดวดเมรัย
พร้อมทั้งได้สั่งอาหารมาทานกัน
ต้มยำกุ้งเลือกดูเมนูเด็ด
คงรสเผ็ดน่าอร่อยไม่น้อยนั่น
จึงตักกุ้งแกะเปลือกเลือกเนื้อพลัน
แขกร้องลั่นพร้อมถามทำวุ่นวาย
อีนี้หนายที่เลือกเปลือกจะทิ้ง (อ่านแบบสำเนียงแขกหน่อยน่ะ)
อันที่จริงบ้านฉานทำมาขาย
เป็นกุ้งป่นกลับมาตั้งมากมาย
คนไทยจ่ายแย่งยื้อซื้อมากิน
พอได้ฟังคำแขกชักแปลกหู
คำพูดดูประณามทำหยามหมิ่น
ก็อดทนทำเหมือนไม่ได้ยิน
หันไปกินหมากฝรั่งชั่งอารมณ์
แขกคนเดิมเริ่มกร่างสร้างปัญหา
คอยต่อว่าเย้ยหยันพลันทับถม
หมากฝรั่งที่นายไม่ชื่นชม
เขานิยมทำถุงยางวางขายไทย
หนุ่มสยามชักเดือดเลือดขึ้นหน้า
ถามแขกว่าถุงยางอย่างที่ใช้
ที่เมืองแขกทิ้งเฉยเฉยเลยหรือไง
แขกตกใจใช้กันแค่ครั้งเดียว
หนุ่มสยามว่าบ้านฉันนั้นไม่ทิ้ง
แท้ที่จริง้ลางน้ำสักประเดี๋ยว
รีไซเคิลทำใหม่ง่ายนิดเดียว
เป็นของเคี้ยวขายแขกแปลกแต่จริง
14 มีนาคม 2549 23:57 น.
เรไร
เดือนจ้าดาวจาง
ส่องแสงสว่าง.............อยู่กลางท้องฟ้า
จันทร์เจ้าเฉิดฉาย.......ประกายงามตา
ทั่วทั้งพสุธา................ดั่งว่ากลางวัน
ดาวจางเดือนเด่น
ค่ำคืนวันเพ็ญ................แสงเย็นชวนฝัน
เคลิบเคลิ้มครวญคร่ำ.....เพ้อพร่ำรำพัน
ณ ราตรีนั้น....................หลงจันทร์จับใจ
ยามลมโชยอ่อน
จากเนินสิงขร...............สู่ดอนดงไพร
เสนาะเพราะพริ้ง..........หรีดหริ่งเรไร
ร่ำร้องเสียงใส...............กล่อมให้สำราญ
ดึกดื่นคืนนี้
เหมือนดังว่ามี...............ดนตรีขับขาน
พอให้คลายทุกข์............ปลุกเร้าวิญญาณ
สู่ห้วงวิมาน....................สวรรค์ฉิมพลี
จนอุษาสาง
เดือนดับดาวจาง...........เหินห่างหน่ายหนี
อ่อนล้าโรยแรง.............พ่ายแสงสุรีย์
รอถึงค่ำนี้.....................พบเดือนเกลื่อนดาว
14 มีนาคม 2549 00:37 น.
เรไร
หลับตาเถิดที่รัก........แล้วมาพักกับตักฉัน
สิ่งโศกาจาบัลย์.........ให้มันผ่านพ้นไป
เอาทุกข์ถมตรมอก.....หวาดวิตกเคยหวั่นไหว
ความอัดอั้นตันใจ......มาระบายให้ฉันฟัง
ฉันพร้อมจะยอมรับ....สิ่งย่อยยับเคยพลาดพลั้ง
ขอแค่เป็นพลัง...........คืนความหวังให้กับเธอ
เอาตักให้นอนหนุน....ความอบอุ่นให้เสมอ
ใจภักดิ์รักปรนเปรอ...มิให้เก้อเพ้อเหมือนเคย
2 มีนาคม 2549 11:50 น.
เรไร
กลาดหาดทรายเหม่องมองจ้องเกลียวคลื่น
ในค่ำคืนไร้ดาวบนราวฟ้า
ถูกบดบังด้วยแสงแห่งจันทรา
พสุธาดูสว่างดั่งกลางวัน
มีแค่เพียงคลื่นโถมโหมเข้าฝั่ง
ยินเสียงดังซัดสาดหาดสวรรค์
เพราะคืนนี้มีเราใต้เงาจันทร์
สองเรานั้นเกี่ยวก้อยร้อยรวมใจ
เจ้างดงามพิสุทธิ์ดุจอัปสร
อรชรงามแท้กว่าแขไข
ยิ่งกว่าดวงดาราบนฟ้าไกล
ดั่งนางในดุสิตาลงมาดิน
กี่อนงค์นางไหนเคยใกล้ชิด
ในดวงจิตมิหวนชวนถวิล
แต่กับเจ้าเฝ้าเพ้อเผลอชีวิน
มิเคยสิ้นปรารถนาทุกราตรี
โอ้อกเอ๋ยร้อนเร่าเจ้าอกเอ๋ย
ยามชิดเชยกายเบียดถูกเสียดสี
ดังล่องลอยสู่แคว้นแดนฉิมพลี
ค่ำคืนนี้สองเราพะเน้าพะนอ
อัศจรรย์คลื่นลมโถมกระหน่ำ
จิตระสำพร่ำเพรียกร้องเรียกขอ
เหมือนสำเภาตั้งกระโดงโยงใบรอ
จักแล่นต่อพอลมดีจึงรี่ไป
ผ่านโขดหินโฉบเฉี่ยวคอยเลี้ยวเลาะ
เฉียดข้างเกาะผ่านน้ำตื้นก็ลื่นไหล
สำเภาเลยเกยหินแทบสิ้นใจ
คลื่นซัดใส่โยกโยนโจนทะยาน
สู่ห้วงแห่งสายชลวังวนน้ำ
ลมกระหน่ำคลื่นถมผสมผสาน
จึงดำดิ่งอับปางกลางสายธาร
สั่นสะท้านหวามไหวใต้แสงจันทร์
จนดวงเดือนลาลับกับขอบฟ้า
รุ่งอุษาส่องสว่างกระจ่างฝัน
สานสายตาแทนถ้อยร้อยรำพัน
ขอเคียงคู่จอมขวัญนิรันดร์กาล
2 มีนาคม 2549 01:51 น.
เรไร
จงสร้างฝันให้เกิดเถิดหนุ่มสาว
เราต้องก้าวให้ทันเพื่อวันหน้า
เพียงมุ่งมั่นหมั่นเติมเพิ่มศรัทธา
แสวงหาอนาคตที่งดงาม
ดูเจ้าปลวกตัวน้อยยังค่อยคิด
เริ่มประดิษฐ์รังเองไม่เกรงขาม
จากเศษดินมานะพยายาม
ไม่ครั่นคร้ามสร้างหวังอลังการ
ขอแค่เพียงเอาความอุสาหะ
วิริยะฟันฝ่าอย่างกล้าหาญ
มีขวากหนามแค่ไหนหรือภัยพาล
แล้วก้าวผ่านอุปสรรคสู่หลักชัย