17 มีนาคม 2553 19:20 น.
เรไร
๏..ลึกลับดูยากแท้......หยั่งถึง
ในจิตคิดคำนึง...........ยากรู้
ใจตนจิตใจจึง............กำหนด
ชังชอบรักเกลียดผู้.....หนึ่งได้เชียวหรือ
๏..คือฉันทาคติให้........ชอบพอ
คนที่เก่งสอพลอ...........ยกปั้น
เอนอียงจิตเคล้าคลอ....เคียงคู่
ตาบอดถูกปิดกั้น..........รับรู้ชั่วดี
๏..มีโทสาคติแล้ว..........มิเห็น
ดีเลิศเพียรบำเพ็ญ.......หมดแล้ว
ความดีที่เคยเป็น..........สูญหมด
ความเกลียดชังปิดแก้ว..เนตรเนื้อด้วยชัง
๏..เหมือนดั่งเขลาโง่ไร้....ปัญญา
ขาดสติพิจารณา...............ถ่องแท้
หลงรูปรสด้วยโมหา.........-คติ
วิเคราะห์มูลเหตุแก้..........ยากยั้งจิตตน
๏..ภคยคติเกิดได้.............ด้วยเกรง
หวาดหวั่นถูกเข่มเหง........ใส่ร้าย
เพราะจิตคิดไปเอง...........ผวาหวาด
ความเที่ยงธรรมสุดท้าย....ลบแล้วลืมเลือน
๏..เหมือนชังหรือรักให้.....จิตตน
ลืมหมดทุกเหตุผล............กล่าวอ้าง
ลุ่มหลงอยู่วังวน................อคติ
หากพิจารณาบ้าง..............เมื่อนั้นแลเห็น
17 กุมภาพันธ์ 2553 23:35 น.
เรไร
๏..เพลงรักยังแว่วหวานผสานเสียง
สายลมเพียงเป็นสื่อคอยสื่อสาร
ในคำร้องเพ้อรำพึงถึงสายธาร
ที่ไหลผ่านลับไปไม่หวนคืน
๏..เอ่ยนิยามความหมายให้สรรพสิ่ง
ว่าความจริงอาจระทมต้องขมขื่น
ใจเจ็บช้ำสิ้นหวังสิยั่งยืน
แม้นยามหลับยามตื่นอาจฝืนทน
๏..เพลงรักคอยปลอบโยนให้โอนอ่อน
จากทอดถอนหมดหวังกี่ครั้งหน
ดับรุ่มร้อนใจกายดั่งสายชล
ชโลมบนใจแล้งใกล้แห้งตาย
๏..เพลงรักยังนิยามถึงความฝัน
ท่วงทำนองแสงจันทร์เคยมั่นหมาย
ให้เหม่อมองมิเปล่าเปลี่ยวหรือเดียวดาย
เพียงจันทร์ฉายวะวับแล้วในแววตา
๏..เพลงรักยังก้องอยู่มิรู้จบ
แม้นดินกลบร่างฝังยังโหยหา
เพลงคงกล่อมแม้ดับดิ้นสิ้นชีวา
ปลอบวิญญาชอกซ้ำมิซ้ำเติม
๏..เพลงรักยังเปิดไว้ให้โอกาส
ให้เราวาดเนื้อร้องทำนองเสริม
เป็นเพลงหวานซ่านอุรายิ่งกว่าเดิม
เพียงเราเติมใจทั้งหมดใส่บทเพลง
7 กุมภาพันธ์ 2553 23:27 น.
เรไร
... ฉัน….ยืนอยู่บนดวงดาวดวงหนึ่งซึ่งเรียกว่า……โลก
บนเส้นทางหลากหลายที่ฉันเดินทาง ที่ฉันเหยียบย่ำ
ไปยังทุกที่ ทุกจุดหมายที่ใจปรารถนา…
..บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง
ฉันเพียงรับและรู้อย่างผู้อาศัย
มองเห็นความเป็นไปในสรรพสิ่ง
เห็นผิดถูกทั้งปวงอยากท้วงติง
แต่ยากยิ่งเพราะโง่เขลาเบาปัญญา
เธอ….ยืนอยู่และหายใจบนดวงดาวดวงเดียวกัน….โลก
และเช่นเดียวกัน บนเส้นทางมากมาย และเวลาที่ผ่านเลย
เธอจึงเมินเฉย ชินชา
เธอหยัดยืนต่อสู้อยู่บนโลก
ท่ามกลางความเศร้าโศกสิ้นปรารถนา
เพราะหัวใจถูกเผาผลาญผ่านเวลา
แม้น้ำตาตกผลึกลึกข้างใน
เรา...จึงสร้างโลกใหม่...โลกในจินตนาการ
แต่ทว่า….โลกที่เราต่างสร้าง ย่อมต่างกัน
เธอสร้างโลกของเธอ…….โลกแห่งความหวัง
ฉันของก็มีโลกของฉัน
เราแต่งแต้ม ต่อเติม ให้เป็น และได้ดั่งใจ
ฉัน..เธอต่างวาดหวังภวังค์จิต
เนรมิตสร้างวันมิหวั่นไหว
ขีดเส้นทางทอดยาวเพื่อก้าวไป
ต่างเขียนไว้ต่างลิขิตชีวิตตน
ประตูที่ปิดตาย…สู่โลกของ..เธอ ฉัน
เราใช้วันเวลา…อยู่ในโลกแห่งจินต์ที่เราสร้าง……อยู่นานวัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง
โลกที่เคยสรรสร้างกลับว่างเปล่า
เพียงเพราะใจที่เหงาเจ้าสับสน
อยากเชื้อเชิญเผื่อใจใครสักคน
มายืนบนโลกสวยอยู่ด้วยกัน
โลกของธอ….เพียบพร้อมสมบรูณ์แบบ
คงเป็นโลกที่ทุกๆคน คาดหวังและฝันไว้….อยากให้สวยงาม
นั่นคือโลกของเธอที่ฉันเห็น …….
โลกของฉัน…..ฉันเพียงเติมเต็มสิ่งที่เหินห่าง ขาดหายในช่วงวันแห่งวัย
เพียงเพื่อจะได้มิต้อง ไขว่คว้า โหยหา ในสิ่งที่ไม่มิเคยพบและสัมผัส
และมิมีใครเคยได้เห็น
โลกขอเธองดงามมีความหมาย
และพร่างพรายวับวาวราวสวรรค์
แต่โลกที่ว่างเปล่ามิเท่าทัน
ก็เป็นโลกของฉันที่ฉันเป็น
ฉันได้พาเธอก้าวเข้ามาสู่
บานประตูที่ปิดตายใครไม่เห็น
พาเธอมาดื่มด่ำความฉ่ำเย็น
เผื่อเธอเป็นบางใครที่ใฝ่ปอง
เพียงแต่.......โลกของฉันมิได้สมบรูณ์เพียบพร้อม และงดงาม
อย่างที่ ใครๆ ใฝ่ฝัน..ในแบบที่มันควรจะเป็น
โลกของฉันเคว้งคว้างกลับว่างเปล่า
แต่ความเหงาสร้างกรอบตอบสนอง
เหลือเพียงความโดดเดี่ยวเมื่อเหลียวมอง
ควรจะต้องปิดประตูอยู่ลำพัง
ก็คงเป็นเพราะว่า....โลกที่เราต่างจินตนาการมันขึ้นมา
อาจมิเป็นที่ปรารถนา ของกันและกัน
..แต่..เราก็ยังยืนอยู่บนโลกใบเดียวกัน มองเห็นกัน
......เท่านั้นเอง
23 กรกฎาคม 2552 23:46 น.
เรไร
๏..เสียงครืนครืนคลื่นผสมสายลมพัด
เข้าสาดซัดถาโถมโลมหินผา
กลางเปลวแดดคลื่นลมในยมนา
เส้นขอบฟ้าที่เห็นเป็นฉันใด
ยอดยางสูงขึ้นเบียดคอยเสียดสี
เหมือนดนตรีกล่อมมหาชลาศัย
เสียงหวีดหวิวลมพัดระบัดใบ
หวนถึงใครบางคนบนเส้นทาง
อยากให้เจ้ามายืนอยู่ตรงนี้
ฟังดนตรีผสานเสียงอยู่เคียงข้าง
สัมผัสลมไล้ละเรื่อแนบเนื้อนาง
เหมือนเส้นกั้นบางบางระหว่างเรา
ฉันเพียงยืนเหม่อลอยคอยความหวัง
หรือเพียงฝั่งฉันผู้เดียวที่เปลี่ยวเหงา
หรือเสียงคลื่นอีกละลอกบอกว่าเรา
เป็นความเศร้าความหลังอีกฝั่งทะเล..๏
16 มิถุนายน 2552 23:39 น.
เรไร
๏..
ก่อนสายลมบางบางจะจางหาย
กับแสงแดดสุดท้ายประกายฉาน
ก่อนย่างย่ำมืดสนิทในรัตติกาล
เมื่อลมผ่านแผ่วเบาเจ้าจงฟัง
ลมรำเพยกระซิบนำถ้อยคำหนึ่ง
ความคิดถึงจากคนไกลด้วยใจหวัง
ปรารถนาคู่เคียงเพียงลำพัง
หากเป็นดังความฝันเมื่อวันใด
จะเฝ้าคอยห่วงใยและไต่ถาม
ทุกข์สุขยามเช้าเย็นเป็นไฉน
จะโศกเศร้า ฤ ลำเค็ญเป็นเช่นไร
ขอปลอบให้เจ้าหายคลายกังวล
ถึงแม้อยู่แสนไกลจะไปหา
ซับน้ำตาพร่างพรายดุจสายฝน
ร่ายลำนำเพลงฝันบันดาลดล
คลายหมองหม่นโศกศัลย์ช่วยบรรเทา
แค่ขออยู่ใกล้ใกล้ให้ตาสอง
เพียงได้มองอย่างนี้ตรงที่เก่า
แค่รับรู้ว่าราตรีมีเพียงเรา
เสมือนเงามิแตะต้องให้หมองมัว
จงนิทราฝันดีราตรีสวัสดิ์
เพลงลมพัดเริงรื่นในคืนสลัว
แค่สายลมโลมไล้อย่าได้กลัว
แทนคิดถึงจากตัว...สุดหัวใจ