11 สิงหาคม 2549 09:45 น.
เรไร
เมื่อก่อนนี้แหงนมองดูท้องฟ้า
ทุกเวลาพาให้หัวใจเหงา
จะกี่เดือนกี่ปีเป็นสีเทา
ดูหม่นเศร้าหมดงามยามที่มอง
เมื่อก่อนนี้ไม่อยากดมชมกลิ่นหอม
มิดมดอมดอกใดเพราะใจหมอง
มิอยากเด็ดหรือคว้ามาครอบครอง
แค่ได้มองกลีบช่อก็พอเพียง
เมื่อก่อนนี้ดนตรีที่ไพเราะ
ทำนองเสนาะแม้ใครได้ยินเสียง
ต้องรู้สึกไหวหวามตามสำเนียง
กับฉันเพียงเพลงหนึ่งไม่ซึ้งเลย
เมื่อก่อนนี้ไม่เคยดูตู้จดหมาย
มันเบื่อหน่ายเหลือเกินจึงเมินเฉย
หรือจะเขียนหาใครก็ไม่เคย
กลัวถูกเย้ยเยาะด่าว่าโบราณ
แต่วันนี้หัวใจเปลี่ยนไปแล้ว
เริ่มมีแววความสุขสนุกสนาน
แหงนมองฟ้าครั้งใดใจเบิกบาน
ลืมหมดความร้าวรานที่ผ่านมา
มองดอกไม้แย้มบานในวันนี้
ดวงฤดีพร่ำเพ้อละเมอหา
อยากเชยชมเก็บกอดตลอดเวลา
ปรารถนาชมชื่นทุกคืนวัน
ยินดนตรีส่งสำเนียงเสียงขับขาน
ให้ดวงมานคร่ำครวญชวนใฝ่ฝัน
เหมือนส่งผ่านความหมายให้แก่กัน
สื่อสัมพันธ์ยากเผยเอ่ยความใน
หรือเพราะฉันเลอะเลือนไม่เหมือนก่อน
จึงอาวรณ์พร่ำเพ้อจนเผลอไผล
หรือเธอเป็นเจ้าของครองหัวใจ
มิอาจซ่อนรักไว้ในสายตา
6 สิงหาคม 2549 17:40 น.
เรไร
มีเรื่องเล่ากวนกวนชวนสยอง
โปรดมาลองฟังความนำเสนอ
เรื่องภูตผีดุร้ายใครพบเจอ
ต้องพร่ำเพ้อฝันร้ายหลายราตรี
ขอกล่าวถึงบ้านน้อยในซอยเปลี่ยว
น่าหวาดเสียวมืดสลัวน่ากลัวผี
ยิ่งคนเขาเล่าขานมานานปี
ว่าซอยนี้ผีออกมาหลอกคน
มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งอาศัย
บ้านอยู่ในซอยลึกสุดถนน
ยามดึกดึกดื่นดื่นคืนมืดมน
แสนกังวลทุกราตรีที่เลิกงาน
แล้วค่ำหนึ่งราตรีที่โหดร้าย
ด้วยร่างกายหน้านิ่วหิวอาหาร
ซื้อก๋วยเตี๋ยวหวังกลับไปรับประทาน
รีบกลับบ้านจึงซ้อนมอเตอร์ไซค์
ระหว่างทางกลางซอยที่แสนเปลี่ยว
สักประเดี๋ยวยินเสียงจึงสงสัย
คล้ายคร่ำครวญทรมานร้าวรานใจ
เอ๊ะนี่มันเสียงใครที่ไหนกัน
ฟังให้ดีเสียงคนขับรถรับจ้าง
เริ่มครวญครางร่ำร้องสยองขวัญ
ร้องโอดโอยร้องซ้ำเหมือนรำพัน
น้ำเสียงสั่นสะท้านทั้งร่างกาย
ในฉับพลันสำเนียงเสียงคำราม
เป็นคำถามทำฉันแทบขวัญหาย
เอ็งเคยไหมทรมานมากจนอยากตาย
ทุรนทุรายจนถวิลให้สิ้นลม
ถ้าเอ็งไม่อยากจะละสังขาร
ให้วิญญาณทุกคืนต้องขื่นขม
ตกนรกหมกไหม้ใจระทม
จงอย่าก้มเข้ามาข้าร้อนรน
ถุงก๋วยเตี๋ยวที่มือเอ็งถืออยู่
ที่หลังกูเอาไปเสียให้พ้น
เพราะถ้าหากทำเมินข้าเกินทน
ได้ฆ่าคนซ้อนท้ายตายแน่นอน
2 สิงหาคม 2549 04:34 น.
เรไร
หัวใจดวงนี้ที่เศร้าสร้อย
เฝ้าคอยนิยามของความหวัง
แต่กายเหนื่อยล้าไร้พลัง
กี่ครั้งยับเยินเกินเยียวยา
ความฝันสะดุดต้องหยุดนิ่ง
ความจริงหมางเมินเกินไขว่หา
กับความร้าวรานที่ผ่านมา
เหลือค่าเหลือแค่คนแพ้ใจ
ล่องลอยวังเวงเหมือนเคว้งคว้าง
ท่ามกลางคืนวันยังหวั่นไหว
กับความเหน็บหนาวร้าวทรวงใน
กับไฟร้อนเร่าคอยเผาใจตน
จากเศียรถึงตีนที่ปีนป่าย
วุ่นวายทุกข์เทวษไร้เหตุผล
หรือเพราะสิ้นหวังจึงกังวล
ดิ้นรนมากไปหรือไม่เลย
อยากได้อยากเด่นเหมือนเช่นเขา
คว้าความว่างเปล่าเจ้าอกเอ๋ย
กอดความเคว้งคว้างเหมือนอย่างเคย
จนเฉยชาชินแทบสิ้นลม
จะเหลือสิ่งใดให้ยึดถือ
เราคือคนทำช้ำขื่นขม
ก็เราบอกพร้อมยอมระทม
ตรอมตรมแอบอิงสิ่งไม่มี
29 กรกฎาคม 2549 23:12 น.
เรไร
อยากขอพรเทวาฟ้าลิขิต
ให้ชีวิตคิดอะไรดั่งใจฝัน
เพียงบรรลุปรารถนาสารพัน
คงสุขสันต์รื่นรมย์สมอุรา
อยากจะเป็นศิลปินเก็บดินเหนียว
เพียงก้อนเดียวตามจินต์ถวิลหา
แล้วขึ้นเป็นรูปร่างอย่างตุ๊กตา
ใส่แขนขาดั่งใจคิดเป็นอิสตรี
แล้วร่ายมนต์ดลคาถามหาเวทย์
พรวิเศษล้ำเลิศประเสริฐศรี
ให้ก้อนดินปั้นจากธรณี
บังเกิดมีชีวันในทันใด
พรประเสริฐเกิดจริงเป็นหญิงสาว
งดงามราวพญาหงส์น่าหลงใหล
หวังเชยชมเชิดชูเป็นคู่ใจ
คือฝันใฝ่ในห้วงดวงกมล
เพราะมัวเพ้อรำพึงจึงประมาท
ความผิดพลาดหลงกิเลสไร้เหตุผล
ลืมกำหนดกำกับใจตอนร่ายมนต์
จึงหมองหม่นทนทุกข์เพราะตุ๊กตา
เราอาจจะสร้างสรรค์ฝันวิจิตร
หรือลิขิตขีดวาดปรารถนา
ให้ตัวเองได้เห็นเป็นธรรมดา
ฤ คิดว่าจะลิขิตชีวิตใคร
20 กรกฎาคม 2549 00:00 น.
เรไร
ดูเถิดสหาย
มีมากมายก่ายกองให้มองเห็น
สรรพสิ่งมีหนทางอย่างที่เป็น
เกิดประเด็นคำถามก็ตามมา
เห็นเมฆลอยคล้อยเคลื่อนเลื่อนลงต่ำ
ดูมืดดำรายรอบถึงขอบฟ้า
ต่างแสดงความคิดเห็นเป็นธรรมดา
ข้อกังขาเกิดตามความเปลี่ยนแปลง
สหายจงฟังสิ
ตั้งสติคิดตามคำแถลง
ในวลีคอยกำหนดบทแสดง
คือถ้อยแห่งความจริงหรือสิ่งใด
เหมือนยินเสียงร้องดังฟังโหยหวน
คล้ายคร่ำครวญโศกาน่าสงสัย
หรือมีเรื่องร้าวรานสะท้านใจ
หรือเพราะได้รื่นรสบทอัศจรรย์
เพื่อนเอ๋ยหากถวิล
ได้ดมกลิ่นหอมฟุ้งจรุงฝัน
ดุจน้ำปรุงจากพฤกษานานาพันธุ์
ที่ใช้มันคอยประทินลบกลิ่นกาย
จนหอมหวนเย้ายวนชวนลุ่มหลง
ดั่งผจงด้วยจิตคิดมั่นหมาย
ส่งความหอมระรวยรินกลิ่นกำจาย
ขอสหายตั้งสติพิจารณา
ตรองเถิดผองเพื่อน
หากบิดเบือนเรียงร้อยถ้อยภาษา
บริภาษในมธุรสบทวาจา
ไร้คุณค่าศักดิ์สิทธิ์จงคิดดู
แม้วจีพูดพร่ำคำไพเราะ
คงเสนาะชมชื่นระรื่นหู
ถ้ามึงมาพาโวยโว้ยมึงกู
น่าอดสูหัวใจเมื่อได้ยิน
เพื่อนเอ๋ยอย่าอึดอัด
รสสัมผัสอาจรัญจวนชวนถวิล
ทุกรูปรสยากลืมหากดื่มกิน
แล้วแต่จินต์แต่ใจจะไตร่ตรอง
เพียงเพราะจิตเรานั่นมันเคลื่อนไหว
โอนเอนไปกับสิ่งชอบตอบสนอง
เผลอภิรมย์สิ่งใดที่หมายปอง
อาจจะต้องเจ็บช้ำก็ทำใจ