วันแรกที่เข้ามาทำงาน เพื่อนใหม่ทุกคนพากันอมยิ้ม คนอะไรวะ ชื่อ ทิ้งเวร ผมก็ย้อนไปว่า อ้าว แล้วจะให้ชื่ออุ้มเวรรึไงครับ ชื่ออย่างนี้ ถ้าไปสมัครงาน รปภ.คงไม่มีใครกล้ารับ รู้ครับ อีกหน่อยจะไปทำงานมูลนิธิวัดแล้ว ผมชอบ ก็ไอ้ชื่อนี้ของผมแหละ ใครๆก็อยากทิ้งเวร จึงให้ผมเป็นศิราณี ช่วยตอบปัญหาเพื่อนเสมอ วันนี้ก็เหมือนกัน บุญเทียมเดินเข้ามา หน้าหยิกงอ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เฮ้ย.....เวร.....บุญเทียมว่า ไม่ใช่ ทิ้งเวร ผมตอบ เออ ทิ้งเวร เดือนนี้ ผมเป็นอะไรไม่รู้ ยุ่งทั้งเดือน เดี๊ยวนั้นเดี๊ยวนี่ แทบจะไม่ได้หายใจ อ้อ ตายแล้วรึ ผมถาม ยังโว๊ย ยังอยู่ ช่วยหน่อยสิ ชื่อบุญเทียม บุญแปลว่า มีบุญมาแล้ว แต่บุญเทียมคงเป็นบุญปลอมมั๊ง ถึงเหนื่อย ผมอมยิ้มกระเซ้าเหย้าแหย่เพื่อน แต่เห็นหน้างอหงิก จึงเลิกเหย้า อย่างนี้เขาเรียกกรรมเล็กกรรมน้อย คอยเบียดเบียน แต่อาจว่านายจัดเวลาไม่เป็น บริหารเวลาไม่เป็นด้วยรึเปล่า แต่กรรมเล็กกรรมน้อยเปลี่ยนเป็นบุญเล็กบุญน้อยดีกว่า ผมว่า ทำไงวะ บุญเล็กบุญน้อย บุญก็คือ ทำให้ผู้อื่น สบายใจ เราก็สบายใจด้วย เช่น จอดรถให้คนข้ามถนน ให้ทิปเด็กปั๊มน้ำมันเล็กๆน้อยๆ ใส่กระปุกหัวเตียงวันละ 5 บาท แล้วสิ้นเดือนก็ไปบริจาคให้เด็กยากจน หรือไม่ก็ยืมเทปธรรมะจากห้องสมุด ไปให้แม่ยายฟัง อย่าโกรธใคร ให้อภัยคนอื่น เวลาไปทำงานให้เพื่อนหรือ ใครที่ให้ช่วยเหลือไหว้วาน อย่าคิดว่า ยุ่งจัง เป็นภาระ คิดใหม่ ว่าเราทำบุญ เพราะเขาทำไม่ได้ ยินดีที่จะทำ หรือแม้แต่ทานกาแฟ แล้วช่วยแม่บ้านเก็บถ้วยกาแฟ ที่เราดื่มเสร็จ เราก็ได้บุญแล้ว เจอใครยิ้มให้ นี่ก็บุญ ผมได้คุณระบายความกลัดกลุ้ม นี่ ผมก็ได้บุญ บุญเทียม ได้ได้พยักหน้ารับฟัง เหมือนแมวนางกวักยังไงยังงั้น แต่บุญต้องทำด้วยเจตนาดี มีเมตตา เช่น ซองผ้าป่ามา เรามีแค่ 1o บาท แต่เราอยากทำบุญ เราใส่ไปสิบบาท เราก็ได้บุญเท่าร้อยบาทเหมือนกัน เพราะเจตนาเราตั้งใจ อย่าทำบุญ หวังหน้าตา ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และตัวเองเดือดร้อน เราจะไม่ได้บุญ เราต้องทำด้วยเจตนาดี มีเมตตาจิต มองโลกด้วยความเมตตา อย่าหงุดหงิด ขี้โมโห หรือด้วยความรำคาญ ก็เหมือนนายขับรถ จะเลี้ยวซ้าย หรือ เลี้ยวขวา เอาบุญหรือเอาบาป ก็อยู่ที่ความคิด คิดบุญก็เป็นบุญ คิดบาปก็เป็นบาป หวังว่า นายคงเข้าใจนะ ไปหล่ะ ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วเดินจากมา (จาก หนังสือ ช้อบปิ้งบุญ ขวัญ เพียงหทัย) ถ้ามีใครเข้ามาอ่านเรื่องนี้ กระต่ายถือว่า ได้ต่อบุญ ของตัวเอง ถือว่าเป็นบุญที่ได้กระทำคะ) ป.ล. ความคิดตัวเองสำคัญที่สุด บางครั้งคนอื่นพูดให้เราไม่สบายใจครั้งเดียว หรือทำร้ายเราได้ครั้งเดียว แต่ตัวเรานั้นแหละที่เฝ้าเก็บไปคิด และทำร้ายตัวเองอยู่อย่างนั้น
16 กุมภาพันธ์ 2552 14:45 น. - comment id 103903
ได้บุญแท้ๆเลยค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2552 22:02 น. - comment id 103915
สาธูติ วตฺวา
16 กุมภาพันธ์ 2552 22:15 น. - comment id 103916
ดีจ้า...พี่กระต่ายน้อย... ขอบคุณสำหรับเรื่องดีดีที่นำมาให้อ่านนี้จ้า... มีคนเตือนบ้างก้อดีเหมือนกันแฮะ เรา ขอบคุณที่เป็นห่วงนะจ๊ะ น่ารักจริงๆพี่คนนี้
17 กุมภาพันธ์ 2552 00:03 น. - comment id 103918
เนื้อหาดีครับ อยากเสริมนิดนึงครับ "บุญก็คือ ทำให้ผู้อื่น สบายใจ เราก็สบายใจด้วย" สบายใจ ต้องสบายใจอย่างถูกต้องด้วยครับ คือ ถูกต้องตามหลักศีลธรรม ตัวอย่างการให้ที่ไม่เป็นบุญ เช่นให้สุรา ผู้ให้อยากให้ ผู้รับก็สบายใจยินดีรับ เช่นนี้ก็คงไม่เป็นบุญแน่ครับ การให้ ก็ให้ด้วยความหลงไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ทำความเห็นให้คลาดเคลื่อน (ตรงกันข้ามกับบุญในข้อ ทิฏฐชุกัมม์) เมื่อผู้รับดื่มเข้าไป ทั้งผู้ให้ผู้รับก็มีส่วนในบาปด้วยกัน และหากมีผู้อื่นมาเห็นเอาอย่าง เป็นแบบอย่าง และสืบทอดกันก็จะส่งผลเป็นวิบากบาป ต่อเนื่องถึงผู้เป็นต้นแบบอีกนับไม่ถ้วน การทำบุญ ในส่วนของทาน การจะได้บุญมากหรือน้อย ขึ้นกับความบริสุทธิ์ของผู้ให้ วัตถุที่ให้ และความบริสุทธิ์ของผู้รับ และขึ้นกับความตั้งใจก่อนให้ ขณะให้ และการระลึกถึงหลังให้ ---------- ปล. ทัศนะส่วนตัว มีความเห็นเพิ่มเติมว่า 1. การทำบุญที่ทำต่อหน้า แสดงให้คนอื่นรับรู้ ก็เป็นการทำบุญทางหนึ่งที่ผู้ทำได้ทำบุญแล้วยังยังให้ผู้อื่นเห็นเป็นตัวอย่าง เป็นธรรมทาน คนที่ได้เห็นหากอนุโมทนา เขาก็ได้บุญอีก ไม่ว่าผู้ทำเจตนาเพื่อเอาหน้าหรือเพื่อเป็นตัวอย่างเขาก็ได้บุญด้วยแน่นอน 2. การทำบุญ ตามกำลัง หรือเต็มกำลังนั้น ไม่ควรถือเป็นข้อขัดแย้งกัน กำลัง หรือกำลังใจ กำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังบุญวาสนาบารมี ฯลฯ แต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน นอกจากนี้ความพอใจในการทำของแต่ละคนก็แตกต่างกัน.. ในอดีต..พระโพธิสัตว์ทำบุญ ทำด้วยปัญญาใคร่ครวญแล้ว และทำเต็มกำลังแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ส่วนผู้ที่สั่งสมบุญลดหลั่นลงมา ก็ย่อมมีความยินดีในการทำในระดับที่ต่างกันลดหลั่นลงมา 3. การทำบุญแม้มีอานิสงส์น้อย ก็ยังควรยินดีว่าดีกว่าไม่ทำเสียเลย เหมือนการเพาะปลูก แม้ปลูกแล้วได้ผลผลิตน้อยกว่าที่ควร เพราะผืนนาไม่ดี แต่หากไม่ทำเลยเมล็ดพันธุ์ก็จะเสียหมด มัวตำหนิบุญน้อยรอคอยบุญใหญ่ ระวังบุญใหม่ไม่มี แต่บุญเก่าหมดซะก่อน นะครับ
17 กุมภาพันธ์ 2552 11:51 น. - comment id 103923
ขอบคุณนะคะพี่กานต์ที่แวะมา ขอบคุณน้องเจนอย่างมากคะ ขอบคุณดอกไม้บาน
17 กุมภาพันธ์ 2552 11:53 น. - comment id 103924
ขอบคุณคุณรมณีย์คะที่ให้ข้อคิด และเสริมสิ่งที่เป็นประโยชน์ขอบคุณอย่างมากคะ
17 กุมภาพันธ์ 2552 17:04 น. - comment id 103930
คุณกระต่ายค่ะ วันนี้แบมไม่ว่าง เดี๋ยวขอทิ้งเวรให้ช่วยด้วยค่ะ ไว้พรุ่งนี้จะทำเวรคืน แต่ที่ทิ้งเวรไปเนี่ย ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ จะไปทำบูญนะคะ แล้วจะเอาบุญมาฝาก บุญแท้ๆจ้า ไม่ใช่บุณเทียม อิอิ เขียนได้ดีมากค่ะ
17 กุมภาพันธ์ 2552 18:02 น. - comment id 103931
กระต่ายใต้ฯ (ชื่อยาวอ่ะ) อ่านเรื่องของทิ้งเวรแล้วนึกถึงตัวเองจัง พิมเคยทิ้งเวรเหมือนกัน..เคยถูกด่า ว่าหมอเวร ทิ้งคนไข้... ต่อไปพิมจะเปลี่ยนชื่อว่า..หมอทิ้งเวร.. ก็ชื่อทิ้งเวร คนไข้ได้ไม่ด่า ขอบคุณค่ะ ไอเดียรบรรเจิด
17 กุมภาพันธ์ 2552 18:03 น. - comment id 103932
อีกนิดค่ะ รูปข้างบนใช่ที่เชียงรายป่าว พิมก็ไปถ่ายมาเหมือนกัน
17 กุมภาพันธ์ 2552 21:54 น. - comment id 103937
สวัสดีคะคุณแก้วประภ้สสร ถ้าทหาร ตำรวจ พยาบาล หมอ ขอละไว้ ให้เข้าใจว่า เข้าเวรคะอิๆ แบ่งบุญกันคะถือว่ามีวาสนาทำบุญมาร่วมกันจึงได้รู้จักกันน่ะค่ะ
17 กุมภาพันธ์ 2552 21:58 น. - comment id 103938
สวัสดีคะ คุณพิม เรียกกระต่ายเฉยๆนั่นน่ะชื่อเล่นจริงๆ เป็นหมอเหรอคะ รักษาโรคหัวใจได้รึปล่าว พอดีเป็นโรคหัวใจขาดเลือนะคะ หมอบอกว่าผังเผืดหัวใจไม่ทำงานไปหนึ่งห้อง กระต่ายอยากรุ้รายละเอียดมากกว่านั้นเพราะคุณหมอไม่อธิบายอะไรเพิ่มว่าควรทำอย่างไรให้แต่ทานยาทุกวัน ยาไม่ใช่ลูกอมไม่อร่อยคะเลยไม่ชอบ ใช่คะที่ถามมาถนนคนเดินที่เชียวรายคะไปเที่ยวมาเมื่อปีใหม่คะ
18 กุมภาพันธ์ 2552 08:03 น. - comment id 103941
หวัดดีจ้ากระต่าย กระต่ายดูใน เวบนี้นะคะ www.thailabonline.com/ เข้าใจว่าจะเป็นแบบ Ischemic heart disease/IHD หรือแบบ Coronary Artery Disease CAD ส่วนเรื่องรายละเอียดของโรค พิมต้องมีข้อมูลมากกว่านี้นะคะ อย่างไรก็ตามอยากให้กระต่าย คุยกับคุณหมอเจ้าของโรคจะดีกว่านะคะ อย่าดื้อกะคุณหมอนะคะ จะได้หายเร็วๆ รักษาสุขภาพนะคะ