นำมาฝาก
ลุงแทน
ถ้าวันนี้ไม่คืบหน้าหนึ่งก้าว
พรุ่งนี้อาจต้องถอยหลังหลายก้าว
ความคืบหน้าเป็นเครื่องแสดงหลายสิ่ง
สะท้อนตัวตนที่แท้จริงได้ดี
ทั้งความมีใจรัก
ทั้งความฝักใฝ่อุตสาหะ
ทั้งความไม่ละเลยประเมินผล
ทั้งความไม่ยอมจำนนย่ำกับที่
เพียงมีความคืบหน้าอย่างเดียว
ก็เก็บเกี่ยวหลายคุณสมบัติเข้าตัว
ไม่ต้องกลัวเกิดมาเสียเที่ยวเปล่า
ความคืบหน้าจะมีขึ้นไม่ได้
หากเป้าหมายไม่โดดเด่น
มองไม่เห็นว่ารอยเท้าของก้าวนี้
ห่างจากที่หมายปลายทางเพียงใด
มาไกลจากจุดเริ่มต้นแค่ไหนแล้ว
เป้าหมายจึงสำคัญ
ไม่แพ้การเอาจริงเพื่อลุถึงเป้าหมาย
ใครยังหาเป้าหมายไม่เจอ
หรือยังตั้งเป้าหมายไม่ชัดพอ
ก็ไม่รู้ว่าตนกำลังคืบหน้าหรือคืบหลังกันแน่
เทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่น
ความเป็นมนุษย์คือโอกาสทอง
มีสองตาเหมาะจะเล็งไปข้างหน้า
กับสองเท้าที่ไม่เหมาะจะตั้งท่าถอยหลัง
แถมยังสองมือพร้อมให้คิดป่ายปีนขึ้นสูง
ทุกส่วนจูงใจให้ใฝ่ทะยาน
ไม่ใช่หนุนให้คืบคลานเรื่อยเปื่อยไร้ทิศ
คนที่เอาแต่นั่งเท้าคางรอ
หวังว่าความก้าวหน้าจะถลามาหาเอง
คือคนที่ไม่เ**สำรวจความเป็นมนุษย์
ไม่เ**ขุดค้นสมบัติในตน
ในที่สุดจะเป็นคนคนหนึ่ง
ที่เข้าแถวเรียงเตรียมไหลลงต่ำ
สู่ความเสื่อมจากศักยภาพ
หรือสู่ความเสื่อมจากภูมิมนุษย์
------------------------------------------------------
มนุษย์เรา จัดเป็นพวก 'บุญพอ' จึงได้มีโอกาสเกิดในภพภูมินี้ เป็นมนุษย์นี่เลือกทำอะไรได้ยิ่งกว่าภพภูมิไหน ๆ ทั้งหมด อยากเสวยสุขสนุกพิสดารหลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจ ก็ต้องที่นี่ อยากเปลี่ยนนิสัยที่ส่งสมข้ามภพข้ามชาติมานาน ก็ต้องที่นี่ อยากช่วยคนเอาบุญหลังสวรรค์ ก็ต้องที่นี่ อยากสั่งสมเสบียงเตรียมเดินทางไกล ไปในท่ามกลางอันตรายของการเวียนว่ายตายเกิด ก็ต้องที่นี่ หรือ กระทั่งอยากถึงความสิ้นสุดทุกข์ ก็ต้องที่นี่
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คนที่ตายแล้วไปสู่ภพภูมิตั้งแต่มนุษย์และสูงกว่ามนุษย์ขึ้นไป มีจำนวนเท่า 'เขาโค' แต่ ผู้ที่ตายแล้วไปอบายมีจำนวนเท่า 'ขนโค ' ฉะนั้นมนุษย์เราส่วนใหญ่ตายแล้ว ส่วนใหญ่ไปตกสู่ 'อบายภูมิ' (ไม่ว่าจะไป ตกสภาพ 'เปรต' ในนรก หรือ 'เดรัจฉาน' ที่หลงความคิดอยู่ตลอดชีวิต...ไม่มีโอกาส 'รู้สึกตัว' )
เห็นๆกันอยู่ ว่าถ้าเกิดเป็นสัตว์ที่ต่ำต้อยกว่ามนุษย์แล้ว ก็แทบไม่มีโอกาสเลือกใช้ชีวิตให้เป็นสุขกว่าเมื่อแรกเกิดสักเท่าใด ส่วนใหญ่ต้องก้มหน้าก้มตามองหาชะตาชีวิตของตนเองเอาจากดินดานประการเดียว เพราพวกมัน 'ไม่มีบุญ' หรือ 'บุญไม่พอ' ฉะนั้นว่ากันไม่ได้ หากหาความสุขเข้าตัวยาก
เมื่อได้เกิดมาใน ภพภูมิมนุษย์แล้ว เราต้องตั้งคำถามให้กับตัวเอง ว่า "เกิดมาทำไม" "คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน" เพราะว่า ความรู้จริงเกี่ยวกับเรื่องของตนเองเป็นสาระแก่นสารที่ประเสริฐกว่าอะไรอื่น อุตส่าห์เป็นเจ้าของอัตภาพมนุษย์ที่ทำกรรมโกยกุศลเข้าตัวได้สารพัดชนิด แล้วอย่างนี้ ให้ใช้ชีวิตแบบมีชีวิตที่เริ่มต้นใหม่ในทุกวัน เช่น ทำความดีเมื่อวาน วันนี้ ก็ต้องทำเพิ่ม, ความชั่วที่ทำไว้ เมื่อวาน วันนี้ก็ต้องไม่ทำอีก อย่ามัวเสียเวลาย้ำคิดในสิ่งผิดพลาดที่หวนไปแก้ไขไม่ได้ ให้ยอมรับว่า สิ่งที่ผ่านเข้ามาทุกอย่าง ยุติธรรมที่สุด อีกไม่นานมันก็จะต้องผ่านพ้นไป ทั้งสุขทุกข์ล้วนเป็นของชั่วคราว ฉะนั้น ต้องเข้มแข็ง
ให้ทำที่ปัจจุบัน เพื่อสร้างเหตุแห่งอนาคต แล้วถามว่าชั่วอายุขัยของความเป็นมนุษย์ นี้ เราได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง สั่งสมอะไรไว้บ้าง เพื่อการเดินทางไกลในครั้งต่อไป …
ประโยคทิ้งท้าย :
"เรือที่ฝ่าคลื่นอยู่กลางมหาสมุทร
จะแล่นถึงฝั่งได้
นายเรือจะต้องตั้งจุดหมายปลายทางไว้ถูกต้อง
และรู้จักควบคุมหางเสือให้เรือวิ่งไปไม่ผิดทิศทางฉันใด
คนเราจะประสพความสำเร็จในชีวิตได้
ก็จะต้องตั้งตนชอบฉันนั้น"
"อุบาสิกา...ณชเล"