ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้าและรถราที่พลุกพล่าน ในช่วงเวลาเกือบเที่ยงวัน ผู้คนมากมายยืนยืดคอยาวเป็นยีราฟ เหลียวมองไปสุดถนนพลางเอามือป้องไว้ตรงหน้าผาก รถเมล์ประจำทางหลายสายค่อยๆ วิ่งมาจอดเทียบป้ายและไม่นานมันก็วิ่งออกจากป้ายไป ชายหนุ่มก้าวขึ้นประตูรถเมล์ประจำทางคันหนึ่ง โดยมีผู้โดยสารทั้งซ้ายขวาและข้างหลังหลายคนเบียดเสียดกันขึ้นรถ ชายหนุ่มเดินชิดไปถึงข้างใน มีที่ว่างเหลืออยู่ตรงเบาะของคันรถ มันเป็นเบาะพิเศษ เพราะมันยาวกว่าเบาะทุกตัวบนรถเมล์คันนี้ ชายหนุ่มเคยนอนบนเบาะท้ายอันยาวเหยียดนี้มาแล้วเมื่อสองปีก่อน "รถคันนี้ไปไหนเหรอหนุ่ม" คุณลุงแก่ๆคนหนึ่งถามกับชายหนุ่มขณะที่แกลงนั่งข้างๆ เขาได้ราวไม่ถึงนาที ข้างๆแกมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุราว 7 ขวบ ในมือถือลูกโป่งกับยาดมหลอดสีแดงนั่งอยู่ข้างๆ "เอ่อ...ไม่แน่ใจเหมือนกันครับลุง แต่รถคันนี้สาย 29 น่าจะไปหัวลำโพงนะครับ หรือไม่ก็ไปอนุสาวรีย์ชัยฯ" ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้าเป็นมิตร พลางเหลือบมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสั้นเนื้อตัวมอมแมม เธอกำลังก้มเก็บหลอดยาดมสีแดงที่หล่นลงบนพื้นรถเมล์และมันกำลังกลิ้งไปข้างหน้า สุดที่มือเธอจะคว้ามาได้ แต่เมื่อรถเมล์ออกตัวจากป้าย หลอดยาดมนั่นกลิ้งกลับมาที่เดิมเธอจึงคว้ามันไว้ได้ "เอ...ไม่รู้ว่ามันจะไปแค่ไหน เพราะถ้าป้ายแดงมันจะไปแค่สวนจตุจักร แต่ถ้าป้ายน้ำเงินก็น่าจะไปหัวลำโพง" ลุงกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคุณลุงถึงไม่ดูป้ายให้เรียบร้อยก่อนขึ้นรถมานะ แต่!...ชายหนุ่มเพิ่งสำเหนียกขึ้นมาได้ว่าเขาเองก็ไม่ได้ดูเหมือนกัน เมื่อนึกดูก็เป็นความผิดพลาดของเขาเองอยู่ในส่วนหนึ่ง เขาน่าจะให้คำตอบกับคุณลุงได้ถ้าเขาเหลือบมองป้ายหน้ารถเมล์เพียงสักนิด "ไม่รู้เหมือนกันครับลุง...พอเห็นว่าเป็นรถฟรีผมก็ขึ้นเลย" ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้าไม่เขินอายใดๆ แม้เพียงน้อย เพราะความจริงก็คือ เขาต้องการไปลงข้างหน้าเพียง 3 ป้ายรถเมล์เท่านั้น และไม่ว่ารถเมล์คันไหนก็ต้องผ่านทางนั้นทุกคัน ก่อนที่จะไปเลี้ยวแยกข้างหน้าเป็น 2 ถนนใหญ่ ไม่ถึง 5 นาทีชายหนุ่มก็ลงจากรถ เขาครุ่นคิดอยู่ในใจว่า ถ้าเขาได้วิ่งไปดูป้ายรถเมล์ข้างหน้ากระจก แล้ววิ่งไปบอกคุณลุงคนนั้น ก็คงจะทำให้ปัญหานี้ของแกหมดลงไปได้ แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เขายังคงเดินก้มหน้าไปเรือยๆ ขณะที่รถเมล์ออกจากป้ายไป เขาภาวนาว่า ขอให้กระเป๋ารถเมล์เดินไปส่วนท้ายรถบ้าง เพื่อนับผู้โดยสาร หรือเพื่อให้ผู้โดยสารซักถามอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ถึอกล่องเก็บตั๋วก็ตามที
17 สิงหาคม 2551 14:51 น. - comment id 100850
เป็นความรู้สึกของคนเอื้ออาทร ที่รู้สึกเหมือนผิดที่ไม่ได้ช่วยคนที่ด้อยกว่า คุณเป็นคนอ่อนโยนดีจัง แล้วลุงแกคงช่วยตัวเองได้ในมี่สุด ไงก็คงนั่งรถอีกหลายสายและอาจหลายเที่ยวเพราะอยู่ในช่วงนโยบายประชานิยม รู้สึกดีดีกับเรื่องสั้นของคุณค่ะ
18 สิงหาคม 2551 10:01 น. - comment id 100856
...คุณแจ้นเอง ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจและคำชื่นชมต่อชายหนุุุ่ม (เค้าคงจะแอบยิ้มอยู่ในตอนนี้ *-*) และยินดีมากที่เรื่องสั้นของผมทำให้คุณแจ้นเองรู้สึกดี เพราะผมจะถือว่านี่คือความสำเร็จที่ผมมุ่งหวังเอาไว้ครับ
18 สิงหาคม 2551 19:02 น. - comment id 100859
แวะมาแอบอ่านคะ น่ารักจัง ....
19 สิงหาคม 2551 10:00 น. - comment id 100865
...คุณฉางน้อย ขอบคุณมากครับ ที่แวะมา แค่แวะมาแอบอ่านก็ดีใจแล้วครับ
19 สิงหาคม 2551 19:29 น. - comment id 100880
...คุณครูกระดาษทราย ขอบคุณมากครับที่แวะมา น่าเสียดายนะครับที่คุณครูขับรถไปทำงานในช่วงเวลานี้ ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งรถฟรีแบบผม...หรือคุณครูคงเบื่อรถเมล์แล้วกระมัง *-* ...บนรถเมล์ก็มีหลายเหตุการณ์เหมือนกันครับ
21 สิงหาคม 2551 17:44 น. - comment id 101020
ชอบค่ะ ประสบการณ์บนรถเมล์มีอะไรหลายอย่างที่น่าหยิบจับเอามาเขียน คุณเอื้องคำเองเป้นคนหนึ่งที่ทำได้ค่อนข้างดีมากเลยละค่ะ ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งกันอ่านค่ะ
21 สิงหาคม 2551 20:40 น. - comment id 101093
...คุณนทธี ศศิวิมล แหม...อุตส่าแวะมาเยี่ยมเยียน แถมมาพร้อมคำชมซะอีก อย่างนี้ก็เขินสิครับ *-* มีหลายสิ่งที่ผ่านเข้ามาชีวิตประจำวัน ผมเพียงไม่อยากให้มันผ่านไปเป็นเพียงเมื่อวาน เลยนำมาบันทึกไว้ครับ คุณนทธีเองก็เขียนได้ดีมากเหมือนกันครับ ยินดีมากครับที่แวะมา
27 สิงหาคม 2551 11:23 น. - comment id 101244
ประสบการณ์บนรถเมล์มีเยอะค่ะ เคยขึ้น รถเมล์มีคนลุกจะเดินลง พอเราจะไปนั่ง แหมๆๆๆๆมีคนแย่งเรานั่งเฉยๆเลย ผู้ชายด้วยค่ะ แวะมาอ่านค่ะ
29 สิงหาคม 2551 09:00 น. - comment id 101275
...คุณแก้วประภัสสร ครับ พูดไปก็น่าเห็นใจผู้โดยสารครับ บางคนเห็นคนท้อง ยังแกล้งหลับ คนแก่ก็ยืนหอบของพะรุงพะรัง หลายครั้งที่คนควรได้นั่ง กลับไม่ได้นั่งเพราะถูกแย่งที่นั่งครับ ตรงกับคำบาลีที่ว่า "ฐินํมินํ จมํ ฐิกุนํ" แปลว่า ที่มีให้นั่งไม่นั่ง จะมานั่ง ที่กุจะนั่งครับ...