กล่าวกันว่า คนจะประสพความสำเร็จในธุรกิจได้ต้องมีทั้ง เก่งบวกเฮง แต่นิยามสำหรับผมแล้วผมอยากจะใช้คำว่ากล้าบวกบ้า มากกว่า เผอิญผมยังไม่ประสพความสำเร็จในธุรกิจเสียด้วย คำพูดอาจไม่มีน้ำหนักสักเท่าไร แต่นี่คือนิยามที่ผมเคยได้ยินคนที่ประสพความสำเร็จเขาพูดให้ฟัง และผมก็อดนิยมชมชอบไม่ได้ จิตใจที่เกินร้อย ความมุ่งมั่นที่เต็มเปี่ยม และที่สำคัญลูกบ้าไม่เหมือนใคร ในนิยามของความรักผมก็เคยได้ยินได้ฟังมาว่า ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ซึ่งมันน่าจะหมายถึงความเอาใจใส่ห่วงใยและดูแลความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เป็นแบบ POPK ผีเข้าผีออก ผลุบตรงโน้นที โผล่ตรงนี้ที มันต้องเป็นแบบไม่ขาดไม่ลา ไม่มาสาย มันคุ้นๆคล้ายๆชีวิตลูกจ้างยังไงไม่รู้ แล้วมันก็ไปเข้ากับหลักการในการบำเพ็ญเพียรเพื่อมุ่งสู่โพธิญาณของบรรดานักบุญทั้งหลาย เขาเปรียบเทียบเหมือนการเอาไม้มาสีกันจนเกิดไฟขึ้นมา ถ้าสีเร็วไปก็เหนื่อยล้มเลิกไปก็มี ถ้าสีช้าไปก็นานกว่าจะเห็นผล จนอาจคิดไปว่าไฟคงไม่มีทางเกิดได้ แต่ถ้าสีไปแบบสม่ำเสมอ ไม่หยุดไม่ท้อ ไม่ถอยความร้อนสะสมมากๆมันก็จะกลายเป็นเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาเอง ไฟก็คือโพธิญาณนั่นเอง เพียงแต่มนุษย์เราไม่ค่อยมีความอดทนรอ ใจเร็วด่วนได้ และเบื่ออะไรง่ายๆ คนรวยบางคนที่สร้างชีวิตมาจากสองมือเปล่า บางคนเริ่มจากการติดลบมีหนี้สินล้นพ้น แล้วสามารถพลิกชีวิตขึ้นมาสำเร็จจนได้ เขามักมีแง่คิดที่ดีๆมาสอนใจเสมอ เช่น ทำแบบโง่ๆ ซื่อๆ ทำซ้ำๆซากๆ ยิ่งรวยแล้วรวยอีก อาจเป็นไปได้ว่าคนทั่วไปฉลาดเกินไป รู้มากเกินไป เรียนมากเกินไป ขยะในสมองมันได้ห่อหุ้มปัญญาเอาไว้จนหมดสิ้น ต้องการและพึ่งพาเพียงความมั่นคงในชีวิต ดังนั้นจึงชอบเงินเดือนเป็นที่สุด และไม่ชอบความเสี่ยง แต่คนที่สำเร็จเขาบอกว่า คนจนกลัวความผิดพลาด จึงชอบเป็นลูกจ้างเสียส่วนใหญ่ ส่วนคนรวยชอบเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อความเป็นอิสรภาพทางการเงินและเวลา ไม่ชอบความมั่นคง กล่าวคือมีเงินเหลือเฟือ เวลาว่างเยอะกว่า จึงชอบเป็นเจ้าของธุรกิจเสียส่วนใหญ่ การทำซ้ำๆซากๆในแนวทางที่ถูกต้องอย่างมุ่งมั่นน่าจะเป็นเคล็ดลับในเรื่องนี้ การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างคนรัก การสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและทีมงานหรือเครือข่าย และการบำเพ็ญเพียรอย่างสม่ำเสมอด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น สำหรับผมมันคือสิ่งเดียวกัน หลักการเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันตรงจุดมุ่งหมายเท่านั้น แม้ทั้งสามเรื่องจะมีหลักการเดียวกัน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกระทำพร้อมกันได้ เพราะจะเข้าตำราจับปลาหลายมือ ย่อมจะขาดความมุ่งมั่นแบบรวมศูนย์ ให้เป็นหนึ่งเดียว เมื่อสมาธิถูกแบ่งแยก ทำการสิ่งใดย่อมยากสำเร็จ วิธีแก้อาจต้องทำทีละเรื่องๆไป หรือลำดับความสำคัญ หรือไม่ก็ให้น้ำหนักในเรื่องที่จำเป็นต่อชีวิตก่อน เป็นเรื่องของการบริหารจัดการเวลาของชีวิตแต่ละคน ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ใครหล่ะใช้มันได้คุ้มค่ามากกว่ากัน ในการสร้างสรรค์เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ตนต้องการ ค้นหาเป้าหมายให้เจอก่อน แล้วมุ่งหน้าเดินอย่าท้อถอย อุปสรรคมีไว้เพื่อแก้ไข ไม่ใช่เพื่อหลบหนี หรือสร้างความรำคาญต่อจิตใจ สรุปรวมแล้วไม่ว่าจะมีจุดมุ่งหมายในชีวิตอย่างไรทุกคนก็กำลังฝึกฝนความเชี่ยวชาญต่างๆเก็บเป็นประสบการณ์ซึ่งอยากจะเรียกมันว่า ปัญญา ปัญญามากปัญหาน้อย ปัญญาน้อยปัญหามาก เป็นเรื่องธรรมดา ใช่แล้ว ใครๆก็ไม่อยากดิ้นรน อยากอยู่เฉยๆ อยากสบาย ไม่อยากปวดหัว บางครั้งจึงเพิกเฉยต่อโอกาสดีๆในชีวิตที่เข้ามา แต่ปัญหาก็ยังคงรุมเร้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ยากจะอยู่ได้อย่างสงบสุข ก็ใจจะสงบได้อย่างไร ถ้าวันๆเดิน ยืน นั่ง นอนอยู่ในห้องเดียวกันกับงูพิษตั้ง 3 ตัว คือความโลภ ความโกรธและความหลง ถ้าจะให้สงบก็แค่จับมันออกไปทิ้งนอกประตูก็เท่านั้น ชีวิตก็คงผ่อนคลายมากกว่านี้ พูดถึงในส่วนของจิตใจเท่านั้น ส่วนร่างกายจะวุ่นขนาดไหนก็ไม่เกี่ยวกัน แต่ช่วงแรกๆก็คงต้องหาเวลา สถานที่ๆเงียบๆบ้างเพื่อตรวจสอบความคิดจิตใจของตนเอง ว่าถูกว่าควรเป็นอันตรายกับตัวเองและคนรอบข้างหรือไม่ ถ้าทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือนร้อนก็คงไม่สู้ดี เวลาส่วนใหญ่จะหมดเปลืองไปกับการคิดแก้เผ็ดกัน จ้องเอาชนะกันแล้วจะค้นหาความสงบสุขได้จากที่ไหน ทุกคนต้องการอิสรภาพ อิสระเสรีแต่จะเริ่มต้นที่ไหนหล่ะ ถ้าไม่ใช่ใจ ?
5 กรกฎาคม 2551 12:49 น. - comment id 83163
ต้องอาศัยใจเพียร อดทนด้วย ชีวิตหากไม่สู้ ก็ไม่ใช่ชีวิต ดูแต่ไม้ล้มหากรากเขาไม่ขาด พอหากินได้อยู่เขายังผลิกิ่งก้านใบ และให้ผลต่อได้อีก เรามนุษย์ก็เช่นกัน แค่อุปสรรคขวากหนาม หากมุ่งมั่น พยายาม ความสำเร็จที่ปลายทางย่อมจะมี ไม่ช้าก็เร็ว ตามแต่เหตุ เพียงแค่พัก เมื่อเหนื่อย อย่าท้อแท้ ถอยแก่อุปสรรค ขวากหนามใดๆ