นิทานกิ้งก่า

หมอกจาง

กาลครั้งหนึ่ง มีเจ้ากิ้งก่าตัวหนึ่ง วิ่งลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้
และมันก็รู้สึกว่า โลกใบนี้สวยงามและกว้างใหญ่นัก
มันวิ่ง วิ่ง และ วิ่ง 
อย่างร่าเริง อย่างอยากรู้อยากเห็นและอย่างตื่นตาตื่นใจ
เมื่อมันวิ่งผ่านดอกไม้ มันหยุดชมสีสันและดมกลิ่ม
เมื่อวิ่งผ่านพุ่มไม้มันหลงใหลในสีสวยของผลไม้ผลเล็กๆ
มันก้มลงเลียน้ำค้างที่ห้อยค้างบนใบเฟิร์นขดกลมยามที่มันกระหาย
และเมื่อหิวมันก็มองหาเพียงแมลงเล็กเล็กสักตัวสองตัว เพื่อที่จะคิดว่าท้องมันได้รับอาหารเพียงพอแล้ว
มันวิ่ง วิ่ง วิ่ง และ วิ่ง
โดยไม่เคยสักครั้ง ที่จะหันมองกลับหลัง
ด้วยมันคิดว่า แม้มันจะหันไปมอง สิ่งที่มันเห็นก็ย่อมไม่ต่างจากที่เคยเห็น
โลกที่มันผ่านมาก็ย่อมเป็นอย่างที่เคยเป็น
เป็นเหมือนอย่างที่มันเพิ่งพบเห็น และเป็นเหมือนก่อนหน้านั้น
แต่มันจริงอย่างนั้นหรือ
เจ้ากิ้งก่าไม่เคยคิดที่จะพิสูจน์
มันวิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง และ วิ่ง
ขอบฟ้าใกล้เข้ามาเรื่อยเรื่อย แต่สิ่งที่ให้มันดูเหมือนจะยังไม่รู้จักจบสิ้น
ดอกไม้ยังคงเบ่งบานแปลกตา ผีเสื้อยังคงเป็นผีเสื้อสีสันใหม่ใหม่
ผลไม้ยังมีให้ลิ้มลองไม่หมดไม่สิ้น
มันเร่งรุดไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้จักเกรงใจ
ด้วยว่ามันเป็นเพียงกิ้งก่าตัวเล็กเล็ก
ที่รอยเท้าแผ่วเบาเท่ารอยลม และร่างกายอ่อนนุ่มเหมือนปุยนุ่น
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ ?
เสียงสายลมกระซิบถามที่ข้างหู
จริง-เจ้ากิ้งก่าตอบ
เป็นเช่นนั้นแน่หรือ
เสียงใบหญ้าไถ่ถามมาจากเบื้องล่าง
และเจ้ากิ้งก่ายังคงตอบว่า-จริง
เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ
ปุยเมฆถอดทอนมาจากเบื้องบน
เจ้ากิ้งก่าจึงหยุดและค่อยค่อยเหลียวมองอย่างช้าช้า
และมันก็ได้พบ ว่าโลกเบื้องหลังของมันนั้นเต็มไปด้วยความบอบช้ำ
พุ่มไม้ทลายราบไปทาง ดอกไม้ถูกขยี้ด้วยรอยเท้าขนาดใหญ่
ฝูงนกแตกตื่นโบยบินขึ้นสู้ท้องฟ้า ต้นไม้ใหญ่หักโค่นระเนระนาด
ผิวน้ำสั่นระริกอย่างขวัญเสีย เสียงผืนดินครวญคราง-โอดโอย
ผีเสื้อกระพือปีกอย่างอ่อนล้า ก่อนทิ้งตัวลงนอนตายที่พงหญ้าเบื้องล่าง
ทุกสิ่งล้วนแหลกลาญลง ไม่เหมือนเดิม
โลกที่มันเห็นไม่เหมือนเดิม
ทำไม? – มันถาม
สายลมไม่ตอบ
ต้นหญ้าไม่ตอบ
ปุยเมฆเอาแต่ทอดถอนใจ
กระทั่งในที่สุด ผิวน้ำที่ไหวระริกก็ค่อยๆสงบลง กระซิบแผ่วแผ่ว
-ว่าเจ้าเดินมาดูอะไรนี่สิ
อย่างขลาดกลัวและลังเล
เจ้ากิ้งก่าค่อยๆก้าวไปที่ผิวน้ำ 
มันได้ยินเสียงสะเทือนและรู้สึกถึงการกระเพื่อมไหว
และเมื่อมันชะโงกหน้าลงไปมองผิวน้ำ
มันก็เห็นตัวมันเอง
ร่างกายอันใหญ่โตของตัวมันเอง
เจ้าไม่ใช่กิ้งก่า แต่เจ้าคือไดโนเสาร์ – เสียงปุยเมฆบอก
				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    17 มิถุนายน 2551 09:52 น. - comment id 100523

    นึกว่าจะมีทองด้วยเสียอีกค่ะ ^_^
    
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • ก้าวที่...กล้า

    17 มิถุนายน 2551 10:10 น. - comment id 100525

    มันคงอยากเป็นกิ้งก่าเนาะ...
    
    คืนนี้นอนไม่หลับ แหง๋ม 53.gif36.gif
  • แมงกุ๊ดจี่

    17 มิถุนายน 2551 11:12 น. - comment id 100529

    สวัสดีค่ะ  คุณหมอกจาง...
    
    กิ้งก่ายักษ์
    แท้จริงคือไดโนเสาร์...
    
    บางทีเราก็อยากเป็นสิ่งเล็ก ๆ   เพื่อสัมผัสกับบางสิ่ง...36.gif
  • โคลอน

    17 มิถุนายน 2551 16:28 น. - comment id 100533

    เข้าตำรา ตัวใหญ่แต่ใจเล็กป่ะคะ46.gif36.gif
    
    ทักทายๆ.....อย่าหายไปนานสิคะ....อยากอ่านผลงานอีก40.gif
  • หมอกจาง

    17 มิถุนายน 2551 17:41 น. - comment id 100537

    เพียงพลิ้ว
    
    จริงๆมันก็มีแหละครับ แต่ผมตบไปขายแระ 46.gif
    
    ................................
    
    ก้าว..ที่กล้า
    
    มันไปนั่งเครียดอยู่ที่มุมบันไดอยูสัก่ครึ่งคืนได้มั้งครับ เมื่อคืนน่ะ 11.gif
    
    .....................................
    
    แมงกุดจี่
    
    บางที เราก็ไม่รู้ตัวเองหรอกครับ ว่าจริงๆแล้ว เราเล็กหรือใหญ่แค่ไหน.. 
    
    36.gif36.gif
    
    ......................................
    
    คุณโคลอน
    
    ขอบคุณครับที่นึกถึง 6.gif
    
    .........................................
  • กีกี้

    19 มิถุนายน 2551 17:20 น. - comment id 100549

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ..
    
    เรามิได้เป็นสิ่งที่เราคิดเสมอไปใช่มั๊ย?
  • หมอกจาง

    19 มิถุนายน 2551 19:21 น. - comment id 100553

    ช่าย กีกี้
    
    ......................
    
    บางครั้ง เรามองตัวเองเล็กเกินไป
    
    บางครั้ง เรามองตัวเองใหญ่เกินไป
    
    .......................
    
    บ่อยครั้งที่เรามักถูกสอนให้ไม่มองตัวเองให้ใหญ่เกินไปนัก จนบางครั้งทำให้เรามักมองสิ่งที่เราเป็นนั้นเล็กกว่าความเป็นจริง 
    
    ซึ่งอันที่จริง ไม่ว่าเราจะมองตัวเราเองใหญ่กว่าที่เราเป็น หรือมองว่าเล็กกว่าที่เราเป็นจริงๆ  มันก็ไม่ดีทั้งคู่
    
    เพราะมันจะยากต่อการวางท่าทีที่มีต่อโลก ต่อคนรอบข้างให้เหมาะสม หากเราไม่สามารถเห็นตัวจริงๆของเรา ว่าเล็กหรือใหญ่เท่าไหน
    
    36.gif36.gif
  • กีกี้

    19 มิถุนายน 2551 20:39 น. - comment id 100554

    มันก็ยากนะ
    
    เราจะมองเห็นตัวเองได้เพียงเงาสะท้อนจากกระจก หรือผืนน้ำ เท่านั้น
    
    แต่กระจกแต่ละบานก็สะท้อนเงาของเราอ้วน ผอม ไม่เท่ากัน 
    
    จะรู้ได้ยังงัยล่ะ ว่าจริงๆ แล้วเราอ้วนแค่ไหน หรือผอมเท่าไรกันแน่
  • หมอกจาง

    19 มิถุนายน 2551 20:54 น. - comment id 100555

    มันอาจไม่มีทางมองได้ชัด 100% หรอกมั้ง
    
    แต่ขอเพียงเราประมาณได้ใกล้เคียง ไม่ผิดเพี้ยนไปมากมายนัก ไม่หลอกตัวเอง 
    
    บางที เท่านั้นก็อาจจะพอเพียงแล้วหละ 
    
    1.gif
  • กีกี้

    19 มิถุนายน 2551 20:57 น. - comment id 100556

    11.gif
  • นายโอ๊ด

    20 มิถุนายน 2551 11:12 น. - comment id 100562

    อ่านแล้ว คิดถึงการจับกระปอม เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ (2525) ในสมัยที่ไฟฟ้ายังมาไม่ถึงถนนยังไม่ตัดผ่าน เป็นเกมที่ท้าทายในวัยนั้น ในสถานที่ที่บริสุทธิ์ คนที่บริสุทธิ์ ว้า แย่จัง29.gif29.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน