สงกรานต์ปีนี้เป็นปีเดียวที่ไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์ และยังเป็นปีที่เงียบเหงาที่สุดเท่าที่จำได้ในชีวิต ไม่นึกเลยว่าสงกรานต์ปีที่แล้ว จะเป็นปีสุดท้ายที่ได้รดน้ำขอพรพ่อ พ่อของฉันเริ่มป่วยหนักปลายปี 2549 ด้วยโรคไตและโรคเบาหวาน ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของปี 2550 ขณะที่ทุกคนฉลองกันอย่างมีความสุข ฉันนั่งเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล พ่อบอกให้ฉันนอน แต่ฉันจะนอนได้อย่างไรในเมื่อพ่อร้องครวญคราง เจ็บปวดทั้งคืน พ่อร้องไห้ทุกครั้งที่ฉันไปหา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พ่อไม่เคยแสดงอาการแบบนี้ให้เห็นเลย พ่อบอกว่า พ่อเสียใจที่ไม่ได้เลี้ยงฉัน และไม่ได้ดูแลเอาใจใส่อย่างที่ควรจะเป็น แต่ฉันไม่อยากให้พ่อพูดหรือคิดเรื่องนี้เลย เพราะสิ่งเดียวที่ฉันคาดหวังและต้องการ คือการที่พ่อได้เห็นลูกสาวคนนี้ในวันรับปริญญา อีกไม่กี่ปีเองนะพ่อ หลังจากนั้นพ่อก็เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นระยะ หมอแนะนำให้พ่อฟอกไต ซึ่งครอบครัวของพ่อก็ยินดีที่จะจ่ายถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายจะตกเดือนละเกือบ 3 หมื่นก็ตาม แต่พ่อก็ไม่ยอม พ่อบอกว่า ยังไงก็ต้องตาย ยื้อไว้ก็ไม่มีประโยชน์ พ่อไม่อยากทรมานไปนานกว่านี้ เก็บเงินไว้ให้ลูกจะดีกว่า พ่อยืนยันเสียงแข็ง การตัดสนใจของพ่อ ไม่มีใครกล้าทัดทาน ช่วงที่พ่อเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ ฉันยอมรับว่าเครียดมาก มันเป็นช่วงที่ทุกอย่างเป็นปัญหาเข้ามาสุมให้กลุ้มคิดมากในเวลาเดียวกัน เพราะฉันก็มีภาระที่มหาวิทยาลัยที่จะต้องดูแล การเฝ้าพ่อตอนกลางคืน แล้วไปเรียนตอนเช้ามันทรมานไม่น้อยเหมือนกัน บางครั้งคิดมากจนเบลอ ทำข้อสอบไม่ครบ และแล้วปลายเดือนพฤศจิกายน พ่อก็ป่วยหนัก พ่อพูดกับฉันว่า "กลับไปเรียนเถอะ คนเราจะตายก็ต้องตาย ตั้งใจเรียนให้ดี อนาคตอยู่ที่ตัวลูกเอง" ฉันยังจำสายตาพ่อที่มองฉันในวันนั้นได้ ไม่มีลืม อีก 2-3 วันต่อมา ฉันกำลังจะเริ่มเรียนตอนเช้า ก็มีโทรศัพท์มาบอกว่า พ่อไม่น่าจะพ้นคืนนี้ ฉันร้องไห้บอกเพื่อนเสียงสั่น เพื่อนเป็นห่วงและขอตามกลับบ้านด้วย แต่ฉันไม่อยากให้เพื่อนขาดเรียน และรู้ว่าตัวเองยังมีสติ จึงขับรถกลับบ้าน เมื่อ ไปถึงพ่อพูดจาไม่ร้เรื่องแล้ว ฉันเข้าไปหาและบอกว่า "หนูมาแล้วนะพ่อ" พ่อบอกว่า "ไอ้รจมันไปเรียน มันไม่อยู่ที่นี่ มันไปเรียนหนังสือ" วันต่อมาพ่อก็พูดไม่ได้ และอีก 2 วัน พ่อก็เสีย ฉันนั่งเฝ้าพ่อตลอด ไม่อยากแม้จะไปอาบน้ำ กินข้าว เพราะกลัวจะไม่ทันดูใจพ่อ ฉันอยากส่งพ่อ อยากอยู่ดูลมหายใจสุดท้ายของพ่อ ให้พ่อได้ไปในที่สงบ ในที่ที่ไม่ทรมาน ไม่ต้องร้องครวญครางเจ็บปวดอีกต่อไป งานศพพ่อฉันไม่ได้บอกใคร นอกจากเพื่อน 2-3 คน ที่รู้เรื่องนี้ แต่วันเผาก็มีคนมางานศพพ่อเยอะมาก ท้งอาจารย์ คณบดี เพื่อนๆ น้องๆที่มหาวิทยาลัย ในยามที่เราทุกข์ใจ ฉันก็ดีใจที่เห็นว่ามีคนที่คอยให้กำลังใจฉันอยู่ สงกรานต์ปีนี้ ถึงแม้ไม่ได้รดน้ำขอพรพ่อแต่ฉันก็เชื่อว่าคำพูดทุกคำที่พ่อพูดกับฉันก่อนตาย เป็นพรที่มีค่าให้ฉันได้ดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างถูกทาง สำหรับใครที่ยังมีพ่ออยู่ ก็อย่าลืมท่านนะคะไปรดน้ำขอพรกับท่าน ทำดีกับท่านมากๆ เพราะโอกาสในการทำเช่นนี้ ไม่ได้มีให้คุณทำ ในทุกๆปีที่คุณมีชีวิตอยู่
17 เมษายน 2551 14:49 น. - comment id 99959
ขอแสดงความเสียใจ และร่วมไว้อาลัยด้วยคนค่ะ สู้ ๆ ทำสิ่งที่ฝันให้สำเร็จนะคะ เพราะว่าพ่อคงมองเรามาจากบนฟ้าแน่ๆค่ะ
17 เมษายน 2551 16:00 น. - comment id 99961
เสียใจด้วยค่ะเสียใจอย่างมากมันเศร้ามากนะค่ะที่เกิดเรื่องแบบนี้กับคุณ
22 เมษายน 2551 14:35 น. - comment id 100003
เกิดมาหัวใจบริสุทธิดั่งผ้าสีขาว มาปรุงแต่ง โดยใส่ ความรัก โลภ โกรธ หลง และอื่นๆ ที่อยากใส่ เข้าไป แล้วแต่ว่าจะปลูกฝังอะไรลงไป แต่ไม่เคยเลยที่จะบอกว่าชีวิตนี้ ไม่มีอะไรที่ถาวรก็คือทุกสิ่งทุกอย่างน่ะนะ มันต้องเสื่อมสลายไม่มียกเว้น คนดีก็ต้องตาย คนชั่วก็ต้องตาย