เอื้องเหนือ
อิงภู
ในดงดอยสูงตระหง่าน เทียมฟ้าเทียมเมฆา
ม่านหมอกเหมยกระจาย ขาวบางเบาอยู่ทั่วทุกแห่ง
สายลมหนาวพัดพลิ้วพร่ายพรายอยู่ในอณูอากาศ
สาวน้อย เจ้าเอื้องเหนือ ดูสดใส แย้มยิ้มพริ้มพราย ดั่งแสงแรกแห่งตาวัน
วงหน้าขาวนวล ผิวเนียน ไร้การประปรุงผดุงแต่ง
แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ป่าเขา ลำเนาไพร
เธอยืนอยู่ในดงดอกเจราเนียมสีแดงสด ดูราวกับภาพวาดของศิลปินเอก
ถัดไป ฉากหลังเป็นตำหนักไม้หลังใหญ่ มีชานระเบียงกว้างขวาง
พุ่มไม้ดอกใหญ่น้อย หลากสีสัน ลดหลั่น้เล่นตามเชิงผา
ที่นี่คือดงดอยบนแดนดิน หรือถิ่นสวรรค์ครรไล
สาวน้อย เจ้าเอื้องเหนือ เธอเป็นผู้ดูแลตำหนักแห่งนี้เท่านั้น
ข้าฯ เองอยากยืนจมชมพิศดูสาวเจ้าอย่างนี้เนิ่นนาน
ทุกท่วงท่า อากัปกิริยา ราวเสกสรรบรรจงจินต์
เหมือนนางในถิ่นสวรรค์ มิปาน
หากแต่การมาครั้งนี้ของข้า
มิอาจเอื้อมดึงกาลเวลาอยู่ได้ให้นานเนา
มีพบย่อมมีจาก
หากแต่ยังมิทันเอื้อนเอ่ยทายทัก ก็จักกลับเสียแล้ว
ความประหม่าพรั่นพรึง ดึงไว้ให้เขินอาย
จนเมื่อเวลาวาย ก็เสียดายที่จะรู้จัก
สาวน้อย เจ้าเอื้องเหนือ เธอจะรู้ไหมว่ามีใครแอบชื่นชม
หวังประสมจิต คิดว่าเพลาหนึ่ง ข้าฯ จักกลับมาใหม่
ณ ที่แห่งนี้ ดงดอยในแดนดิน ราวถิ่นสวรรค์
กับสาวเจ้า เอื้องเหนือ
ไพรพฤกษ์ แห่งหุบเหว จะกู้ร้องเรียกหัวใจให้กลับมา
และครานั้น หวังว่าเราคงได้รู้จัก
ทายทักกันและกัน
รอฟ้า รอเวลา โอกาสหน้าคงเจอะเจอ
สาวน้อย เจ้าเอื้องเหนือ.
(ทั้งสองจะได้พบเจอกันหรือไม่...)