ปลายตะวัน
ยาแก้ปวด
ตอน รอยอดีต
คงจะเป็นซอกแห่งความทรงจำครั้งหนึ่งที่ตัวเราคิดถึง ไม่ว่ามันจะผ่านไปนานเท่าไหร่แต่เราก็ยังคงจำได้ไม่ลืมเลือน ช่วงเวลาที่ผมนึกถึงมันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าเกินกว่าที่ผมจะบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรได้ คงเหมือนลิ้นชักความทรงจะต่างๆที่ค่อยๆเปิดมันออกมา
จำได้ว่าสมัยมัธยมต้น ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดเชียงราย ผมเป็นลูกชายคนกลางคนเดียวของครอบครัว มีพี่สาวและน้องสาวคือต้นแบบในการดำเนินชีวิตของผม แม่ผู้ซึ่งเป็นดวงใจของผม เลี้ยงดูทะนุถนอมผมราวกับไข่ในซอกหิน ไม่เคยสักครั้งที่ผมจะเป็นเหมือนนักเรียนชายอื่นๆ ที่มีเรื่องชกต่อย เกเรมาให้แม่ต้องปวดหัวสักครั้ง ผมไม่รู้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของรสชาติชีวิตหรือเปล่า กับการที่เราจะได้เอะอะเอ็ดตะโร ชกต่อยตีตามประสาเด็กผู้ชายแต่สำหรับผมดูชีวิตจะดำเนินไปเรียบๆไม่โดดเด่นไปเรื่อยๆ ผมเคยยืนมองอยู่ริมระเบียง
หน้าห้องเรียน เห็นเพื่อนนักเรียนชายวิ่งเตะฟุตบอลอยู่กลางลานกว้าง ใบหน้าเต็ไปด้วยหยาดเหงื่อ เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม แต่ใบหน้าเหล่านั้นกับเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ยิ้มอย่างอิสระ ยิ้มอย่างบริสุทธิ์ที่ไม่ต้องคอยระวังตัวเหมือนผม และด้วยเหตุนี้ละมั๊งที่ทำให้ผมเป็นจุดมุ่งหมายคอยโดนแกล้งจากนักเรียนหญิงแทน
ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าในตอนนั้น การที่นักเรียนหญิงคนหนึ่งจะคอยตามแกล้งผู้าอย
ผู้ชายรื่อยๆนั้นมันมีสาเหตุมาจากอะไร ผมรู้แต่ว่าปัจจุบันนี้เธอมีอำนาจในการดำเนินชีวิตของผมเสียเหลือเกิน เธอชื่อ "หนำเลี๊ยบ" เป็นผู้หญิงผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้ม อ่อนหวาน รอยยิ้มใสซื่อของเธอในตอนนั้นดูช่างยียวนในโสตประสาทของผมเสียเหลือเกิน เพราะเธอจะคอยตามแกล้งผมได้ทุกวี่ทุกวัน เธอและกลุ่มเพื่อนของเธอมักจะมองผมด้วยสายตาสนุกสนานเสมอราวกับว่าผมเป็นของเล่นของพวกเธอเหล่านั้น ไม่ว่าจะคอยเอากระเป๋าสตางค์ของผมไปซ่อนบ้าง รองเท้าบ้าง เสื้อกีฬาสีของผมบ้าง ในตอนนั้นผมได้แต่ฉุนตัวเอง อยากจะแกล้งคืนกลับทำไม่ได้ เพราะความที่พวกเธอเหล่านั้นเป็นนักเรียนหญิง ผมได้แต่ใช้สาาขู่สายตาดุๆข่มขู่พวกเธอ แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะทำให้เธอเลิกที่จะแกล้งผม แล้วด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผมได้รู้ทีหลังว่า การที่เธอแกล้งผมนั้น เพราะเธอสนใจผมนี่เอง
แต่เพราะความที่ผมไม่เคยเปิดโอกาสให้กับตัวเอง ไม่เปิดใจสู่สังคม ไม่เคยรู้ ไม่เคยสัมผัสว่ามิตรภาพความรักเป็นอย่างไร ผมจึงปล่อยให้ชีวิตวัยมัธยมผ่านไปอย่างไร้บทบาท เพราะวงจรชีวิตของผมเหมือนกับการถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ออกนอกระบบที่วางไว้ วัยมัธยมของผมผ่านไปอย่างราบเรียบ ไม่พุ่งปรี๊ดปร๊าดแบบคนอื่นๆ จนกระทั่งผมไปศึกษาต่อที่มหาลัยเชียงใหม่ ผมได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอายุมากกว่าผม เธอชื่อ "กวางตุ้ง" ตุ้งทำให้ผมได้รู้จักว่าความรักเป็นอย่างไร ผมเคยคิดว่า ตุ้งนี่แหละคือสุดที่รักที่ผมตามหา
เธอจะเป็นคนเดียวที่ผมจะทุ่มเททุกอย่างให้ แต่ไม่ว่าผมจะทุ่มเทเท่าไหร่ มันยิ่งเหมือนกับการเติมเชื้อเพลิงไปในใจผมเท่านั้น ถ้าเธอคือแสงไฟเธอก็คงเป็นแสงไฟที่สาดส่องใจผมให้มอดไหม้ตลอดเวลา เธอทำให้ผมได้สัมผัสกับความรัก ความหวานชื่น และความเจ็บปวด ถ้ามันคือความรักผมก็อยากจะบอกว่าความรักครั้งนี้ได้สร้างรอยแผลฉกรรจ์ในใจผมเป็นแผลที่บาดลึกเกินกว่าที่ผมจะลบเลือน และเพราะตุ้งอีกกระมังที่ทำให้ผมกับหนำเลี๊ยบค่อยๆห่างกันออกไป ไกลจนเหมือนว่าเราคงเป็นได้แค่รอยอดีตเท่านั้น...