ooo บุษบาเป็นเพื่อนรุ่นน้องของผม ตอนนี้เธออายุเข้าปูน 40 แล้วครับ แต่ยังไม่แต่งงาน ยังไม่แต่งงานนะครับ ไม่ใช่ไม่ยอมแต่งงาน ผมพบเธอครั้งหลังสุดในงานคืนสู่เหย้าของสถาบันเก่าเมื่อต้นปี เธอถามผมว่า พี่มีลูกกี่คนแล้วคะ ผมบอกไปตามตรงและถามเธอคืนบ้าง เธอก็ว่า ยังหาพ่อของลูกไม่เจอ เธอบอกผมว่า เธอคิด ว่าชีวิตครอบครัวคือชีวิตที่เปี่ยมสุข ผมหัวเราะในใจในความไร้เดียงสาในความรักของเธอ ขณะที่คิดว่า รึว่า.. เพราะเธอมองความรักสวยสดงดงามบริสุทธิ์แบบนั้น เธอจึงหาคนรักตามแบบในอุดมคติไม่พบ "ได้ยินจากรุ่นพี่ ๆ ว่าชีวิตครอบครัวของพี่อบอุ่นมีความสุข หนูก็นึกอยากมีครอบครัวแบบพี่บ้าง" ผมหัวเราะแทนการพูดตอบ "ถ้าหนูมีครอบครัว หนูคิดว่าครอบครัวของหนูต้องมีความสุขอบอุ่นแน่ๆ แต่แหม ทำไมมันถึงมีคู่ที่คู่ควรกันยากนักนะ" ผมหัวเราะอีก แล้วจึงถามบ้าง "เพื่อนของบุษบา มีใครยังครองโสดอยู่บ้าง" คำถามยังไม่สิ้นกระแสเสียงดีเธอก็ตอบสวน "เป็นสิบ" ผมยังจำน้ำเสียง สีหน้าของบุษบาและคนอ่น ๆ ได้ บรรยากาศในงานเลี้ยงวันคืนสู่เหย้านั้นจะคุยกันจริง ๆ จัง ๆ อย่างอยากคุยคงไม่ได้แน่ หลายอย่างผมตั้งใจไม่ตอบเธอ ผมเพียงถามไปว่า เห็นดาราออกทีวีเลิกกันไหม อะไรที่ทำให้ครอบครัวมีความสุขแน่ ๆ และมันมีความสุขจริง ๆ หรือ แม้บรรยากาศไม่เอื้อที่จะถามจะตอบเธอก็ยังบอกอย่างเชื่อมั่นว่า ชีวิตครอบครัวคือชีวิตที่มีความสุขที่สุด ===================================== ตอนเป็นนักศึกษาในคณะเดียวกันกับผม บุษบาแทบจะไม่แสดงท่าทีสนใจหนุ่ม ๆ คนไหนทั้งสิ้น ปีแรก ๆ เธอเรียนอย่างเดียว เหมือนเด็กเรียนทั่วไป ใครมาจีบเธอก็ทำเป็นไม่รู้ อย่างตอนนั้น คนที่จีบเธอชวนไปดูหนังเธอก็ไปแต่ไม่ใช่ไปสองต่อสองกับคนชวน เธอชวนเพื่อนทั้งกลุ่มไปด้วย เพื่อน ๆ ของเธอทั้งหมดได้ดูหนังที่มีคนออกตังค์ให้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไปไหนเรียกว่าอยู่ในสายตาของเพื่อนทั้งนั้น เป็นความฉลาดในการรักษาน้ำใจคนอย่างหนึ่งกับเป็นความเฉลียวในการสงวนท่าทีด้วยอีกอย่างหนึ่ง ปีสองปีสามมา บุษบาเปลี่ยนไปครับ จากเด็กเรียนอย่างเดียวกลายมาเป็นนักกิจกรรมตัวยง เธอทำงานในสโมรของนักศึกษาหลายอย่างตั้งแต่ทำค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติไปจนถึงค่ายรักการอ่านสำหรับเด็ก ๆ ในโรงเรียนห่างไกล พรรคพวกที่ไปดูหนังด้วยกันเธอชวนมาทำงานบำเพ็ญประโยชน์นี้จนหมด คนที่เคยจีบเธอพากันทยอยผละออกไปทีละคนเพราะอดทนที่จะทำงานค่ายไม่ไหว ในที่สุดเมื่อบุษบาขึ้นมาเป็นประธานชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท คนที่คิดจะจีบเธอก็ถึงกับหัวหดเพราะกลัวจะออกความคิดสู้เธอไม่ได้ ที่สำคัญก็คือชมรมมีกฎเหล็กที่ห้ามคนในชมรมแสดงออกต่อกันแบบหนุ่มสาว อาจจะรักกันได้ แต่ไม่ให้แสดงท่าทีครอบครอง เป็นเจ้าของ ผมได้รับเชิญจากบุษบาในฐานะศิษย์ร่วมโรงเรียนเดิมด้วย พี่คณะด้วย ให้เป็นฝ่ายศิลปะของชมรม มีหน้าที่เขียนป้ายผ้า ทำคัตเอาท์ ทำหนังสือ บางทีก็ขึ้นเล่นดนตรีร้องเพลงบนเวทีสโมสรนักศึกษา เพื่อต้อนรับน้องใหม่ด้วย ผมยอมรับว่าความคิดความอ่านทางการเมืองสู้บุษบาไม่ได้ตั้งแต่แพ้โต้วาทีระดับมัธยมที่โรงเรียนเก่าของเราแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้รู้สึกเสียหน้านะครับเพราะผมคิดว่าถ้าแข่งวาดรูปบุษบาก็แพ้ เรามีดีคนละอย่าง ยอมรับกันเสียก็ไม่ต้องข่มกันให้อยู่ลำบาก ผมรับปากบุษบาครับว่าจะช่วยงานทุกอย่างตามที่ร้องขอ ผมถนัดเรื่องงานใช้แรง บุษบาถนัดงานใช้หัว เธอวางแผนได้รอบคอบส่วนผมก็รับผิดชอบได้เรียบ พี่...น้ำในถังหมด ผมก็แบก พี่...ปลาในอ่างตาย ผมก็เปลี่ยนออก พี่..หนูเรียกเล่น ๆ ดอก ผมก็ไม่เอะอะ เรียกว่าผมเกือบเป็นพี่รับใช้บุษบาก็ว่าได้ บุษบาจึงปรึกษาผมด้วยความสบายใจ แม้ในเรื่องใกล้เคียงกับความรัก ประเภทหนูจะเลือกใครระหว่างคนนั้นกับคนโน้น เขารักหนูหรือว่าจริง ๆ เขาแค่ชอบ อะไรแบบนี้ ผมก็ตอบไปตามประสา ซึ่งผมเชื่อว่าบุษบาก็ถามไปอย่างนั้นเอง เธอมีความคิดเป็นของตัวเองแน่ชัดยิ่งนัก ในวงสนทนาของชมรม ผมไม่ค่อยได้แสดงความฉลาดมากนัก เพราะไม่มีประเด็นใหม่ไว้เสนอ เพียงแต่จับประเด็นที่กำลังพูดคุยกันได้แม่น ดังนั้นเมื่อบุษบาพูดผมจึงฟัง แต่ถ้าเขาเสียงดังไม่ตรงประเด็นผมก็ได้ท้วงบ้าง ชมรมเป็นทั้งที่ฝึกตนและชุบตัวของคนสนใจกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ใครก็ตามที่ผ่านชมรมนี้ไปเมื่อได้การงานทำเขาจะขึ้นเป็นผู้นำได้ไม่ยาก เพื่อน ๆ ที่ดูหนังด้วยกันกับบุษบาครานั้นบัดนี้เป็นผู้บริหารไปเกือบหมดแล้ว ผมเล่าให้ฟังเพื่อให้เห็นว่าบุษบานับถือผม และผมก็ชื่นชมบุษบาครับ เมื่อผมเรียนจบบุษบาจัดงานเลี้ยงให้ เธอกับเพื่อนทำกับข้าวง่าย ๆ กินกันในชมรมเพื่อแสดงความยินดี ผมอวยพรให้ทุกคนที่ทำงานด้วยกันประสบความสำเร็จในชีวิต ทุกคนก็อวยพรกันให้สมหวังในสิ่งดี ๆ ซึ่งผมก็สมหวังหลังจากจบไม่ถึงสองปีดี มีครอบครัว แต่หลังจากที่บุษบาส่งการ์ดอวยพรและของขวัญแต่งงานให้ผมแล้ว ผมก็ไม่ได้ข่าวจากเธออีกเลย จนเมื่อวันงานคืนสู่เหย้าที่ผมเล่าตอนขึ้นต้นเรื่องไปแล้ว ======================= หลังจากที่เจอกันในงานวันคืนสู่เหย้า ที่บุษบาให้เบอร์อีเมลและเบอร์โทรศัพท์แก่ผมไว้ เราก็ได้พูดคุยทางไกลกันหลายหน นั่นแหละที่ทำให้ผมได้รู้ว่าบุษบากำลังครุ่นคิดเรื่องครอบครัว "พี่รับอีเมล์ของหนูด้วยนะ หนูเขียนยาวเป็นวาเลย อ่านแล้วอย่าเพิ่งหัวเราะ ให้ช่วยวิเคราะห์ด้วยว่าคนที่เป็นแบบหนูนี่จะมีความสุขกับการมีครอบครัวได้ไหม ขอบคุณพี่ล่วงหน้ามากๆนะ แฟนพี่และลูก ๆ คงมีความสุขดีนะคะ" บุษบาคุยโทรศัพท์ไม่ยาวนัก เรื่องที่ยาวๆ เธอให้ผมไปอ่านเอาในจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เห็นมุมมองความรักของเธอ ผมขอถือโอการตัดจดหมายมาแปะให้อ่านเลย ตรงไหนไม่ควรอ่านออกอากาศ ผมก็จะทำจุดไข่ปลาไว้แทน เริ่มเลยนะครับ ...................... ถึงพี่สมโชค เจตนาจริงใจที่นับถือ ได้เกริ่นเรื่องนี้กับพี่ทางโทรศัพท์แล้ว จึงขอเข้าเรื่องเลย เรื่องมันเป็นยังงี้ค่ะ หนูได้รู้จักกับเขาเมื่อปีที่แล้ว เขามาที่โรงเรียนเพื่อจัดอบรมเด็กเรื่องคุณธรรมของมนุษย์ ทันทีที่เห็นเขาหนูรู้สึกศรัทธาโดยไม่มีสาเหตุ ถ้อยคำที่เขาพูด น้ำเสียงที่ได้ยิน มันเป็นอะไรที่หนูเคยคาดหวังอยากได้ยิน เด็กๆที่หนูดูแลอยู่พากันตื่นเต้นในกิจกรรมที่เขาให้เด็กได้มีส่วนร่วม ครั้นเมื่อกิจกรรมนั้นจบ เด็กๆพากันร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง หนูไม่อายเลยที่จะพูดว่าหนูแอบรักเขาอยู่เงียบ ๆ พี่ก็คงรู้ว่าหนูก็ไม่ได้รักใครง่าย ๆ แต่คนนี้ ใช่เลย หนูขอที่อยู่และและอีเมล์ของเขาเพื่อที่จะได้พูดคุยด้วย เขาให้นะคะ เราจึงได้ติดต่อกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ ส่วนมากเขาจะเป็นคนให้ข้อคิดเห็นเสนอะแนะในการใช้ชีวิตที่หนูต้องทึ่ง อึ้งไปเลยก็มี ทั้งหมดนั้นมันทำให้หนูมีความรู้สึกดีมากกับการมีครอบครัว แต่ก่อนก็เคยเถียงกันกับพี่นะ หนูจำได้พี่ยังเคยพูดเลยว่า ชีวิตครอบครัวมันเป็นชีวิตที่สุข ๆ ทุกข์ ๆ ชีวิตแบบคนโสดน่ะมีความสุขกว่า ตอนนั้นพี่ว่าอยู่เป็นโสดน่ะดีกว่า หนูว่า ไม่ เป็นโสดมันเหมือนชีวิตขาดอะไรไปซักอย่าง เช่นความรักแบบพ่อแม่ ความรักแบบผู้ให้ อะไรแบบนั้น เราเถียงกันเอาจริงเอาจัง จนหนูคิดว่าพี่จะครองชีวิตโสด ที่ไหนได้ พี่หนีไปแต่งงานก่อนหนูอีก แสดงว่า ที่พี่พูดกับที่พี่คิดเป็นคนละอย่าง หนูพูดไม่ผิดใช่ไหมคะ กลับมาที่ประเด็นเดิมนะ ....หนูผิดไหมที่ไปแอบรักเขา ที่ถามเพราะมันไปไกลถึงขั้นอยากแต่งงานกับเขาด้วย เขาเป็นนักบวชน่ะค่ะ... อ่านข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาถึงตรงนั้นผมก็ถึงกับอึ้ง แหมบุษบามาไกลมาก ผมจะตอบคำถามนี้ได้หรือครับ ผมยังสอบไม่ผ่านใบประกาศนักจริยธรรมศึกษาเสียด้วย ออกความเห็นไปก็เกรงว่าจะเป็นบาปกรรมเปล่า ๆ จดหมายของบุษบาทำให้ผมต้องหันหน้าเข้าหาหนังสือจิตวิทยาและธรรมะ อ่านไปก็มึนไป ไม่ใช่มึนในความไม่เข้าใจหนังสือ มึนตรงที่มันหาคำตอบไม่เจอ เธอผิดไหมครับที่ไปรักเขาถึงขั้นอยากแต่งงานด้วย ====================== ผมยังไม่ตอบ แต่ได้เล่าเรื่องของความรักระหว่างนักบวชกับหญิงชาวบ้านคู่หนึ่งที่ในที่สุดฝ่ายชายเป็นฝ่ายตกลงใจละผ้าคลุมกายสีกลักมารับรักหญิงผู้ส่งปิ่นโตยามเช้าและก่อนเที่ยง ชาวบ้านรุมสวดกันทั้งหมู่บ้านในการที่นางเป็นต้นเหตุให้อีกฝ่ายทำลายศรัทธาของผู้คนที่คาดหวังจะไปดีในโลกใหม่หลังความตาย ความรักนั่นแหละที่ทำให้นางเลือกทางนั้น คือครอบครองใจของชายผู้เคยครองศรัทธาของชาวบ้านร้านตำบลไว้เพียงลำพัง นางคาดหวังเขาเติมเต็มหัวใจดวงเหงา อันเนื่องมาจากคู่คนเก่าละโลกไปนานแล้ว ผมเห็นคู่ผัวเมียคู่นี้อยู่กินกันอย่างเงียบเชียบ ราวไม่กล้าที่จะเหยียบย่างไปที่อื่นใด ด้วยกลัวภัยของแรงดีดกลับแห่งศรัทธา เขาทำมาค้าขายไม่ขึ้น เพราะคนไม่อยากคบค้าด้วย นางทำมาค้าขายไม่รุ่งเรือง เพราะคนที่เคยเป็นคู่ค้าต่างก็เคืองในกรรมอันนั้นแห่งนาง สีหน้าของเขาทั้งคู่หม่นหมองลงมาก ผิดจากคราวที่เขายังเป็นนักบวชตอนนั้นผิวผ่อง ราศีจับปานมีแสงเรืองรองจากกายจนสะกดใจใครต่อใครได้ ผมถามเธอว่า ถ้าบุษบาตกอยู่ในภาวะเช่นนี้จะรับได้ไหวไหม แต่ผมก็บอกว่าผมยืนยันได้แน่ ๆ ว่า คนทั้งคู่รักกันจริง ๆ ไม่ใช่การที่ฝ่ายหญิงคิดปอกลอกเอาทรัพย์ของอีกฝ่าย ผมส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปตามที่อยู่ของบุษบาแล้ว แต่การตอบกลับยังไม่มี โทรหาก็คล้ายว่าบุษบาไม่รับสาย เสียงที่ตอบกลับมาบอกว่าสายนี้ยังไม่เปิดบริการ =========================== ในที่สุดผมก็ได้รับโทรศัพท์เบอร์ใหม่จากบุษบา เธอว่าได้อ่านเมล์แล้ว และเธอว่าเรื่องมันพลิกไปอีกทาง "เขาฝากคนอื่นมาบอกหนูนะพี่ ว่าที่ผานมาน่ะขอโทษด้วย เขาไม่อยากให้ผู้คนสูญเสียความศรัทธาที่เขาอุตส่าห์สั่งสมมายาวนาน เขาจะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้หนู .. หนูอึ้งนะพี่ คือไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าหนู่รักเขา หนูไม่ได้บอกเขานะ ที่หนูว่าหนูอยากแต่งงานกับเขา หนูก็จำได้ว่าไม่เคยพูดออกไป ก็อาจมีบ้างตรงที่หนูบอกว่าหนูมีความรู้สึกดี ๆ ที่ได้พูดคุยกัน " ผมเงียบฟังถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจากใจของสาวน้อยเพื่อนร่วมสถาบัน เธอว่าเขาน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ ทำแบบนี้มันน่าสงสารอย่างไรไม่รู้ คนเราแค่มีความรู้สึกดี ๆ รักก็รักอยู่ในใจ ไม่ได้บอกให้ใครต้องลำบาก ทำไมจะต้องคิดว่าเป็นความชั่วร้ายนักหนา "ถึงตอนนี้หนูคิดว่าหนูกำลังมีข้อสรุปเรื่องความรักนะ....พี่ยังฟังอยู่ใช่ไหม.." ผมบอกให้บุษบาพูดต่อไป ผมยังฟัง "..คือว่าถึงยังไงหนูก็ยังมีความรู้สึกดี ๆ กับความรักนะ อยากมีครอบครัวอบอุ่นมีความสุข ถ้าหนูเป็นแม่ของลูกหนูจะทำหน้าที่ของแม่ให้ดีที่สุด หนูจะทำให้ครอบครัวเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ถ้าหนูไม่มีวาสนาที่จะมีครอบครัวจริง ๆ หนูก็จะวาดภาพนั้นไว้ในใจ เพื่อให้พอได้นึกฝันเอาแค่เลา ๆ ก็ยังดี.." ผมบอกบุษบาว่าผมยิ้มต่อถ้อยคำของเธอ ถึงเวลานี้ ผมเชื่อว่าเธอคงไม่ต้องการคำตอบใด ๆ จากผมแล้ว ก่อนจบคำสนทนาทางโทรศัพท์ ผมไม่ลืมที่จะอนุโมทนาสาธุในการที่เธอจะหันหน้าเข้าหาวัดเพื่อสงบจิตใจอีกครั้ง "ถ้าน้องพบทางพ้นทุกข์ อย่าลืมพี่นะบุษบา" เสียงจากโทรศัพท์ได้ยินชัดเจนว่าเธอลากเสียงค่อนข้างยาว และคงปนยิ้ม ๆ
13 มีนาคม 2551 19:20 น. - comment id 99499
สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์ นำเรื่องมาเขียนน่าสนใจนะคะ เรื่องของความรักนี่พูดยาก การมองหาใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิตนี่ยากยิ่งนัก ฮ่า ฮ่า
13 มีนาคม 2551 20:54 น. - comment id 99501
การครองคู่เป็นบุพเพสันนิวาส หรืออะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ
13 มีนาคม 2551 21:48 น. - comment id 99502
มีนว่าต่อไป มีนคงเหมือนคุณบุษบาเป็นแน่
13 มีนาคม 2551 21:53 น. - comment id 99503
ขอให้ยิ้มไว้ก่อนครับคุณมีน
14 มีนาคม 2551 07:12 น. - comment id 99507
สวัสดีตอนเช้าค่ะ แหมนะ เรื่องความรักนี่มันละเอียดลึกซึ้งมาก เป็นเรื่องของหัวใจที่ไม่สามารถเอาเหตุผลมาแทนที่ได้เลย หรือถ้าคิดจะวัดความรักนั้นด้วยสมองและเหตุผล ก็คงต้องแลกด้วยความเจ็บปวดไปบ้างไม่มากก็น้อย ผิดมั๊ยคะที่คิดอย่างนี้
14 มีนาคม 2551 07:14 น. - comment id 99508
บุษบาก็ถามผมแบบนี้แหละครับ อรุณสวัสดิ์ครับคุณการัณยภาส
14 มีนาคม 2551 07:59 น. - comment id 99512
ใครนะบอกว่าความรักเหมือนอากาศ ไม่มีไม่ได้ เพราะมันจำเป็น ยามที่เจอคนที่"คิด"ว่า"ใช่" มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ไม่แปลกเลยที่เราจะประทับใจกับใคร กับคำพูดที่มันตรงใจ ความหวังเป็นสิ่งสวยงามเสมอ เป็นสิ่งที่เป็นของเรา เป็นความอบอุ่น แต่ความคาดหวัง ทำให้ชีวิตร้อนได้ ไม่มีใครบรรลุจิตเรื่องความรักหรอกครับพี่ รักก็รักน่ะ แต่เรื่องการอยากมีครอบครัว ไม่แน่ใจ.. ปล่อยให้มันเป็นไป เพราะความรักมักมีทางออกในตัวมันเองเสมอ สวัสดีครับพี่ มาอ่านอยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่ได้เขียนอะไร เขียนไปเรื่อย ๆ นะครับ จะเป็นกำลังใจให้อยู่เงียบ ๆ ตรงนี้
14 มีนาคม 2551 17:28 น. - comment id 99519
ขอบคุณครับคุณร้อยแปดพันเก้า- ผมกำลังทบทวนทฤษำเกี่ยวกับความรัก ในมุมมองต่าง ๆ เป็นเรื่องสั้น ๆ พวกนี้ ดีใจที่ได้พูดคุยกันครับ ยังระลึกถึงเสมอครับผม
14 มีนาคม 2551 20:35 น. - comment id 99523
สวัสดีคะ ก่อพงษ์ "ยามที่เจอคนที่"คิด"ว่า"ใช่" มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้" คุณร้อยแปดพันเก้า อธิบายได้แจ่มแจ้งดีจัง บางครั้งความรักกับการต้องการมีครอบครัว ก็สวนทางกันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ดิฉันคิดว่า คุณบุษบา เธอกำลังตกอยู่ในช่วง "หลงรัก ลุ่มหลง ได้ปลี้ม" มากกว่าคะ ยิ่งคนนั้นเป็น "เป็นนักบวช" ท่านต้องมีจิตวิทยาในการพูดอบรม เข้าถึงจิตใจและจุดอ่อนของคนในการนำเสนอคำพูดให้คล้อยตามได้อยู่แล้ว ดิฉันเคยทำงานด้านการฝึกอบรม เป็นวิทยากรมาก็หลายที่ ฉะนั้นจุดประสงค์ในการพูดแต่ละที่แต่ละกลุ่ม จะใส่ทัศนะที่ต่างออกไปเพื่อให้เขาเกิดความคล้อยตามในสิ่งที่เราพูด บางเรื่องหัวเราะ บางเรื่องเรียกน้ำตา อยู่ที่จิตวิทยาของคนพูด คนที่กำลังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ "น่าเป็นห่วงนะคะ" ต้องมีคนคอยเตือนสติและเข้าใจเธอ โชคดีนะคะที่เธอเลือกที่จะปรึกษาคุณก่อพงษ์ ขอเป็นกำลังใจบุษบา
14 มีนาคม 2551 21:03 น. - comment id 99525
สวัสดีครับคุณรอยทาง ผมก็เดาว่าบุษบากำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ลุ่มหลง เธอจะผ่านมันได้หรือไม่ ก็นึกเอาใจช่วยนะครับ
14 มีนาคม 2551 21:20 น. - comment id 99526
สวัสดีค่ะ พี่ก่อพงษ์ จริงๆแล้วบัวกำลังรอให้พี่ตอบปัญหา และหาทางออกให้กับคุณบุษบาอยู่นะค่ะเนี่ย ความรักก็เป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกันแหล่ะค่ะ ยิ่งหนี ยิ่งเจอ พยายามจะห้ามใจก็ดูเหมือน จะโดนติดกับให้ตกหลุมลึก ความประทับใจมันซึมซับหล่อหลอมลงไป ทีละน้อยจนก็คิดไม่ออกว่า มันซึมเข้าไปในหัวใจได้ตอนไหนกันแน่ ทั้งที่คอยระวังตลอดเวลา หรือประมาณที่ว่า ครั้งแรกที่เจอไม่คิดจะสนใจ พอนานไปความเคยชินมันเกาะเชาะเข้าไป ทำให้เกิดพลังเกิดความหวัง เกิดความอบอุ่น แผ่ไปทั่วความรู้สึกของอารมณ์และจิตใจ บัวก็ว่าความรักมันทำให้โลกนี้ดูสวยงามไม่อับเฉา เมื่อความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับใคร และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ใจเราก็คิดอยากอยู่ใกล้ อยากดูแลอยากทำให้เขาสบายใจ อยากแชร์ความรู้สึกเมื่อเค้าเกิดความทุกข์ แต่ความรักก็ใช่จะราบเรียบเหมือนใจเราปรารถนาก็หาไม่ ปัญหาอย่างคุณบุษบายังมีทางออกยังจะตัดใจลงได้ไม่ยาก เพราะก็มองเห็นแล้วว่าถ้าคนนั้นยังไม่ยอมสึกออกมาก็รอกันต่อไป และถ้ามั่นใจว่าเขาไม่ออกมาจากบรรพชิตแน่นอน ก็ยังตัดใจขาดได้ เพราะรับรู้ว่าเขา มิได้ไปมีใครที่ไหน เขาบำเพ็ญผลบุญอยู่ จิตใจของคุญบุษบายังยอมรับได้ไม่ยากอะไรนัก กับความจริงที่ปรากฏให้เห็น สมควรที่จะซาบซึ้งกับเขาไปด้วยในทางที่เขาเลือก แต่ถ้าถามว่า ก็เขาไม่ทราบว่าคุณบุษบาคิดอย่างไรกับเขา บัวคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่บรรพชิตรูปนั้นจะดูไม่ออก สื่อความรับรู้สัมผัสถึงกันแน่นอนค่ะ อิ อิ แต่ถ้าปัญหาแบบเนี่ยเกิดขึ้นกับคนที่มีภรรยาอยู่แล้วนี่สิหาทางออกยากกว่า ของคุณบุษบาเป็นไหน ๆ ความรักเรารักได้ค่ะ แต่ต้องอยู่ในรอบเขต และความเหมาะสมที่ควรจะเป็น แต่ถ้าถามว่าก็มันถูกชะตาและชอบคงมิใช้เพราะคนที่เราพบเจอทั่วไป ก็น่ามองทั้งนั้นนี่ค่ะ อิ อิ อิ สิ่งแรกที่สะดุดตาของทุกคนคือหน้าตามาก่อนอยู่แล้ว พอหน้าตาชอบมาเรียนรู้นิสัยใจคอเป็นอย่างไร ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความผูกพันทางครอบครัวเป็นอย่างไร ประเด็นหลายหลากในการที่คนสองคนจะมาอยู่ร่วมกันสร้างครอบครัวให้มีความสุข ความซื่อสัตย์่ต่อกันให้เกรียรติ์ซึ้งกันถนอมความรู้สึก เมื่อล้มลงก็ช่วยกันพยุงลุกขึ้นเดิน ไปด้วยกันชีวิตครอบครัวคงจะไปรอดแหล่ะค่ะแบบเนี่ย บัวบอกพี่ก่อพงษ์ไว้ก่อนค่ะ ว่าเมื่อไรที่พี่ก่อพงษรวมเล่มบัวจองค่ะ บัวขอให้พี่ก่อพงษ์พร้อมครอบครัวมีความเจริญและผาสุขค่ะ
14 มีนาคม 2551 21:54 น. - comment id 99528
สวัสดีครับน้องดอกบัว ผมยิ้มพอใจมากกับคำอธิบายเกี่ยวกับความรักในทัศนะของน้องดอกบัว ถึงขั้นชื่นชมเลยแหละครับ สำหรับข้อที่น้องบอกจองหนังสือ พี่รับทราบไว้นะครับ ขอให้มีความสุขนะครับบุษบาเอ๊ย ดอกบัว
16 มีนาคม 2551 04:17 น. - comment id 99550
สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์ เข้ามาติดตาม เฮ้อ โล่งใจไปที ขอให้คุณบุษบา โชคดี และเจอคนที่ดีและใช่เข้ามาในชีวิตนะคะ ขอบคุณคะ
16 มีนาคม 2551 06:19 น. - comment id 99553
อรุณสวัสดิ์ครับคุณรอยทาง ผมก็โล่งใจไปกับเธอด้วย แต่ผมเชื่อว่าเธอจะเลือกทางหลุดพ้นจากทุกข์ทางกว่าทางสุข ๆ ทุกข์ ๆ แบบผู้ครองเรือน ขอบคุณครับ
16 มีนาคม 2551 18:01 น. - comment id 99577
มาอ่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ...แต่รอให้เขียนจบแล้วค่อยมาเม้นทีเดียวเลย อ่านแล้ว....เหมือนแบบจำลองชีวิตของคนที่กำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่นะคะ...สะท้อนปัญหาและผลกระทบหลายอย่าง และให้แง่คิดที่ดี สำหรับคนที่กำลังคิดไม่ตกในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก อารมณ์จะมีขึ้นๆลงๆ ควบคุมยาก ความรู้สึก สามารถควบคุมได้ถ้ามีสติยั้งคิด แต่เรื่องของความรัก หากไม่เกิดกับตัวก็ไม่รู้หรอกเนาะ...... .
16 มีนาคม 2551 19:29 น. - comment id 99580
สวัสดีครับคุณโคลอน ผมรู้สึกว่าควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นเมื่อฝึกสตินะครับ ข้อธรรมะผมก็ศึกษา ส่วนที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จทั้งครองสติและเข้าใจอะไรได้ง่าย คือการควบคุมตัวเองให้อยู่ในศีล ทั้งหมดนั้นผมเรียกว่าธรรมะ มันทำให้ชีวิตของผมไม่ทุรนทุรายจนเกินไป
18 มีนาคม 2551 21:05 น. - comment id 99616
จากที่อ่านดูนะคะ เป็นไปได้ที่เราจะเกิดความรัก น่าจะเรียกว่าความหลงมากกว่านะคะ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากเจอคนที่ถูกใจ ไม่เฉพาะแค่คนนี้คนเดียว ความรักที่แท้จริงมันจะต้องจบลงที่ความสุขค่ะ แต่นี้ไม่ใช่รัก บุษบาอาจจะเจอคนที่ชอบได้อีกมากมายในเวลาต่อไปอีกค่ะ
22 มีนาคม 2551 11:56 น. - comment id 99648
สวัสดีครับคุณช่ออักษราลี น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ ขอบคุณครับผม