ปทุมาภรณ์
โนรีคำราม
ฉันนั่งคิดนอนคิดอยู่ร่วมสองสัปดาห์แล้วว่า ฉัน..สวยพอให้เขาหันมาสนใจมั้ย ฉันดีพอจะเป็นผู้ถูกเลือกมั้ย และ ฉันดีพอสำหรับชายผู้เลิศเลอคนนี้มั้ย ไม่น่าเชื่อว่ามันออกมาจากสมองของฉัน เพราะปกติแล้วฉันเป็นผู้เลือก ฉํนไม่เคยแยแสสักนิดถ้าใครจะไม่สนใจฉันด้วยเหตุผลขี้หมูราขี้หมาแห้งพวกนี้ เพราะคนที่ไม่เห็นค่าของฉันก็คือคนที่ไม่คู่ควรกับฉันนั่นแหละ
ฉันทั้งสวยทั้งหยิ่งใครๆก็รู้ ผู้ชายหน้าตาดีมีฐานะมากมายมองตามปลายนิ้วมือฉันตาปริบๆ ทั้งๆที่มันเป็นแมลงวันกับต้นไมยราพข้างกองขยะ ก็พยักหน้าหงึกๆเออออกับฉันได้ ถ้าฉันบอกว่าเป็นเถาการเวกกับราชินีผึ้ง
ฉันรู้จักเขาในงานเปิดตัวเครื่องเพชรของบริษัทปทุมแก้วจิวเวอรี่ เพชรปทุมาภรณ์ โดดเด่นในงานและเปล่งประกายต้องใจฉัน แต่ก็ไม่เท่าเขา...คุณธรรณพล กีรติสกุล ไม่เปล่งประกายเจิดจ้า แต่จับแน่นอยู่ที่แก่นของหัวใจ จนทำให้ฉันสามารถบอกกับตัวเองได้ว่า ฉันจะเอาคนนี้ เฮ้ย! มากกว่านั้นสิ ฉันรักคนนี้แล้วล่ะ ฉันจะทำให้เขามารักฉันให้ได้ จะทำทุกวิถีทาง คอยดูนะ !
ตอนนี้ฉันสืบรู้มาแล้วว่า...พระเอกในใจฉัน เป็นใคร จะให้สาธารยายไหมล่ะว่านแกเหนือจากธุรกิจเครื่องเพชรที่สุดจะเริ่ดหรูแล้วเขาทำอะไร
ชายเลอเลิศของฉันเป็นประธานชมรมสะพานบุญ งานของเขาคือการช่วยเหลือผู้ป่วยระยะสุดท้าย จัดหาอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วย และบริจาคอะไรก็ตามที่พวกด้อยโอกาสต้องการ เห็นมั้ยเป็นคนดีมากเลยนะ และนี่! ฝีมือระดับฉันน่ะ คิดว่าได้ข้อมูลมาแค่นี้เหร กระจอกไป ฉันมีตารางเวลาและปฏิทินดำเนินงานของชมรมตลอดทั้งปีนี้เลย ฉันจำได้หมดแล้ว
วันเสาร์นี้จะมีการส่งมอบเครื่องใช้ในการดูแลผู้ป่วยที่xxx พ่อพระเอกของฉันน่ะเฉียบแหลมถึงขนาดเล็งเห็นว่า มีญาติๆที่เขาเคยดูแลบุพการีของเขา แต่บังเอิญเสียไปแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาของพวกนั้นไปไว้ไหน เลยบอกเขาว่ามีบางคนเขาไม่มีตังค์ซื้อ แล้วเขาก็อยากได้ ดูสิญาติตาดำๆของเขากำลังป่วยเหมือนที่พ่อแม่คุณเคยเป็น....พวกนั้นน้ำตำหลพรากกก มาบริจาคกันใหญ่ และเพื่อความซาบซึ้งงตามสไตล์ จึงจัดให้เขาส่งมอบกันเองจำนวนเก้าสิบคู่ ถวายเป็นพระราชกุศล โอ้โห! ยิ่งใหญ่ แน่นอนฉันไม่มีทางพลาดงานนี้
ฉันเหยียบฝ่าเท้าซ้ายที่รองด้วยส้นแหลมเฟี้ยวของพราดารุ่นปีล่าสุดลงบนพื้นหินแกรนิต ณ ปากประตูตึกเพชรรัตน์ พระเจ้า! เม่บ้านที่นี้ได้ค่าจ้างแพงไหมเนี่ย พื้นถึงได้ลื่นปรื๊ดขนาดนี้ ...อย่านะวันนี้ฉันใส่กระโปรงแด๊ะแด่ จะลงไปกองไม่เป็นท่าเหมือนอยู่ที่บ้านไม่ได้นะ ...ไม่
.............และแล้วสวรรค์ก็มีจริง...วิ้งวิ้งวิ้งวิ้งวิ้ง...... แขนกำยำโอบร่างบอบบางของฉันไว้ มือแข็งแกร่งจับพยุงที่แขนทั้งสอง ตามด้วยเสียงทุ้มๆกระซิบข้างหูว่า เดินระวังๆ นะครับ
เสน่ห์ของละอองเสียงดึงดูดให้ฉันหันตามไปยังทิศที่ถ่ายทอดมา
อา...........ชายในฝันคนนี้กำลังสบตาฉัน หน้าของเราห่างกันไม่เกินคืบ ...คนบ้า! ฉันเขินจะแย่อยู่แล้วนะคะ ใครก็ได้ช่วยชีวิตฉันที นี่หัวใจฉันหยุดเต้นไปแล้ว ทำไมไม่ผายปอดล่ะคะ
วันนี้งานมหากุศลจบลงอย่างไม่น่าเบื่อนักเพราะฉันมีเรื่องให้กลับมานอนเพ้อได้ทั้งคืน ก่อนกลับเขาขอบคุณที่ฉันมาเป็นเกียรติในงานด้วยล่ะ นั่นบอกได้หลายอย่างทีเดียวคือ หนึ่งเค้ามองว่าฉันมาเพราะมีจิตใจดีงาม สองเขายังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง และสามฉันเก็บอาการใช้ได้อยู่เหมือนกัน
หลังจากนั้น ฉันไปปรากำตัวในงานทุกงานที่เขาจัดขึ้น ตั้งแต่โครงการบริจาคอวัยวะอะไรก็ตามให้คนพิการ จนถึงจัดคณะอาสาสมัครดูแลภิษุอาพาธ ฉันได้เจอเขาบ่อยขึ้น รู้จักเขามากขึ้น และเริ่มมีส่วนร่วมในโครงการของเค้าบ้าง เช่นประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากคนมีเงินทั้งหลาย ซึ่งพวกนั้นก็อุตส่าห์ใจดี เจียดมาให้ซะเยอะเชียว รวมทั้งคุณพ่อของฉันด้วย ตอนนี้ก็จัดงบประมาณสนับสนุนมาให้เป็นระยะ ทำเอาบริษัทที่คุณพ่อถือหุ้นใหญ่อยู่ภาพพจน์ดีขึ้นเป็นกอง
ตอนไปบอกทีแรกดูท่านจะงงๆ ต้องให้ฉันยืนยันอยู่หลายรอบว่า ฉันอยากทำสิ่งดีๆเพื่อโลกจริงๆ เหมือนท่านจะเห็นดีเห็นงามอยู่หรอก แต่ก็ทำหน้าอัศจรรย์ใจในตัวลูกสาวอยู่หลายวัน ทำไมเหรอ ฉันออกจะอยากให้โลกสงบสุข
แต่อย่างไรก็ตามน่ะนะ ฉันพยายามซะขาดนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววจะได้เป็นคนพิเศษของเขาเลย ทั้งๆที่ฉันสวยออกจะตายไป หวั่นไหวกะฉันนิดนึงไม่ได้รึไง ....ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกกับยัยแพร ซึ่งทุกทีจะจีบผู้ชายเก่งกว่าฉัน จึงได้รับคำแนะนำมาว่า
ไม่ได้หรอกนะ กะจะเอาให้อยู่หมัดทั้งทีทำแค่นี้อ่ะเหรอ ให้มันถึงเนื้อถึงตัวหน่อยสิ เป็นมะ
คราวนี้ฉันก็เลยเสนอโครงการจัดหาคนอุปถัมป์ให้เด็กตาบอดที่กำพร้า โดยส่งเบี้ยเลี้ยงให้เป็นรายเดือน เท่านั้นหละ! เขามองฉันด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความชี่นชมและชวนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการชมรม
คราวนี้....ค่อยรุกได้เต็มที่หน่อย
ตั้งแต่นั้นมาฉันได้เรียนรู้ว่าการเป็นคนดีนี่มันยากมากก..ก รู้มั้ยฉันเหนื่อยแค่ไหนในการจัดนู่เตรียมนี่ ติดต่อคนนั้นคนนี้ งานการกุศลเนี่ย มันชี้นิ้วสั่งไม่ได้เหมือนที่บริษัทคุณพ่อซะด้วย ผลตอบแทนก็ยังไม่แน่ว่าจะคุ้มค่านัก เพราะถึงฉันจะใกล้ชิดเขามากขึ้น ได้สบตาเขาตอนที่อยู่สองต่อสองบ้าง แต่ความคืบหน้าเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ เพราะฉันไม่เคยไปไหนมาไหนหรือคุยโทรศัพท์เรื่องอื่นกับเขาที่ไม่เกี่ยวกับงานเลย
จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันเปิดโครงการฯ ครั้งนี้พ่อกับแม่ของเขาให้เกียรติมาด้วย ขณะเดียวกัน คุณพ่อกับคุณแม่ของฉันก็ทำทีว่ามาเป็นเกียรติเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วฉันรู้นะว่าจะมาดูผลงานลูกสาว โธ่...ไม่เชื่อใจฉันอีกแล้ว ฉันโตป่านนี้แล้วนะ งานที่บริษัทฉันก็ไม่เคยทำของเขาบกพร่องซะหน่อย
สิ่งที่แย่ก็คือ ฉันงานยุ่งทั้งวันในการจัดการอะไรก็ไม่รู้จุกจิกไปหมด แถมยังต้องคอยต้อนรับบรรดาแขกคนสำคัญทั้งหลายในฐานะคนไปเชิญเค้ามา แย่จริงเลย! ฉันไม่มีเวลาส่งตาหวานให้คุณธรรณพลเลยนะ คอยดูสิ ถ้าจบงานนี้ยังจีบไม่ติดจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกแล้ว ฉันประกาศกร้าวอยู่ในใจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ยังมีเรื่องที่น่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงกว่านั้นอีกนะ เมื่อกี๊ๆ! ฉันเดินผ่านแม่! แม่ฉันกับแม่เขา! เป็นชุดเลยนะฉันได้ยิน! หลุดปากมาได้ยังไงคะคุณแม่ว่าหนูไม่เอาไหน คุณแม่ฆ่าหนูซะยังดีกว่าเลยนะคะ ที่คุณแม่คุยอยู่ด้วยน่ะ ว่าที่แม่ผัวหนูนะคะ ซึ่งมันจะไม่ใช่อีกต่อไปก็เพราะคุณแม่ทำลายมันนะคะ
เห็นอย่างงี้ฉันยิ่งวางใจไม่ได้ เลยอู้งานพักนึง ฟอร์มทำเป็นคุยกะเด็กตาบอดสามสี่คนตรงนั้น จะได้แอบฟังแม่พูด แต่คุณแม่ดันเหลือบมาเห็น เลยเลิกคุยกับคุณแม่ผัวแล้วพากันเดินมาหาฉัน คุณแม่ผัวน่ะก็ทักทายตามประสาผู้ใหญ่ทักทายเด็กอย่างมีเมตตาอ่ะนะ แต่คุณแม่ฉันสิ เฉยเลย!
ลูกเนตรเนี่ยนะคะเค้ารักเด็ก ตอนมัธยมต้นนะคะคุณพี่ เค้าเคยเป็นอาสาสมัครของห้องสมุดเล่านิทานให้เด็กป.1ป.2ฟัง ...หนูเล่านิทานให้เด็กๆฟังสิจ๊ะลูก ใส่บทนางงามให้ฉันเสร็จก็เนไป ไม่รับผิดชอบ! ดูสิเด็กๆรบเร้าฉันใหญ่เลย ฉันลืมไปหมดแล้วนะ จะเอาอะไรมาเล่า
พี่ฮับๆ ผมอยากฟังนิทานจังฮับ
พี่จ๋าๆ หนูไม่มีใครเล่านิทานให้ฟังมานานแล้วนะคะ
อ้อนอย่างนี้พี่ก็แย่สิจ๊ะน้องหนู ทำหน้าน่าสงสารเชียว งั้นพี่แต่งเองได้มั้ยอ่ะ ถ้าไม่สนุกอย่าว่ากันนะ
กาลครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้ว ในยุคที่ผู้คนต่างมีความสุขและเป็นมิตรต่อกัน มีเด็กสาวคนหนึ่งชื่อเด็กหญิงส้ม เธอเฉลียวฉลาดและมีน้ำใจงดงาม ถึงแม้เธอจะตามองไม่เห็น แต่ทุกคนต่างก็รักเธอ
ถ้าตาหนูๆพวกนี้สามารถเป็นประกายได้ตอนนี้คงแข่งกันวิ้งๆแล้วล่ะ เด็กๆชอบ! ...ฉันค่อยมีกำลังใจหน่อย เอาล่ะเริ่มไหลไปได้เรื่อยๆแล้ว
เธอเดินทางไปทั่วกับสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์คู่ใจตัวหนึ่ง
ถึงตอนนี้เด็กๆสนใจกันใหญ่ เรื่องราวการผจญการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ ปลุกหัวใจของพวกเขาให้พองโตและเป็นสีแดงระเรื่อ และคงไม่มีใครเชื่อว่า หัวใจของฉันก็พองโตเหมือนกัน ฉันจำไมมม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกดีขนาดนี้โดยไม่หวังผลตอบแทน ฉันซาบซึ้งกับมันจริงๆนะ การได้ทำสิ่งที่ฉันเคยชอบทำตอนเด็กๆเตือนให้ฉันระลึกได้ว่าการเห็นพวกเขามีความสุขมันน่าชื่นใจกว่าอะไรทั้งหมด และฉันเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง ว่าทำไมผู้ชายแสนดีคนนั้นถึงทำอะไรแบบนี้เป็นประจำ
ฉันหยิบทุกอย่าที่พอจะจำความได้มาจับแพะชนแกะจนหมดมุก แต่ก็ขมวดเรื่องให้จบไม่ได้ซะที จึงหลับหูหลับตายัดๆลงไป เพราะกลัวเด็กจะไม่สนุกถ้าขาดตอน .....ซึ่งพลาด
ฉันเล่าไปว่า เด็กหญิงส้มเธอรู้จักเพื่อนใหม่ที่มักจะมาหาเธอตอนกลางคืน แต่เธอไม่รู้ว่าเพื่อนใหมคนนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าเพื่อนใหม่คนนี้มีบางสิ่งที่ต่างไป เนื่องจากเธอมองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่า เพื่อนของเธอคือสิ่งที่คนมองไม่เห็น เขามักจะชอบหยอกให้เธอตกใจเล่น โดยแกล้งมาจับแขน!.........จับขา!!!!!!!!!
เด็กคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นและทั้งกลุ่มทำหน้าหวาดกลัวสุดขีด ทุกคนจ้องมองมาทางฉัน ถลึงตาอย่างกับว่าฉันไล่บีบคอเด็กอยู่งั้นหละ
ไม่ถึงวินาทีคุณธรรณพลก็รีบเข้ามาถามฉันว่า เกิดอะไรขึ้น
ด้วยความตกใจและกลัวว่าจะถูกเกลียด ฉันได้แต่ก้มหน้าปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย โดยไม่ต้องพยายามเค้น และละล่ำละลักตอบไปว่า
เนตรไม่ได้ตั้งใจค่ะ ...เนตรเล่านิทานให้เด็กๆฟัง แต่ลืมคิดไป...เนตรไม่ทันคิดว่าจะทำให้พวกเด็กๆกลัว
เขาบอกให้ฉันใจเย็นๆแล้วพาฉันออกมาจากตรงนั้น ขณะที่พวกแม่ๆของฉันต่างกุลีกุจอเข้าไปช่วยปลอบเด็กๆ ....ตอนนี้ฉันอยู่กับเขาสองคนในห้องรับรองที่ไม่มีแขกคนอื่นอยู่ เขากุมมือทั้งสองของฉันและลูบกระหม่อมอย่างอ่อนโยน พยายามให้ฉันหยุดร้องไห้ สีหน้าเข้าใจว่าฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ทำให้ฉันอบอุ่นมากก็จริง และฉันก็มีความสุขที่ได้ใกล้ชิดเขาก็จริง แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ฉันมันแย่ที่สุดที่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นออกไป
หลังจากงานวันนั้น ฉันได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานที่บริษัทคุณพ่อ ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสะพานบุญอีกต่อไป แม้ความทรงจำที่ผ่านมามันเสนอหน้าเข้ามาทำตาปริบๆกับฉันหลายคืนมาแล้ว แต่ความผิดพลาดวันนั้นทำให้ฉันไม่กล้าโผล่หน้าไปให้ใครที่นั่นเห็นอีก ฉันไม่ไปติดตามผลจากใบประเมินด้วยซ้ำว่าโครงการของฉันมันล้มเหลวแค่ไหน
จนวันเสาร์ก็มีโทรศัพท์เข้ามา เป็นเบอร์ของคุณธรรณพลขึ้นที่หน้าจอ และฉันก็รับไปโดยไม่รู้ตัว
หวัดดีครับ เมื่อเช้ามีประชุมคณะกรรมการชมรม ไม่เห็นคุณมา ไม่สบายเหรอครับ
อ๋อ...ค่ะ......เนตรลาออกได้ไหมคะ
ทำไมล่ะครับ คุณเนตรเป็นกำลังสำคัญมากเลยนะ
คือ...เนตร
ก็บอกแล้วไงครับ เรื่องวันนั้นไม่มีอะไร ไม่มีใครตำหนิคุณเลยนะ
เอ่อ...เนตรขอโทษจริงๆค่ะ แต่ว่า.....
เอาอย่างงี้ดีกว่า เดี๋ยวผมไปรับ ไปทานข้าวกัน ผมอยากคุยกับคุณนะ
ฉันลังเล แต่ก็แต่งตัวรอตามที่เขาบอก และออกไปทานข้าวเย็นกับเขาที่ร้านอาหารริมน้ำย่านชานเมือง ...จริงๆแล้วเย็นนี้เขาไม่ค่อยได้คุยเรื่องชมรมเท่าไร ดูเหมือนเป็นครั้งแรกที่บทสนทนาระหว่างเราเป็นเรื่องสัพเพเหระ
สายลมนุ่มๆกับแสงหวานๆยามพลบค่ำเสริมให้ฉันมีความสุขจนพูดไม่ออก เมื่อเขาบอกว่าเขาอยากเจอฉันอีก เขารู้สึกดีที่ได้ทำสิ่งดีๆร่วมกับฉัน ถ้าฉันไม่ทำงานให้ชมรมแล้วขอเขามาหาฉันบ่อยๆได้ไหม
ตาซึ้งๆของเขากระตุ้นให้ก้อนความตื้นตันที่จุกแน่นอยู่กลางอกท้นขึ้นมาเป็นน้ำใสๆซึมออกจากเนื้อตา เขาใช้นิ้วโป้งปาดมันออกไป และไล้หลังมือขึ้นลงบริเวณข้างแก้มอย่างทนุถนอม ความอบอุ่นถูกส่งผ่านสัมผัสอ่อนโยนมาถึงใจฉัน ทำให้ความกังวล คลายลง ฉันจึงยอมรับปากเขาว่าจะกลับไป
สุดท้าย บทเรียนที่ยิ่งใหญ่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดก็ได้ซึมเข้าสู่ใจฉัน โดยมีใจของเขาเป็นสื่อกลาง มันคือสิ่งที่ฉันได้รับจากความเหน็ดเหนื่อยที่แสนยาวนาน ซึ่งมีค่าเหนือกว่าการจีบผู้ชายเลิศเลอคนนึงติด อย่างเปรียบกันไม่ได้เลย เพราะมันคือการได้สร้างสิ่งงดงามร่วมกันกับคนที่ฉันรัก