ลุงพอล วัยราว70 เศษ เป็นฝรั่งที่มาได้เมียไทยที่บ้านนาตง ผมรู้จักไอน์สไตน์เพราะครูที่สอนวิทยาศาสตร์เคยอธิบายเรื่องทฤษฎีการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่งของนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อมั่นมากว่าลุงพอลมีใบหน้าและท่าทางเหมือนไอน์สไตน์มากก็คือรอยยิ้มและท่าแลบลิ้นล้อเด็ก ๆ วันที่ผมได้เห็นลุงพอลแลบลิ้นครั้งแรกเป็นวันที่เมียแกทำส้มตำให้กินแล้วลุงพอลเผ็ดน้ำหูน้ำตาเร็ด เพื่อนของผมที่เคยถามครูว่าทฤษฎีการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่งของไอน์สไตน์มีคนเข้าใจมากแค่ไหน ถ้าได้มาเห็นสีหน้าท่าทางของลุงพอลวันนี้ก็คงคิดเหมือนผมว่าไอน์สไตน์ ยังไม่ตาย ลุงพอล เล่นไวโอลินได้ครับ แต่แกชอบซอมากกว่า แคนก็เล่นได้ไม่เลว เวลาที่ลุงพอลดวดสาโทได้ที่ พวกเรามักได้ฟังเพลงแคนของลุงพอลประจำ เมียของลุงพอลไม่ใช่คนอื่นไกลเลยครับ เป็นป้าของผมเอง แกไปทำงานที่พัทยาแล้วก็ได้ลุงพอลนี่แหละมาเป็นของแถม ลุงพอลเป็นคนไม่มีลูกเมียครับ แกว่าลูกเมียแกเสียหมดแล้วเพราะเครื่องบินตกตั้งแต่แกอายุ 60 เศษ ลุงพอลก็คงเหมือนฝรั่งคนอื่นที่มาเอาเมียคนไทย คือชอบที่คนไทยเอาใจใส่ ดูแลอย่างพิเศษที่ฝรั่งด้วยกันเองก็ทำไม่ได้อย่างนั้นกับคนไทยส่วนใหญ่ก็เอนดูฝรั่งแบบคนต่างบ้านต่างเมืองด้วย ลุงพอลกินส้มตำ ลาบงัว คั่วไก่ ปลาร้าสับ ได้เก่งกว่าผมอีก ผมเคยถามว่าระหว่างลาบควายกับไส้กรอกตับบดอิหยังอร่อยกว่ากัน ลุงพอลตอบผมว่าแซบคือกัน แซบคนละแบบ สำเนียงของลุงพอลเหน่อกว่าเสียงของคุณแอนดรูบิ๊กในทีวีอีกนะครับ แกพูดภาษาอีสานได้แจ๋วกว่าผม สำเนียงของผมออกไทยกลางเสียมากเพราะเข้าโรงเรียนโดนครูจับสอนภาษากรุงเทพฯตั้งแต่เล็กแต่น้อย ครั้งหนึ่งผมถามลุงพอลว่า มีคนเคยทักลุงไหมว่า สวัสดีครับคุณไอน์สไตน์ ลุงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากและว่า บ่อยไปที่คนทักอย่างนั้นโดยเฉพาะเวลาที่เข้าไปหาซื้อหนังสือในร้านหนังสือในมหาวิทยาลัย "มีคนมาชวนไปสอนหนังสือด้วยนะ แต่ลุงก็บอกว่าลุงไม่ถนัดที่จะสอน ลุงถนัดที่จะสอยมากกว่า" เราหัวเราะกันครืน เพราะคำว่าสอยที่ลุงพูดถึงมันคือการกล่าวสร้อยต่อท้ายหมอลำกลอนที่ค่อนข้างตลกโปกฮา ลามกก็ว่า "มากกว่านั้นก็มีเด๊ะ เขามาชวนไปแสดงหนัง เรื่องคนหน้าเหมือน เขาจะให้ลุงแสดงเป็นฝาแผดของนักวิทยาศาสตร์แต่หัวสมองทึ่มมาก ลุงบอกว่ากูไม่เอาเดิ๊ก(สำเนียงหลวงพ่อคูณ) กูหัวสมองดีจะตาย" พวกเราหลานๆ ก็ได้ฮากันอีก "เด็ก ๆ บักหำ อีนางเอ๊ย อย่าให้ลุงฝอยหลาย เดี๋ยวสิเหมิดน้ำลายและแรงข้าวต้มดอก แกเฒ่าใกล้สิตายแล้ว" เสียงป้าร้องบอกออกมาจากข้างในตึกหลังใหญ่แบบขำแกมขู่ให้เราห่างๆ ออกจากลุงพอลบ้าง แกจะได้มีเวลานอนพักงีบบ้างช่วงบ่าย ลุงพอลหัวเราะหึ ๆ ไม่โกรธไม่เคือง พวกเราก็ยิ้มแห้ง ๆ เสียดายโอกาสที่ได้ฟังเรื่องสนุก ๆ ของฝรั่งใจดี ป้าของผมมักพูดลับหลังลุงพอลว่า ถ้าเฒ่านี่ตายข้อยก็สิเอาผัวใหม่ เด็กน้อยหนุ่ม ๆ กระชุ่มกระชวยมาส่งยิ้มส่งหัวอยูหลายหน ผมฟังแล้วก็นึกสงสารลุงพอลคนหน้าเหมือนไอน์สไตน์อยู่ไม่น้อย ถึงแม้ผมจะรู้ว่าป้าแกพูดที่เล่นทีจริง เมื่อเด็ก ๆ ห่างจากลุงฝรั่งออกมา ป้าก็เข้าไปนวดเฟ้นให้ลุงเฒ่า ความเอาอกเอาใจนี่ล่ะมั้งที่เป็นเสน่ห์ให้ฝรั่งมายึดที่นาผืนน้อยผืนใหญ่ของไทยเป็นเมืองขึ้นแล้วไม่เว้นแม้แต่ตำบลขอบแคว้นแดนดงที่ผมอยู่ 000 ที่ตำบลของผมมีฝรั่งเดินกันขวักไขว่ก็เกือบจะว่าได้นะครับ ทั้งรุ่นหนุ่มรุ่นเดอะ น้อยนักที่จะไม่มีสาวไทยควงแขน เด็ก ๆ หลายคนได้ใกล้ชิดฝรั่ง จนบางคนสามารถฟุดฟิดฟอไฟกับเขาได้ ผมเคยอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเก่า ๆ มีคนเคยวิจารณ์ว่าการสอนภาษาประกิตในบ้านเราไม่ได้ผลเพราะคนไทยไม่ได้ใช้คราวหน้าอาจจะมีคำวิจารณ์ใหม่เป็นอย่างอื่นก็ได้ เพราะเด็กรุ่นหลังรุ่นผมนี่แม่นสำเนียงแบบแอนดรูบิ๊กและสำเนียงลุงพอลอย่างกับอะไร คำบางคำพวกคำขอบเตียง ครูไม่กล้าสอน ป้า อา น้าที่ได้ผัวฝรั่งบอกพวกเราหมดแหละ เพื่อนผมหลายคนบอกโตขึ้นสิเอาผัวฝรั่งเพราะเงินดกใจดี เพื่อนผู้ชายของผมบางคนก็บอกว่าสิเอาเมียฝรั่ง เพราะเงินก็ดกด้วย เมียฝรั่งในความหมายของมันคือเมียของฝรั่งที่ผัวมันตายน่ะครับ พวกเราก็ได้ฮากันในเรื่องนี้ ลุงพอลคนหน้าเหมือนไอน์สไตน์เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านได้เก่งและไวนะครับ แกไถนาใช้ควายได้ ใช้วัวก็ได้ ปีที่แล้วแกเก็บเงินค่าดูฝรั่งไถนาได้ตั้งเกือบสองหมื่น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะคนไทยตื่นเต้นมากที่เห็นฝรั่งไถนา แกลงทุนโฆษณาทางสถานีวิทยุชุมชนที่มีอยู่เกลื่อนตั้งแต่สมัยนายกทักษิณไม่กี่ตังก็ได้เงินคืน สถานีวิทยุนักบวชก็โฆษณาให้แกนะลองฟังดูไหมครับ FM 107.27 เม็กกะเฮิร์ต สถานีนักบวชเพื่อชุมชน และคนรักบุญ ขอเชิญพ่อแม่พี่น้องไปเยี่ยมชมหมู่บ้านฝรั่งเฮ็ดนา ในวันที่ ซาวสองพฤษภานี่ ฝรั่งพอลจากอเมริกาสิพาพ่อแม่พี่น้องกลับคืนสู่วิถีดังเดิมของบ้านเฮา ไถนาโดยใช้ควายกับงัว ชมการสาธิตการปักดำนา การหลกกล้าถอนกล้า เป่าแคน สีซอ ลำเต้ย ค่าชมคนละ 30 บาท อย่าลืมเด้อ...ซาวสองพฤษภานี่ เจอกันที่บ้านนาตง ไปเบิ่งฝรั่งเฮ็ดนา ล่ะเบ๋อ.... ผมทั้งฟังทั้งยิ้ม ส่วนหนึ่งที่ยิ้มคือนึกภาพพวกนี้ออก เพราะฝรั่งคนที่ว่าก็คือลุงพอลของป้าหมานบ้านผมนั่นแหละ ผมนึกถึงท่าเป่าแคนทั้งเด้งทั้งเด้าของแกแล้วก็หัวเราะ คิดว่าคงขายท่าทางแบบนี้ได้อีกหลาย เชื่อผมไหมครับ ปลาแดกต่อนของลุงพอลที่ขายในวันงานป้าหมานจกไหแทบไม่ทัน ทุกคนต้องการซื้อไปเป็นที่ระลึกคนละต่อนสองต่อน ต่อนนี่คือตัวนะครับ ปลาร้าพวกนี้แกใช้ปลกยี่สกในบ่อของแกทำ ปลานี้เนื้อแน่นมาก เก็บไว้กินได้นาน ทำกับข้าวได้หลากหลาย ส้มปลา หม่ำปลานั้นไม่ต้องพูดถึง ขายดิบขายดีเหมียนกันครับ 000 ฝรั่งที่นาตง มี 2 แบบ คือแบบอยู่ติดที่กับแบบไปๆมาๆ อย่างละครึ่ง แบบที่ไปๆมาๆนี่ ปีหนึ่งจะแวะมาอยู่กับเมียคนไทยซักสักสัปดาห์สองสัปดาห์แล้วก็บินกลับ มาสร้างบ้านหลังโตๆ มีรั้วรอบขอบชิด จ้างเด็กดูแลไม่ให้ปลวกขึ้นทำรัง แม่บ้านคนเดียวไม่มีทางดูแลได้ทั่วหรอกครับ และบ้านหลังใหญ่ ๆ แบบนั้นเจ้าของก็อยู่เพียงไม่กี่ห้อง ใช่จะอยู่คืนละสองห้องสามห้องที่ไหน ฝรั่งแบบไปๆมาๆนี่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง ผิดกับลูงพอลที่มีความเป็นส่วนรวมมาก แกคุยกับทุกคนในหมู่บ้านได้ แบบชอบพูดชอบคุยชอบถาม คนที่ได้พูดคุยกับลุงพอลมักพูดเหมือนกันว่าเฒ่าพอลนี่เป็นคนอัธยาศัยดี ดีกว่าฝรั่งตนอื่น ๆที่ดูเย่อหยิ่งแบบอารยัน วรรณะสูงส่งอะไรทำนองนั้น นี่ถ้าไม่มีคนแบบลุงพอล ผมก็คงไม่ได้เขียนถึงฝรั่งในแง่พอรับได้แบบที่ผมเขียนอยู่นี่ หลายวันก่อน ผมเคยถามฝรั่งที่ไปๆ มา ๆ คนหนึ่งว่าแกอยู่ประเทศอะไร ถามเป็นภาษากรุงเทพนะครับ ฝรั่งคนนั้นอยู่บ้านหลังถัดจากบ้านลุงพอลไปนิดหน่อย ฝรั่งคนนั้นพูดผ่านลุงพอลว่า เขาไม่อยากบอก ผมก็เลยหยุดคิดที่จะซักถามต่อ ลุงพอลยักคิ้วให้ผม หรี่ตาด้วย คงมีความหมายทำนองว่าฝรั่งตนนั้นขอปิดเป็นความลับ ก็ไม่ว่าอะไรนะครับ แต่อย่ามาถามผมก็แล้วกันว่า ส้มตำทำอย่างไร จ้างผมก็ไม่บอกความลับของของกินแสนอร่อยนี้แก่ฝรั่งตนใด ๆ ลุงพอลเล่าให้ผมฟังว่าอ้ายขี้เก็กที่ผมถามแล้วไม่ตอบนั้นเป็นคนเยอรมัน พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง มีลูกเมียที่เยอรมันด้วย มาเที่ยวพัทยาแล้วก็เลยมาแวะบ้านเมียไทยอีกคน อีกหน่อยก็จะกลับแล้ว ผมก็ฟังไปยังงั้นแหละครับ ผมไม่ยอมรับคนขี้เก็ก ลุงพอลก็คงเข้าใจผมจึงหาเรื่องอื่นมาชวนคุย "ลุงเคยไปกราบหลวงตาที่วัด ท่านให้ลุงลองนั่งสมาธิ แหมนั่งสมาธินี่ไม่สบายเหมือนนอนสมาธิเลยเนาะ" แกว่าหัว ๆ " มันก็ของแน่ล่ะเฒ่าผีบ้า" อันนี้ไม่ใช่คำของผม แต่เป็นคำของป้าหมาน คนนั่งอยู่เคียงข้างฝรั่งหน้าเหมือนฯ " นอนสมาธิ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะครับลุง แต่นั่งสมาธิผมเคยทำ ครูพาไปฝึกที่วัด ตอนนั้นผมนั่งแล้วรู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นเท่าพระธาตุพนม ผมตื่นเต้นมาก ไม่อยากออกจากสมาธิเลย แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยรู้สึกตัวใหญ่แบบนั้นอีก" "โอ้โห มึงก็เก่งปานนั้นเนาะบักหำ แบบนี้บ่ต้องไปเรียนต่อมหาวิดทะยาลัยดอกเด้อ ไปบวชเป็นเณรก็จะได้ดิบได้ดีเด่นดังได้คือกัน" ป้าทั้งว่าทั้งหัว ส่วนลุงพอลยิ่งกว่าหัว ยิ้มแบบมีเสียงของแกลั่นทุ่ง คงชอบอกชอบใจมาก "ก็เข้าท่าดีล่ะวะเนาะหำ ทำอีหยังก็ให้มันเก่งสุด ๆ ไปเลย แล้วอย่างอื่นจะตามมาทั้งเงินทั้งงาน ว่าแต่ว่าจะเรียนต่ออีหยังล่ะเจ้า" "ผมอยากเรียนเป็นฝรั่ง" ผมตอบห้วน ๆ แต่ยิ้ม ฝรั่งเฒ่าหัวเราดังยิ่งกว่าดัง "เป็นหยังจึงคิดอยากเรียนเป็นฝรั่ง" ป้าถาม ลุงพอลก็คงอยากถามอย่างนั้นด้วยเพราะจ้องหน้าผม "จั๊กแลว อยู่บ้านเฮา ไผ ๆ ก็อยากดมดากฝรั่งกันทั้งนั้น ไผ ๆ ก็นับถือฝรั่งปานเทวดา แม่นบ่ลุงพอล" ลุงพอลไม่ตอบแต่หัวเราะก๊าก ๆ ป้าหมานหน้าม้าน ที่ได้ยินคำหลานอย่างนั้น ผมว่าแล้วก็เดินหนีเสียให้ไว กลัวโดนตีนป้าที่เคารพรักถีบเข้าให้ที่กลางหลัง ที่บังอาจจี้จุดแทงใจดำ ผมห่างมาซักสิบยี่สิบคืบลุงพอลก็ร้องตามหลัง " แล้วมาคุยกับลุงอีกเด้อหมักหำน้อย.." ผมไม่ตอบออกเสียง แต่ตอบรับในใจไว้แล้ว 000 นับตั้งแต่วันนั้นที่ผมวิ่งหนีตีนของป้า ผมได้คุยกับฝรั่งใจดีคนนั้นอีกสองสามหน มาห่างเหินลุงเฒ่าเอามากเมื่อผมสอบโควต้าเข้ามหาวิทยาลัยใกล้บ้านได้ ในมหาวิทยาลัยมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด บางอย่างไม่คิดว่าเขาจะพาทำก็ได้ทำ เดี๋ยวผมจะเก็บไว้เล่าในเรื่องสั้นเรื่องอื่น หนหลังที่ผมได้คุยกับฝรั่งหน้าเหมือนไอน์สไตน์เป็นหนที่ผมประทับใจเขามากที่สุด เขาเปลี่ยนไป สงบมาก แววขี่เล่นซ่อนไว้เกือบมิดในดวงตา แววกระจ่างใสของการเข้าใจสัจธรรมแลเห็นได้แจ่มกว่า ใช่แล้วครับ ฝรั่งคนนั้นบวชเป็นเณรอยู่ที่วัดใกล้บ้านนั่นเอง ท่าทางแบบนักบวชเป็นท่าที่สง่าที่สุดของฝรั่งหน้าเหมือนฯเท่าที่ผมเคยเห็น ผมถอนหายใจโล่งอก ในการที่ผมได้เกี่ยวข้องกับฝรั่งแบบนับญาติกันเป็นป้าเป็นลุง ขอท่านถึงธรรมเถิดท่านฐิตธัมโม ฝรั่งหน้าเหมือนไอน์สไตน์ผู้ทำให้ความรู้สึกที่ผมมีต่อฝรั่งดีขึ้นมาอีกไม่น้อย
25 กุมภาพันธ์ 2551 00:38 น. - comment id 99107
สวัสดีมิตรทุกท่านครับ ฝากความระลึกถึงมิตรของผมทุกคนด้วยครับ
25 กุมภาพันธ์ 2551 01:16 น. - comment id 99108
สบายดีมั๊ยคะ คุณก่อพงษ์ นานๆถึงจะได้เข้ามาค่ะ ไม่ค่อยมีเวลาเลย โชคดีจังเข้ามาอ่านงานของคุณ ดูแลตัวเองนะจ๊ะ ออ ปกป้องผืนแผ่นดินไทยไว้ด้วยนะ เดี๋ยวฝรั่งยึดหมด กลุ้ม......เฮ้อ....
25 กุมภาพันธ์ 2551 05:37 น. - comment id 99110
สวัสดีครับคุณมัสลิน ดีใจจังที่ได้ทักทายกันอีก ผมสบายดี เพิ่งเขียนงานใหม่ครับ หลังจากที่ว่างเว้นไปนาน คงได้พูดคุยกันอีกนะครับ
28 กุมภาพันธ์ 2551 14:52 น. - comment id 99115
ยิ้มครับคุณฉางน้อย สวัสดีครับ
28 กุมภาพันธ์ 2551 15:11 น. - comment id 99116
สวัสดีพี่ก่อพงษ์อีกครั้งค่ะ บัวมารออ่านเรื่อง คุยกับลูก เหมือนเรนค่ะ พี่ก่อพงษ์ค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อไม่เคยคุยกับบัวหรือแสดงความรู้สึกรักบัว จนบัวคิดว่าพ่อไม่เคยรักบัวเลย หรือเป็นเพราะว่าช่วงนั้นพ่อต้องทำกิน เลี้ยงลูกๆพ่อเลยไม่มีเวลาพอที่จะพูดคุย จะมีก็แต่พ่อซื้อ เป็ด กับไก่ มาให้บัวกับพี่ชาย คนละคู่ แล้วให้บัวเลี้ยงเอาเอง เลี้ยงให้ออกไข่มาเพื่อจะได้เอาไข่ไปทอดกิน ที่โรงเรียน ถ้าเป็ด หรือไก่ไม่ออกไข่ ก็ต้องกินปลาเค็มไปบัวเลยต้อง หาหอยขมมาให้เป็ดกินเอาข้าวให้ไก่ แล้วบอกกับเป็ดกับไก่ว่าให้ออกไข่มาให้ ด้วยเถิดมิเช่นนั้นคงไม่ได้กินไข่แน่นอน หรือเป็นเพราะ พ่อสอนบัวทางอ้อม ให้รู้จักช่วยตัวเอง สอนให้หากินให้รู้จักทำ เพื่อวันหน้าจะได้ไม่อด ทำให้ทุกวันนี้ บัวไม่เคยคิดที่จะกินของใคร ถ้าทำเองไม่ได้ก็ไม่กิน หรือบัวจะแข็งเกินไปค่ะพี่ก่อพงษ์ บัวมารออ่านเพื่อบัวจะได้รู้ว่า เวลาพ่อกับลูกพุดคุยจะมีเรื่องอะไรบ้างที่พ่อสอนลูก และลูกถามพ่อ จริงๆแล้วในเมืองไทยเรามีวิธีทำมาหากิน ได้สบายๆโดยที่เราใช้หยาดเหงื่อแรงกาย น้ำพักน้ำแรงตัวเอง ไม่ใช้ เทคโนโลยี มาทำให้เกิดมลพิษทั่วโลก น้ำฝนก็กินไม่ได้ คงจะต้องไปซื้อน้ำมากิน สารพิษในอากาศมากมายเหลือเกิน แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะตอนนี้ สังคมติดลมบนไปหมดแล้วธรรมชาติที่แท้จริง กำลังถูกกลึ่นไปหมดแล้วด้วยค่ะ พี่ก่อพงษ์ค่ะบัวคุยเสียมากมาย เอาไว้รออ่านเรื่องของพี่ก่อพงษ์ดีกว่าค่ะ บัวขอให้พี่และครอบครัวมีความสุขค่ะ
25 กุมภาพันธ์ 2551 06:34 น. - comment id 99117
สวัสดีค่ะพี่ ก่อพงษ์ พี่ก่อพงษ์ สบายดีเปล่าค่ะ ดอกบัวว่าพี่ก่อพงษ์ หายไปนานนะค่ะ ไม่ได้อ่านงานพี่ก่อพงษ์เลยพอเห็นเข้า ก็เลยรีบมาอ่านค่ะ เพราะงานของพี่อ่านแล้ว ได้ประโยชน์หลายอย่างค่ะ ดอกบัวขอให้พี่ก่อพงษ์และครอบครัว มีความสุขค่ะ
25 กุมภาพันธ์ 2551 08:50 น. - comment id 99120
ที่นี่มีคุณพ่อฝรั่งพูดภาษากลางตกลาวนำค่ะ ^_^
25 กุมภาพันธ์ 2551 12:38 น. - comment id 99127
เจอคนหน้าเหมือนคุณก่อพงษ์ด้วยล่ะ อยู่ด้านในปกกล่อมขอบแคว้น
25 กุมภาพันธ์ 2551 15:13 น. - comment id 99136
น่ารักนะคะ ลุง พอล
25 กุมภาพันธ์ 2551 15:54 น. - comment id 99139
สวัสดีครับคุณโคลอน แต่ก่อนผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับฝรั่ง แต่พอใกล้ชิดเข้าจริงบางมุมเขาก็คนมีความรู้สึกรู้สมเหมือนเรา ไม่ใช่จ้องแต่จะเอาประโยชน์ แต่ก็ไม่รู้นะ ผมอาจมองคนในแง่ดีเกินไป ------------------------------------------------------- สวัสดีครับคุณอัลมิตรา รูปคนหน้าเหมือนก่อพงษ์ ตอนหนุ่ม ที่ปกในกล่อมขอบแคว้น หรือครับ นั่นหนุ่มไปนิด ตอนนี้ผมเริ่มมีหงอกแซมบ้างแล้ว แต่อย่างไรหัวใจก็ยังหนุ่มครับ ใช้ชีวิตมีชีวาเสมอนะครับ ดีใจครับที่ได้พูดคุยกันอีก -------------------------- สวัสดีครับคุณเพียงพลิ้ว ผมเคยคุยกับฝรั่งที่พูดอังกฤษไม่ได้อยู่หลายหน พูดอิตาเลี่ยนบ้าง ฝรั่งเศสบ้าง ดัชบ้าง แหมลำบากนะครับ เพราะผมก็ดันพูดไทยไม่ค่อยได้ ฮา ------------------------------- สวัสดีครับน้องดอกบัว ดีใจมากที่ได้ทักทายกันอีก พรประเสริฐนั้นจงเป็นของน้องด้วยครับ ช่วงนี้รู้สึกอยากเขียนอะไรอีกบ้าง ว่าจะเขียนกลอนก็ยังคุมอารมณ์ได้ไม่ดี เลยยังไม่เขียน ส่วนเรื่องสั้น ๆ แบบที่เขียนอยู่นี้ เสียดสีก็ไม่แรงเกินไป คงพออ่านกันได้โดยไม่ซีเรียส คงได้พูดคุยกันอีกนะครับน้องดอกบัว
25 กุมภาพันธ์ 2551 20:41 น. - comment id 99146
พอดีว่าวันนี้ไม่ได้ไปทำงาน เจอกฏเหล็กห้ามใช้เสียง 1 สัปดาห์ ฐานที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองดีนัก ปล่อยให้คออักเสบ และเส้นเลือดฝอยแตก ดีนะ ที่เป็นเส้นเลือดฝอยที่ผนังคอ ถ้าเป็นที่อื่นล่ะก็ อัลมิตรา = ผัก ไปแล้ว ตอนอ่านเรื่องสั้นที่คุณเขียนต้องกลั้นหัวเราะ เพราะหมอกำชับไว้อย่างแน่นหนักว่า ห้าม เป็นห้าม .. ถ้าหลุดคิวหัวเราะมาล่ะก็ จะส่งบิลค่ายาไปสกลนคร เน้อ ...
25 กุมภาพันธ์ 2551 21:02 น. - comment id 99147
ทักทายคุณอัลมิตรารอบค่ำครับ อืม ! ไม่สบายขนาดนั้นเลยนะครับ ขอเอาใจช่วยให้หายไว ๆ จะได้หัวเราะได้ สัปดาห์ที่แล้วและก่อนหน้านั้นอากาศหนาวมาก ๆ โชคดีที่ผมไม่เจ็บไข้อะไรมาก ทำท่าจะไข้อยู่วันหนึ่งก็กินยาทันเลยไม่ป่วย แต่เชื่อไหมครับผมต้องสวมเสื้อสามสี่ตัวจึงออกจากบ้านไปทำงานได้ กระนั้นปากก็ยังทั้งดำทั้งม่วงเพราะพิษหนาว คนอื่น ๆ ดูหนาวธรรมดา แต่ผมหนาวมากกว่าใครเพื่อน มีสัปดาห์นี้แหละที่ผมถอดเสื้อหนาวได้ อากาศร้อนถึงสามสิบองศาแล้วครับ คิดถึงมิตรที่ชื่ออัลมิตราเสมอมานะครับ ขอให้หายเจ็บคอไว ๆ ครับผม
26 กุมภาพันธ์ 2551 12:11 น. - comment id 99159
เล่าเรื่องได้สนุกมากครับ แต่หวั่นอยู่อย่าง กลัวสมาชิกในบ้านกลอนไปติดใจลุงพอลหมดแล้วผมจะคุยกะใครอ่ะคับ
26 กุมภาพันธ์ 2551 13:28 น. - comment id 99162
ฮ่า ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เมียฝรั่งแถวบ้านผมมีเยอะ ผัวเป็นเอดส์ตายก็หลาย ha
26 กุมภาพันธ์ 2551 17:10 น. - comment id 99166
:) ยังเขียนได้น่าอ่านเหมือนเดิมค่ะ
27 กุมภาพันธ์ 2551 00:14 น. - comment id 99172
สวัสดีครับคุณกุ้งหนามแดง ดีใจที่ได้ทักทายกันอีกครับ ผมหยุดเขียนไปนานมาก ช่วงที่ผ่านไปมีเรื่องอื่นให้ทำหลายเรื่อง จนไม่ได้เขียน จนวันหนึ่งผมเข้าไปในร้านหนังสือ เห็นหนังสือออกใหม่หลายเล่ม ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า เอ..เราก็เคยเขียนอะไรนี่นา น่าจะเขียนต่อ น่าจะกลับมาเขียนได้แล้ว อะไรแบบนี้ ก็เลยลงมือเขียนคนหน้าเหมือนฯเป็นเรื่องแรก ชื่อเรื่องคุยกับลูกมาในรถครับ เขาเทียวมาถามว่าพ่อเขียนถึงไหนแล้ว นั่นก็เป็นแรงกระตุ้นอันหนึ่งให้เขียน ขอบคุณอีกครั้งครับคุณกุ้งหนามแดงที่เข้ามาทักทายให้กำลังใจ
27 กุมภาพันธ์ 2551 07:43 น. - comment id 99176
เรนสวัสดีคุณก่อพงษ์นะคะ.... เรนว่า ลุงพอลคงใจดี.. เหมือนใครไม่รู้ดิคะ.... เรนอยากอ่าน..เรื่องคุยกับลูกจัง.. เรนรอนะคะ..
27 กุมภาพันธ์ 2551 11:00 น. - comment id 99181
สวัสดีครับคุณrain ดีใจมากครับที่ได้ทักทายคุณrain อีก เรื่องสั้นชื่อคุยกับลูก หรือลูกชวนคุย ก็น่าเขียนครับ ความสุขในครอบครัวอันหนึ่งก็คือการได้พูดคุยกัน รวมทั้งทำกิจกรรมอย่างอื่นๆด้วย เช่น ปลูกผักหรือทำสวน เลี้ยงปลา ปลูกข้าว เล่นดนตรี ร้องเพลง ทำงานศิลปะ ชีวิตครอบครัวน่าจะได้เป็นอย่างนั้น มีเวลาให้กัน ดูแลกัน ใส่ใจกัน มองไปรอบ ๆ ผมว่าสังคมของเราละเลยเรื่องเล็ก ๆ แต่สำคัญนี้ไป ไปให้ความสำคัญกับการหาเงิน แล้วก็เลยต้องเลี้ยงลูกด้วยเงิน จริง ๆ แล้วเงินให้ได้ทุกอย่างหรือเปล่า คำตอบก็เห็นแล้วว่าไม่ คนมีเงินฆ่ากัน ทะเลาะกัน แย่งมรดกกัน แยะไป ในนิยายก็แยะ ชีวิตจริง ๆ ก็แยะ คุณrian ทำให้ผมอยากเขียนเรื่องแนวครอบครัวมากขึ้นนะครับ เพื่อบอกว่า ไม่รวยก็มีความสุขได้ ถ้ารู้จักความสุขและแบ่งปันความสุข
27 กุมภาพันธ์ 2551 19:14 น. - comment id 99187
นับตั้งแต่วันนั้นที่ผมวิ่งหนีตีนของป้า ผมได้คุยกับฝรั่งใจดีคนนั้นอีกสองสามหน มาห่างเหินลุงเฒ่าเอามากเมื่อผมสอบโควต้าเข้ามหาวิทยาลัยใกล้บ้านได้ ในมหาวิทยาลัยมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด บางอย่างไม่คิดว่าจะเขาจะพาทำก็ได้ทำ เดี๋ยวผมจะเก็บไว้เล่าในเรื่องสั้นเรื่องอื่น หนหลังที่ผมได้คุยกับฝรั่งหน้าเหมือนไอน์สไตน์เป็นหนที่ผมประทับใจเขามากที่สุด เขาเปลี่ยนไป สงบมาก แววขี่เล่นซ่อนไว้เกือบมิดในดวงตา แววกระจ่างใสของการเข้าใจสัจธรรมแลเห็นได้แจ่มกว่า ใช่แล้วครับ ฝรั่งคนนั้นบวชเป็นเณรอยู่ที่วัดใกล้บ้านนั่นเอง ท่าทางแบบนักบวชเป็นท่าที่สง่าที่สุดของฝรั่งหน้าเหมือนฯเท่าที่ผมเคยเห็น ผมถอนหายใจโล่งอก ในการที่ผมได้เกี่ยวข้องกับฝรั่งแบบนับญาติกันเป็นป้าเป็นลุง ขอท่านถึงธรรมเถิดท่านฐิตธัมโม ฝรั่งหน้าเหมือนไอน์สไตน์ผู้ทำให้ความรู้สึกที่ผมมีต่อฝรั่งดีขึ้นมาอีกไม่น้อย
27 กุมภาพันธ์ 2551 23:31 น. - comment id 99191
..ตอนเรนมีพ่อ.. เรนช่วยพ่อซ่อมเจ้ามอสด้วยนะคะ.. พ่อสอนให้เรนเรียนรู้ ..เจ้าบุ้ง..ด้วยคะ.. หลังจากที่พ่อกลับมา.. เรนจะอยู่กับพ่อ..ในสวนป่า.. (มัมมี้บอกแบบนั้น..).. เรนมีบ้านบนต้นไม้.. มีผีเสื้อมากมาย.. ที่เป็นเพื่อนเรน.. พ่อบอกเรน .. ต้นไม้มีชีวิต.. เค้าหายใจได้.. เมื่อเรนโต.. เรนจะเข้าใจเอง.. พ่อเรนไม่ดุ .. เหมือนคุณก่อพงษ์ที่ไม่ดุเค้า.. เรนอยากพบคุณจัง.. คุณต้องใจดีแน่ๆ..ด้วยดิคะ.. เรนเก๊าะมีเรื่องเล่ามากมาย..ที่อยากบอกใครซักคน .. เป็นความลับ.. ของเรน.. .. พรุ่งนี้เรนมาเล่าต่อนะคะ.. เรนขอให้คุณหลับและฝันดีนะคะ.. ..
27 กุมภาพันธ์ 2551 23:54 น. - comment id 99192
ราตรีสวัสดิ์ครับคุณrain ขอให้คุณrainหลับฝันดีเช่นกัน
28 กุมภาพันธ์ 2551 01:22 น. - comment id 99193
.....ตั๊บแก.. แวะมากินตับคนแก่ๆ ไม่ยอมหลับ ไม่ยอมนอน อิอิ สวัสดีค่ะพี่ก่อพงษ์ พี่สบายดีไหมคะ ฉางน้อยสบายดีคะ ( ทราบคะ พี่คงถาม ส่วนฉางน้อยอยากบอกจนปากสั่นแระ อิอิ )
28 กุมภาพันธ์ 2551 15:15 น. - comment id 99194
สวัสดีครับน้องดอกบัว วิธีการสอนลูกของคุณพ่อน้องดอกบัวแนบเนียนน่าทึ่งครับ ลูกที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวแบบน้องดอกบัว คือลูกที่พ่อปลื้มนะครับ
29 กุมภาพันธ์ 2551 23:30 น. - comment id 99245
..ลูกที่อ่อนแอแบบเรน พ่อคงไม่ปลื้มใช่ปล่าวคะ.. เรนพยายามแล้วนะคะ..... ห้องนั้น... พิสูจน์ให้ทุกคนเห็น .... .
1 มีนาคม 2551 06:04 น. - comment id 99253
คุณrainครับ ลูกจะเป็นอย่างไรก็เป็นลูกที่รักของพ่อเสมอ