พงศาวดารฮวนรื่อง ไฮ้อั่น
สะพั่งสะท้านไมภพ
ศุภมัสดุ มีแผ่นดินฮวนทางตอนใต้ของจีนหลังสมัยราชวงศ์ชิง แผ่นดินได้เกิดกลียุคแย่งชิงความเป็นใหญ่ ระหว่างอิทธิพลของพ่อค้า กับ อิทธิพลในระบอบอามาตยาธิปไตย ในยุคนี้เหล่าบรรดาขุนนางทั้งฝ่ายบู๊ ฝ่ายบุ๋น ที่เป็นตงฉินหรือมีนิสัยซื่อตรง ก็มักจะโดนกดขี่ข่มเหงจนไม่สามารถจะตั้งใจทำงานให้ได้ ผลจากการนี้จึงทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน จากพวกข้าราชการที่ชอบสอพลอปอปั้น มักไม่มีความรู้ในด้านงานที่ตนเองต้องเข้ามาบริหาร นำเอาระบบการตรวจสอบจากประเทศยุโรปมาใช้ซึ่งเป็นระบบที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้ดีด้วยการขยันทำงาน ดังนั้นเมื่อคนทำงานแล้วไม่ค่อยได้ดี ก็นับวันจะมีคนที่ไม่ทำงานแล้วหวังจะได้ดีมากขึ้น ไม่แปลกใจเลยว่า เมื่อเป็นอย่างงี้แล้ว ฟ้าฝนก็จะไม่ตกต้องตามฤดูกาล โจรขโมยก็มากขึ้น ทุกครอบครัวของประชาชนเดือนร้อน กลุ่มคนต่างๆในแผ่นดินฮวนนี้ก็เริ่มแข็งข้อตั้งตัวเป็นใหญ่ในทุกตำบล
เง็กเซียงฮ่องเต้ จึงได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางบนท้องฟ้า ว่าในแผ่นดินจีนก็ได้ส่งเทพต่างๆไปจุติแล้วสร้างราชวงศ์ใหม่ๆแล้ว และในบัดนี้แผ่นดินฮวนเกิดทุรยุคจะได้เทพองค์ไหนลงไปปราบพวกชั่วร้ายในแผ่นดินฮวนได้ เง็กเซียงฮ่องเต้มองไปมาก็ไม่มีเหล่าเทพองค์ใดจะอาสา เนื่องจากต้องลงไปลำบากเผลอไผลทำอะไรผิดลงไปคงไม่ได้มาเกิดเป็นเทพอีก จะกลับกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานไป ขณะนั้นเองก็มีเทพแห่งท้องฟ้า อาสาเพราะเห็นแก่มนุษย์ชาวฮวน เง็กเซียงฯยิ้มให้แล้วก็ให้เทพแห่งท้องฟ้าลงไปจุติได้
กล่าวถึงครอบครัวที่เทพแห่งท้องฟ้าจะมาจุติ บ้านบางกระบือ มีครอบครัวหนึ่ง ผู้ชายชื่อ ซัม ส่วนผู้หญิงชื่อนางเล็กสี คืนวันหนึ่งฝันว่ามีสายรุ้งจากฟ้าแวบเข้ามาในบ้าน กลายเป็นหนูสีขาวน่ารักตัวหนึ่ง แล้วก็วิ่งหายเข้าไปในกายนางเล็กสี หลังจากวันนั้นนางเล็กสีก็ตั้งครรภ์ วันที่นางเล็กสีจะคลอด ปรากฏกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน นางเล็กสีคลอดลูกออกมาเป็นชายตั้งชื่อว่า อั่น
เจ้าเด็กอั่น ได้เล่นกับลูกชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น และเด็กทั้งปวงยกให้เป็นหัวหน้า เจ้าอั่นจะใช้อย่างใดเด็กๆพวกนั้นก็ทำตาม อยู่มาวันหนึ่งเจ้าอั่นได้ไปพบกับซินแสคนหนึ่ง เขาก็เลยเข้าไปขอให้ซินแสนั้นดุดวงชะตาให้ ซินแส นั้นมองพิจารณาดูสีหน้าแล้วก็เห็นว่าจะมีวาสนาต่อไป แต่ยังต้องผ่านเคราะห์กรรมวิบากอีกมากจึงจะสำเร็จผลได้ ซินแสก็บอกว่า ขอให้ลื้อได้พยายามศึกษาให้มากๆไว้ก็เลี้ยวกัน แล้วจะได้ดี ซินแสคนนั้นก็เดินจากไป พอเจ้าอั่นเผลอซินแสคนนั้นก็หายไป
เจ้าอั่นเห็นดังนั้นก็ก้มกราบด้วยรู้ว่าเป็นเซียนมาบอกแน่ นับตั้งแต่วันนั้นมาเจ้าอั่นก็เก็บความไว้และมุ่งประพฤติแต่การหาความรู้ทั้งบู๊และบุ๋น
และเมื่อทางการได้ประกาศสอบจอหงวนเจ้าอั่นก็ได้เดินทางไปสอบ ในระหว่างการสอบเจ้าอั่นแทบจะโยนพู่กันทิ้งเนื่องจากความเครียดจากความยากของข้อสอบไล่ แต่ทว่าจากการระลึกได้ว่าได้อดทนต่อการอ่านตำรับตำรามานานก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนทำจนกระทั่งหมดเวลาทำ
ในระหว่างการรอ เจ้าอั่นก็ต้องเตร็ดเตร่รอเวลาประกาศผลอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในเมืองหลวงมีแสงสีเป็นอันมาก โดยเฉพาะหอโคมหลากสี และมีนางยั่วเมืองอยู่เต็ม อีกทั้งความสนุกสนานพิสดารมากมาย เจ้าอั่นได้เข้าหอนางโลมหลายต่อหลายที่ ก็ชักเคลิบเคลิ้ม ดีแต่ว่าได้เวลาที่ประกาศผลสอบพอดี ทางราชการรับเข้าเพียงสองร้อยคน เจ้าอั่นเข้าไปได้คนที่สองร้อยพอดี ก็นับว่าเป็นโชคดีแบบเหงื่อตก
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ