กระรอกบนต้นไม้
สะพั่งสะท้านไมภพ
ชีวิตของผมไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เดิมทีผมก็มีบ้านอยู่แถวสวนจตุจักร ในบ้านผมจะมีลูกกรงให้ไต่เล่น มีอาหารผลไม้และน้ำกินไม่เคยขาด แต่มีวันหนึ่งมีคนผู้ชายอายุประมาณ ห้าสิบปีเห็นจะได้แกมาด้อมด้อมมองมองผมอยู่แล้วก็ยิ้มแล้วก็หันไปพูดจากับเจ้าของผม เจ้าของผมก็ยิ้มหน้าบานและรับเงินจากชายคนนั้น แล้วเขาก็หิ้วผมมา
ในวันรุ่งขึ้นเขาเปิดประตูให้ผมออกจากกรงและหันปากประตูกรงไปบนกิ่งไม้ ผมเห็นดังนั้นผมก็เข้าใจทันทีว่า เขาต้องการให้ผมออกจากกรง ผมไม่ทันคิดผมก็เลยโดดไปที่กิ่งนั้นทันที
ผมได้มองตาของคนนั้นที่เขาปล่อยผม ตาของเราประสานกัน ผมเห็นแววปลาบปลื้มบนตาของเขา เห็นความรุ้สึกอิ่มเอม สำหรับผมเอง ผมเองยังงงอยู่ว่าจะทำอะไรต่อไป มันจะดีใจก็ดีใจที่มีบ้านที่กว้างขวางมากขึ้น แต่ทว่าแล้วอาหารการกินจะทำอย่างไร ผมสะบัดหัวที่งุนงง หันมาผจญกับความจริงของชีวิต แล้วผมก็ไต่วิ่งกระโดดเล่นอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งหิว แต่ทว่าก็เห็นมะขามเทศต้นเบ้อเริ่มฝักอวบอูมแดงระเรื่อหอม ผมรีบกระโดดเข้าไปหยิบมากินทันที โอ้มันช่างหอมหวานจริงๆ ในวันนั้นชีวิตของผมก็มีความสุขไปอีกวัน
วันต่อมามันช่างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ผมได้ปีนป่ายไปทางทิศต่างๆแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีกระรอกแบบผมเลยคงมีแต่ผมตัวเดียวที่ว้าเหว่มาก แต่ก็ได้เพื่อนนก เพื่อนหมา เพื่อนแมว ส่งเสียงทักทายพอแก้เหงาได้นิดหนึ่ง
พอย่างเข้าหน้าหนาวอีกปีหนึ่งต่อมา ทีนี้ผมต้องงงงันทีเดียว เพราะผมเจอกระรอกหลายตัวมาก วิ่งเล่นไปมา เจี้ยวจ้าวไปหมด ผมก็ตะโกนเรียกเขาทันที พวกเขาก็วิ่งมาหาผมและมองผมตาแป๋ว ผมยิ้มแล้วทักทายพวกเขาว่า
มายังไงกันนี่
พวกเขาบอกว่า ก็คนไปเอามาจากบ้านและเอามาปล่อยพร้อมๆกันหลายตัว
เออดี นี่ ต่อไปเราจะได้อยู่เป็นฝูงเดียวกัน
เมื่อกระรอกทั้งฝูงตกลงกันก็พากันหากินด้วยกันโดยผมได้เป็นผู้นำฝูง
ทีนี้พอปีหน้าหน้าหนาวไม่รู้ว่าจะมีกะรอกอีกสักกี่ตัวที่จะโดนปล่อยออกมา ผมก็ได้จัดการเตรียมการเรื่องการสำรวจหาแหล่งอาหารในทิศทางต่างๆเพื่อเตรียมรองรับสมาชิกใหม่ตัวน้อยในครอบครัว และสมาชิกกระรอกใหม่ที่ถูกปล่อย
สังคมกระรอกกรุงเริ่มต้นขึ้นแล้ว เราต้องขอขอบคุณพี่หารบกและพี่หารอากาศที่ปล่อยให้เราได้มาใช้ชีวิตอย่างบรมสุข แต่เรายังไม่รู้ว่าพี่หรวดกับพี่หารเรือเค้าจะชอบปล่อยกระรอกเหมือนกันหรือเปล่า อ้อพลเรือนด้วยจะชอบปล่อยหรือเปล่า หากชอบเหมือนกันละก็ ผมก็จะได้จัดตั้ง กระรอกพลเรือน ตำรวจ ทหาร ให้เป็นสถานบันใหม่ขึ้นทีเดียว และเราก็จะดูแลไม่ให้สมาชิกของเราเข้าไปในบ้านเรือนคนไปฉกชิงอาหารผลไม้ของมนุษย์ และยังคงยืนยันในยุทธศาสตร์ของเราว่า กินขี้ปี้นอน เท่านั้น ไม่มีอื่นๆ ผมหวังว่าสถาบันกระรอกพลเรือนตำรวจทหารจะยืนยงคงอยู่ตามยุทธศาสตร์ของเราได้ตลอดไป
แต่ทว่าพ่อเจ้าประคุณ นิยายเรื่องใดก็แล้วแต่หากไม่มีตัวโกงบ้างก็น่าเกียจ มีคนอยู่คนหนึ่งเขาเฝ้ามองกระรอกของเรา แล้วเขาก็วางกับดักจับเราเอาเราไป แต่มีบางตัวเท่านั้นที่ได้กลับมาในตอนหน้าหนาว ส่วนอีกหลายตัวทราบข่าวว่า โดนเอาไปปล่อยที่อื่น จนพวกเราชาชิน แล้วโดนดักจับแล้วก็โดนปล่อยอย่างนี้จนไม่ค่อยตกใจเมื่อถูกจับ พวกเรานั่งถกเถียงกันว่า คนเขาทำอะไรกันบ้างก็จับ บ้างก็ปล่อย บ้างก็เลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่ค่อยจะมีแนวทางที่ชัดเจนให้เข้าใจได้อย่างง่าย วันหนึ่งผมก็เลยไปถามพี่หมา ซึ่งคนเขามักจะเรียกว่าน้องหมา พี่หมาบอกว่า กูยังงงเลย แทนที่จะรักคนมากกว่ารักหมาดันรักหมามากกว่าคน เวลาพูดกับหมาหรือหมาพูดกับคนเนี่ยดันกลับรู้เรื่อง แต่ทว่าพอเวลาพูดกับคนเห็นเห่ากันไปมาส่งเสียงดังลั่นจนพี่หมาเองยังหางจุกตูด กูละงงจริงๆ ผมได้ฟังแล้วก็ไปเรียกพวกกระรอกของผมมานั่งฟังและสัมมนาระดมความคิดเห็นกัน ก็ได้ข้อสรุปว่า อย่าเข้าไปใกล้มนุษย์มากนัก
วันหนึ่งผมได้ไปไกลจากถิ่นเพื่อการสำรวจได้เห็นคนๆหนึ่งแกแบกกิ้งก่ายักษ์เดิน ผมก็เอาข่าวนั้นมาเข้าประชุม สรุปว่า เป็นกิ้งก่าดีกว่าเป็นกระรอก เพราะไม่ต้องเดินให้เมื่อยจะมีคนมาอุ้ม
วันหนึ่งผมเห็นพี่หมานอนซมน้ำตาซึมเนื้อตัวมอมแมม ผอมโซ ผมก็เข้าไปถามพี่หมา พี่หมาเอาแต่ร้องไห้ และพูดด้วยเสียงละห้อยแหบแห้งว่า
ข้าอุตส่าห์จงรักภักดี เห่าหอน ดูแลบ้าน เล่นกับลูกคน แต่พอข้าแก่ ข้าเป็นขี้เรื้อน พวกมันก็จับข้า ขับไล่ข้าให้ออกไปจากบ้าน ข้าไม่ไป มันก็จับข้ามาปล่อยที่วัด
ผมได้ฟังผมก็พลอยน้ำตาตกไปกับเขาด้วยและก็นำเรื่องมาเล่าให้สมาคมกระรอกพลเรือน ทหาร ตำรวจได้ฟัง พวกเขาได้ฟังก็พลอยพยักหน้าหงึกหงักกันทั่วทุกตัว
ชีวิตของผมก็ดีกว่าชีวิตของพี่หมามากนัก ที่แม้จะจงรักภักดีสุดชีวิตแล้วก็ยังถูกคนทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี พวกกระรอกของผมได้พยายามที่จะห่างไกลจากคนให้มากที่สุด ไม่ปลื้มหลงเคลิ้มกับรอยยิ้มหรือประกายตาที่เมตตาของคนเป็นอันขาด เพราะเมื่อใดที่เข้าไปเกียวข้องกับคนแล้วดูเหมือนว่าจะมีแต่ความมึนงงไม่เข้าใจแต่เพียงอย่างเดียว ผมเชื่อว่าแม้แต่มนุษย์ก็คงจะไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน