เสียงหัวเราะคือบทเพลง แห่งความสุข

คีตากะ

การทดลองทางวิทยาศาสตร์ได้แสดงวิธีอันเหลือเชื่อที่จะฆ่าหนูตะเภา อารมณ์ที่หงุดหงิดจะสร้างสารพิษที่มีอำนาจและร้ายแรงถึงชีวิตได้ เลือดที่ถูกดูดเอามาจากคนที่ได้พบกับความหวาดกลัวอย่างมาก หรือมีอารมณ์โกรธมากนั้น เมื่อนำมาฉีดเข้าไปในหนูตะเภา ก็ทำให้มันตายได้ในเวลาไม่ถึงสองนาที ลองคิดดูว่า สารพิษเหล่านี้จะสามารถทำอะไรในร่างกายของคุณได้ สารพิษที่ความกลัว ความโกรธ ความหงุดหงิด และความเครียด สร้างออกมานั้น ไม่เพียงแต่สามารถฆ่าหนูตะเภาได้ แต่สามารถฆ่าหรือทำลาย เราได้ในลักษณะที่คล้ายๆกัน
คัดมาจากหนังสือ  การมีความสุข เขียนโดย แอนดรูว์ แมททิวส์, ศิลปินและนักเขียนชาวอเมริกัน
	
	มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยังคงมีสุขภาพที่ดี ขณะที่มีชีวิตอยู่กับความกลัว ความกังวล และความกระวนกระวายใจ ดร.คาทส์ ได้ทำการทดลองตรวจส่วนประกอบของลมหายใจออกของคน เขาใช้หลอดทดลองเก็บลมหายใจออกของคนๆหนึ่ง ซึ่งหลังจากแช่แข็งแล้ว ก็ควบแน่นออกมาเป็นหยดน้ำอยู่ก้นหลอด จากการตรวจสอบของเขา เขาพบว่าสำหรับคนที่ร่าเริง ยิ้มแย้มเสมอ สีของน้ำที่ขับออกมานั้นเป็นสีม่วงอ่อนสวยงาม หรือไม่ก็เป็นสีทองอมขาว สำหรับคนที่มีอารมณ์โกรธขึ้งอยู่เสมอ น้ำที่ขับออกมานั้นจะเป็นสีดำมืดหรือสีเทา ดร.คาทส์ได้รวบรวมสิ่งที่ขับออกมาของคนแบบต่างๆโดยเฉพาะ เมื่อคนกลุ่มนี้เพ่งรวมความคิดอยู่กับการแช่งด่าคนอื่น สิ่งที่พวกเขาขับออกมาจะเป็นสีน้ำตาลขุ่นแบบโคลน หรือว่าเป็นสีดำ และเมื่อฉีดน้ำนี้เข้าไปในหนูตะเภา มันจะตายภายในเวลาห้าถึงหกนาทีปรากฏการณ์นี้ทุกคนควรจะใส่ใจระมัดระวังกัน
คัดมาจากหนังสือ เยือนมิติที่สี่ เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาเหนือธรรมชาติชาวญี่ปุ่น มิวูละ เซอิลิว ฮิโตมาซา

	ในหนังสือของนอร์แมน คัซซินส์ ชื่อ กายวิภาคของความเจ็บป่วย เขาเล่าวิธีที่เขาฟื้นตัวจากโรคง่อยมามีชีวิตที่เป็นปกติและสุขภาพดีว่า ยาสำคัญของเขาก็คือ  หัวเราะมากๆ คัซซินส์เชื่อว่าความเคร่งเครียดจริงจังต่อการใช้ชีวิตของเขาทำให้เขาเจ็บป่วย และก็คิดว่าเขาจะสามารถทำให้สถานการณ์แปรเปลี่ยนกลับมาใหม่โดยการหัวเราะได้ เขาได้แสดงให้เห็นสิ่งที่คนพูดกันมานานแล้วว่า การหัวเราะเป็นยาที่ดีที่สุด เวลาคุณหัวเราะ จะมีสิ่งมหัศจรรย์นานาชนิดเกิดขึ้นที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจของคุณ ฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินสะถูกหลั่งออกมาในสมองของคุณ ทำให้คุณรู้สึกสบายมาก และระบบการหายใจของคุณก็เหมือนกับได้ออกกำลัง แบบที่คุณอาจจะได้รับจากการวิ่งเหยาะๆ
	การหัวเราะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด คุณจะหัวเราะได้ก็ต่อเมื่อคุณรู้สึกผ่อนคลาย และยิ่งคุณผ่อนคลายมากขึ้น  คุณก็จะรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง ที่จริงแล้ว คุณไม่มีทางจะเป็นโรคกระเพราะและก็หัวเราะได้ในเวลาเดียวกัน คุณต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับความเจ็บป่วยอื่นๆ เรามักจะป่วยไข้บ่อยๆ เพราะการเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังกับตัวเอง และชีวิตมากเกินไป สิ่งที่เราจำเป็นจะต้องทำก็คือ หัวเราะเพื่อช่วยให้เรามีสุขภาพดี 
	ศิลปะของการมีความสุข เกี่ยวข้องกับความสามารถในการหัวเราะในเวลาที่มีสถานการณ์ลำบากได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หลังจากที่เกิดสถานการณ์นั้นแล้ว คนๆหนึ่งที่เกี่ยวข้องในสถานการณ์ข้างต้นนี้ จะต้านทานไม่ยอมหัวเราะไปสองปี อีกคนหนึ่งอาจจะตัดสินใจว่าหลังจากเวลาสองสัปดาห์ผ่านไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะหยุดร้องไห้เสียทีและก็เริ่มหัวเราะใหม่ ดังนั้น คนๆแรกก็ต้องจมอยู่ในความทุกข์นานกว่าอีกคนหนึ่งถึงห้าสิบเท่า แล้วเขาก็เลือกที่จะทำเองด้วย
	เราทุกคนล้วนต้องทุกข์กับความอับโชค คนที่มีความสุขเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการที่ต้องรอคอยนานเกินไปที่จะเห็นด้านที่ตลกๆ ของความผิดหวังของพวกเขา
	จำไว้เถิดว่าความลำบากของเรานั้นจะดูใหญ่โตมากสำหรับเรา มากกว่าสำหรับคนอื่นเสมอ ถ้าคนอื่นๆไม่มีใครที่นอนไม่หลับ บางที่เราก็อาจจะไม่จำเป็นจะต้องนอนไม่หลับด้วยเช่นกัน
	ความรับผิดชอบที่สำคัญของเราต่อคนอื่นอย่างหนึ่งก็คือ การทำให้ตัวเองมีความสุข ! เวลาเราสุขสนุกสนาน เราก็จะรู้สึกดีกว่า เราจะทำงานได้ดีขึ้น และคนก็อยากมาอยู่ใกล้ๆตัวเรา ชีวิตไม่เคร่งเครียดจริงจังขนาดนั้นหรอก มาสนใจมีอารมณ์ขันให้มากกว่านี้ดีกว่า
คัดมาจากหนังสือ "การมีความสุข !"  (เดิมเป็นภาษาอังกฤษ) 
                                                      ใครขี้เกียจที่สุด ?
                     มีเรื่องตลกๆเกี่ยวกับเรื่องความขี้เกียจอยู่เรื่องหนึ่ง คือ มีชายสามคนกำลังนอนอยู่ข้างถนนไม่ทำอะไรเลย มีคนๆหนึ่งเดินผ่านมาแล้วก็ถามด้วยความอยากรู้ว่า อา ! พวกเธอสามคนกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ?
	พวกเขาก็บอกว่า   โอ! เราขี้เกียจมาก ก็เลยนอนอยู่ตรงนี้ เราไม่อยากทำงาน|
	คนนั้นก็พูดว่า เหรอ, ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ พวกเธอบอกฉันทีซิว่าพวกเธอพวกเธอขี้เกียจกันขนาดไหน ฉันจะให้เงินหนึ่งดอลลาร์แก่คนที่ขี้เกียจที่สุด
	ถ้าใครอยากจะขี้เกียจ ก็อาจจะต้องขี้เกียจอย่างเต็มที่ เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่มีอะไรจะมาแย้ง
	คนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า  ฉันกระหายน้ำมาก ทั้งหิวทั้งกระหายเลย ฉันมีลูกแพร์อยู่ในกระเป๋าของฉันลูกหนึ่ง แต่ฉันขี้เกียจมากจนไม่ยอมหยิบมันออกมากิน
	คนต่อมาก็พูดว่า เหรอ! แค่นั้นไม่มีอะไรหรอก พระอาทิตย์ส่องตาฉันทำให้ฉันเคืองตาตลอด แต่ว่าฉันขี้เกียจจะหันหน้าหนี
	คนที่สามก็พูดว่า  เออ, สองคนนี้ก็ยังไม่แย่เท่าไหร่หรอก ฉันสิขี้เกียจที่สุด  แล้วก็พูดต่อไปว่า  ฉันอยากจะหลับเหลือเกิน รู้สึกเพลียมากเลย! แต่ฉันขี้เกียจจะปิดตาลงมา (ผู้ฟังหัวเราะ) 
เล่าโดยท่าน Suma Ching Hai ที่ศูนย์เทียนชาน ในฮ่องกง(เดิมเป็นภาษาจีน)
				
comments powered by Disqus
  • ต้นทิวา

    8 มกราคม 2551 01:34 น. - comment id 98856

    36.gif36.gif36.gif13.gif59.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน