*+*+*+*+* หลังคาใหม่ *+*+*+*+*+*

13 นางมาร

โฮ่ง ฮ่อง ๆๆ แฮ่ก หงิง หงิง ๆๆๆๆๆ
            "ว่าไงเจ้ารถถัง วันนี้ไปคุ้ยต้นไม้ของแม่มากัดเล่นหรือเปล่า" หลังจากกลับจากการผจญ ชีวิตในสังคมการทำงาน
            พิมกลับถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ก็ยังดีที่มีเจ้ารถถัง มาต้อนรับด้วยการตะกุยประตูบ้าน
           พร้อมด้วย แววตา ดีใจ ที่เจ้านายกลับมา  เมื่อจอดรถเปิดประตูเจ้ารถถังก็จะตะกุยตะกาย
            " เดี๋ยวถุงน่องขาด ไอ้รถถังเดี๋ยวก่อน " พิมรีบไล่เจ้าถังออกไปก่อนก็ตัวมันออกจะโต แรงก็เยอะ
           ขณะที่ กำลังจะปิดประตูหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงคุณตาเรียก
          " พิมกลับมาแล้วหรอ เข้ามาดูหลังคาใหม่ในครัวสิ สวยอย่างกับโรงละครเลย " ตาพูดด้วยเสียงแสดงความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
           คุณตาคนนี้บ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้านพิม จริงๆคุณตาซื้อบ้านก่อนแล้วบังเอิญ บ้านตรงข้ามขาย ฉันเลยได้มาอยู่ใกล้กันนับว่าเป็นบุญของฉันจริงๆ
คุณตาเล็ก แม้ไม่ใช่พ่อของแม่ แต่ในความผูกผันกันนั้นเราเป็นยิ่งกว่าญาติ นานมาแล้ว สมัยที่คุณตาทวดของพิมยังหนุ่ม ได้รับอุปการะ เด็กชายจากต่างจังหวัดมาเป็นลูกบุญธรรมเลี้ยงดู ส่งเสีย จนได้ดิบได้ดี คุณยายที่เป็นยายแท้ๆ ของพิมจึงมีศักดิ์เป็นน้องสาวของคุณตาเล็ก และพิมก็รักและเคารพคุณตาเล็กและคุณยายจิ๋ว ดังเป็นตายายจริงๆก้าวเข้าบ้านคุณยาย ภาพความทรงจำวัยเด็กปรากฎขึ้นในความทรงจำ
                      "พิม กินขนมลูกวันนี้ ตามี เนยแข็งและขนมปัง ฝรั่งเศษ  สเต็กเนื้อแกะก็มีน่ะ" คุณตาซึ่งทำงานให้สายการบินชื่อดัง มักหอบหิวของดีๆจากบนเครื่องลงมาให้ลูกหลานกิน
                       " โอโห มีช็อกโกแลต กับไข่ปลาคาร์เวียด้วย " ของกินมากมายในตู้เย็นที่คุณตานำมาให้ พิมเองก็ชอบกินอาหารฝรั่งอยู่แล้วไม่น่าแปลกใจที่ทำไม ตอนโต พิมถึงได้ชอบขนม นม เนย และของหวาน ไอศครีม
                    
ครอบครัวคุณตาเป็นครอบครัวใหญ่ แค่ลูกๆก็ 5 คนแล้ว และยังมีหลานๆอีก เป็นครอบครัวที่อบอุ่น
แม้บางครั้งจะอุ่นจนกลายเป็นร้อน ด้วยเสียงเด็กทะเลาะกัน แต่ก็ยังดี ดีกว่าบ้านของพิมที่มีแต่ความเงียบ 
บ้านพิมมีคนอยู่เพียง 3 คน แม่ซึ่งทำงานนอกบ้านกลับดึก และพิม กับ พลอย วัยเด็กของพิมที่น่าจะเป็นเด็กที่มีปัญหาเพราะ พ่อกับแม่ความคิดต่างกันจนเกินกว่าจะร่วมทางกันได้  แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะพิมได้ไออุ่นจากครอบครัวคุณตาที่พิมและน้องไปอยู่ไปกินข้าว ไปนอนเล่นตั้งแต่เด็กจนโต จะกลับบ้านมาก็เฉพาะตอนนอน ไม่น่าแปลกใจที่พิมจะสมมุติว่าบ้านคุณยายก็คือบ้านพิมอีกหลังหลายครั้งที่ได้รับความเจ็บช้ำใจ จากนอกบ้านแค่ได้มาเล่าให้คุณยายฟังทุกข์โศกใดก็ดูจะผ่อนคลายลง
                           "พิม พิม มาดูหลังคาสิลูก " เสียงคุณตาเรียกทำให้พิมตื่นจากภวัง
                           "มาแล้วค่ะกำลังจะเดินไป " พิมเปิดประตูหลังครัวเข้าไป 
                           " โอโห ตารื้อทำใหม่ซ่ะสวยเชียว " สถานที่ปรุงอาหารที่เราเรียกว่าครัว นั้นมีโต๊ะเก่าๆผุ ซึ่งมีเตาแก๊สตั้งอยู่ข้างๆมีโอ่งน้ำกาละมังล้างจาน และท่อระบายน้ำ จริงๆแล้วครัวของคุณยายไม่ได้อยู่ในตัวบ้านแต่อยู่หลังบ้านใต้ชายคา ยามใดฝนตก คนที่ทำกับข้าวก็จะต้องโดนน้ำฝนหยด แหมะๆๆ เพราะหลังคาที่อยู่ชั้น 2 ของบ้านสั้นเกินกว่าจะป้องกันแดดฝน
                    เมื่อหลายปีก่อนคุณตาได้หาไม้ไผ่มาเสียบต่อออกไปจากตัวบ้านและนำผ้ายางมาคลุมบนไม้ไผ่พวกนั้นเป็นหลังคาชั่วคราว
                    วันนั้นเมื่อพิมกลับมาจากโรงเรียนและแวะไปหาคุณยายในครัว
                      " พิม มาดูนี่สิ ปฏิมากรรมของตา มันจะหล่นมาทับหัวกระบานไหมนี่ " ยายพูดพลางหยิบผักบุ้งในกระทะผัดกลิ่นหอมชวนให้หิวข้าว
                      พิมเดินไปดูที่หลังคาไม่ไผ่และสารพัดไม้ที่คุณตาจะหาได้แล้วก็ หัวเราะกับคุณยาย เสียวไส้จริงๆ ว่าวันไหนลมพัดแรง ไม่พวกนั้น
                     มันจะหล่นลงมาไหม        
                     " ยาย เดินดีๆๆน่ะ อย่าเอาอะไรไปโดนมันบ่ะ เดียวมันจะพังลงมาทั้งแถบ " 
                        จั๊กๆๆๆ เสียงฝนตกฟ้าคำราม วันนั้นยายลงไปทำครัว ขณะกำลังผัดกระเพราะหมูสับใส่ถั่วฝักยาว กลิ่น
                         ฉุนแสบจมูกทำให้ผู้อยู่ใกล้ต้องจามกันถ้วนหน้า
                         " ใครอยู่ข้างใน หยิบน้ำตาลให้ที " เสียงคุณยายเรียกคนในบ้าน
                         พิมลุกไปหยิบน้ำตาลให้ยาย ภาพที่พิมเห็นก็คือ ยายต้องใส่รองเท้าบูต และสวมงอบ กันน้ำท่วมและกันฝนที่หยด
                       ลงมาตามรอยรั่ว 
                       " ยาย รีบทำแล้วรีบเข้าบ้านน่ะ เดี๋ยวไม่สบาย ไม่รีบเข้าบ้านเดี๋ยวอึ่งอ่างมาน่ะ" พิมพูดด้วยความห่วงใยสุขภาพ
                       ของคุณยาย พื้นก็ลื่นฝนก็ตก น้ำก็ท่วม 
                     คุณตาจะรู้ไหมน่ะ ว่าความประหยัดของคุณตาจะทำให้คุณยายซึ่งเป็นคนทำกับข้าวจะต้องลำบากเปียกปอนทำ
กับข้าวให้ทุกคนใน บ้านกิน แต่จะว่าไปพิมคิดว่า น่าจะเป็นสาเหตุมาจากการที่ สมัยก่อนตอนที่คุณตาอยู่บ้านนอกคุณตาฐานะยากจน เมื่อโตมาคุณตาจึงได้รู้ค่าของเงิน รู้จักใช้ทุกบาททุกสตางค์ จนกลายเป็นคนประหยัดเกินไปอะไรที่คุณตาคิดว่าทำได้เอง ก็จะไม่จ้างใครทั้งสิ้น เสียดายเงิน เป็นที่ระอาใจกับความรั้นของคุณตาที่ไม่ยอมซ่อมแซมหลังคาไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร 
                     " พี่เล็ก ชั้นอยากได้หลังคาใหม่ ให้ช่างเค้ามาตีราคาสิ นี่ไม้มันก็ผุมากแล้ว เงินก็มีที่เจ้านิดให้" ยายพูดกับตาด้วยสายตาวิงวอน
                    " ไปจ้างเค้า ก็คิดแพงเป็นหมื่นๆ ชั้นทำเองก็ได้ " พร้อมคำบ่นอีกมากมาย ซึ่งทำให้ทุกคนเบื่อที่จะพูดเรื่องหลังคาอีก
                   วันนี้ที่เดิม ที่ที่เคยที่น้ำรั่ว มีไม้ผุๆ แทนหลังคา กลับถูกแทนที่ด้วยหลังคา อันสวยงาม ต่อยื่นมาจากตัวบ้าน
               ช่างดูแข็งแรง โอโถง ให้ความปลอดภัยแก่คนที่อยู่ด้านล่างได้เป็นอย่างดี
แต่หลังคาใหม่จะรู้ไหมหนอ ว่าตอนนี้พิมเศร้าเหลือประมาณ เนื่องจากวันนี้ ไม่มีเสียงกระทะ เสียงทำกับข้าวอีกต่อไปแล้ว คุณยายจากโลกนี้ไปเมื่อ 6 เดือนก่อนด้วยโรคมะเร็ง
             เวลานี้พิมมองหลังคาพลางคิดยายอย่างจับใจ หลังคานี้ คุณยายอยากได้มาตลอดแต่วันนี้ วันที่มีหลังคาที่กันฝนให้ยายได้
            แต่ยายก็ไม่ได้อยู่ให้หลังคาได้กันแดดกันฝนพิมได้แต่ชมคุณตาว่าสร้างได้สวยดี แต่ฉันก็ยังมีคำถามในใจ 
ทำไมคุณตาไม่ทำตั้งแต่ยายยังอยู่จะได้ใช้ประโยชน์ได้ เพราะยายไม่อยู่ก็ไม่มีคนทำกับข้าวอีกต่อไป คุณตาให้ซื้อกินเอาเพราะทำแล้วมันเปลือง พิมเดินกลับบ้านด้วยความตั้งใจที่ว่า
                 " หากวันนี้ ฉันอยากจะทำสิ่งใดให้คนที่ฉันรัก ฉันจะลงมือทำเดี๋ยวนี้ แทนที่จะทำตอนทุกอย่างสายเกินไป "				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน