รุ้งทอฝัน#8
ฝากรักฟากฟ้า
หลังเข้าพรรษามาได้เกือบสองเดือน เด็กแสงจิ่งเริ่มตื่นเต้นกับเรื่องใหม่นั่นคืองานเทศกาลสลากภัตของวัดในหมู่บ้าน เป็นงานประเพณีที่สำคัญงานหนึ่งของท้องถิ่นอยู่ไม่น้อย ฟังจากแสงจิ่งที่มักจะมีเรื่องราวมาเล่าให้ฟังตลอด และที่เธอตื่นเต้นมากกว่านั่นคือการที่เธอได้เป็นนางรำของกลุ่มเยาวชนในหมู่บ้าน
แม่ครู เจ้าได้เป๋นจั่งฟ้อนโตยเน้อปี๋นี้
เอ็งไม่ได้สวยอะไรหรอกนะ นังจิ่ง แค่เขาขาดคนเท่านั้นเอง
ป้าพรรณแกล้งขัดคอ ทำเอาแสงจิ่งค้อนขวับ
จ้างเต๊อะ เจ้าตึงจะไปฟ้อน
ไปยังไงละคะ ทอรุ้งถาม ด้วยความสนใจ
ไปกับหัววัดนา แม่ครู
เธอตั้งใจอธิบาย ขณะน้องฝันกำลังนั่งทำท่ารำอย่างที่แสงจิ่งเคยรำให้ดู ท่าทางมีความสุขไม่แพ้กัน
วัดบ้านเฮาจะได้ไปหลายวัดอยู่ แผวไชยปราการตวยเน้อ
เธอหมายถึงอำเภอใกล้เคียงซึ่งแยกจากอำเภอฝางออกเป็นอำเภอใหม่ร่วมยี่สิบปีมาแล้ว
งานนี้สนุกค่ะ ครูรุ้ง ชาวบ้านรอให้ถึงงานนี้กัน ป้าพรรณเล่าเสริมอีก
เป็นงานบุญตามประเพณีเดือนสิบของคนเหนือ ที่จะได้ทำบุญถึงผู้ล่วงลับไปซึ่งจะทำกันพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน หรือหากวัดใดมีหลายหมู่บ้าน พระสงฆ์ในวัดจะไม่เพียงพอต่อการรับถวายของจากศรัทธายาติพี่น้อง แต่ละวัดจึงต้องนิมนต์พระภิกษุสามเณรจากวัดอื่นๆ มาร่วมงาน กลายเป็นการแลกเปลี่ยนกันไปในตัว การกำหนดวันงานประเพณีจะไม่ตรงกันทั้งหมด ดังนั้นระยะเวลาของเทศกาลจะยาวนานร่วมเดือน
ของปี้น้องไตเปิ้นเป๋นงานปอยเตียน นางซอเล่าเสริม
เป็นยังไงคะ
เป๋นงานอย่างเดียวกั่บสลากของคนเมือง แต่เปิ้นมีตอนเมื่อคืน
ม่วนขนาด คนมากั๋นจ๊าดนัก แสงจิ่ง ม่วน อย่างเดียว น้องฝัน มา ปี้จิ่งจะสอนฟ้อน
เธอชวนเด็กน้อยที่นั่งฟังตาแป๋วให้ลุกตาม แสงจิ่งร้องเพลงด้วยภาษาไทยใหญ่ที่แปลกหู แต่ทำนองเพลงกลับคุ้นๆ เพราะนำเพลงจากนักร้องยอดนิยมมาดัดแปลงเนื้อเพลง น้องฝันมองดูแล้วทำท่าทางตามเก้ๆ กังๆ รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าบอกถึงความพึงพอใจ
เอาอิ๊ แม่ครูตี๋ก๋องแบบอีก้อเน้อ
ปุบปับเธอก็เปลี่ยนใจไปเฉยๆ ทอรุ้งงงเพราะไม่รู้จัก
อะไร เขาทำยังไง ครูจะรู้มั๊ยเนี่ย
บ่ายากๆ จะอิ๊นา
แล้วสาวจิ่งก้อร้องเลียนเสียงกลองเป็นจังหวะให้เธอฟัง
อี่จิ่งสึงตึง มันใคร่นุ่งซิ่นสั้นเต้น ผู้เป็นแม่กล่าวพร้อมกับหัวเราะ
อ่ะๆ ครูอยากดู ทอรุ้งรับปากอย่างเอาใจพร้อมกับตบมือตามจังหวะที่เธอบอก ยังงี้ได้ป่าว ถูกยังล่ะ
แม่นนะๆ แม่ครูหลวก เป๋นโว่ย แสงจิ่งชม
ป้าพรรณเอาตะกร้าผักที่จะทำอาหารมื้อต่อไปมาร่วมวง นางซอจึงหันไปช่วยเด็ด
มันชมเหรอคำนี้ ป้าพรรณถามประชดกับนางซอ
นางซอไม่ตอบแต่หัวเราะอย่างขบขันลูกสาวตัวเอง แสงจิ่งไม่สนใจยังคงตั้งใจสอนลูกศิษย์ทั้งสอง
ท่ากำเดว เจ้าจะไปเอาก๋องหน้อยมา
พูดจบเธอก็วิ่งปรู๊ดออกไปจากครัวไม่ฟังคำตอบจากใคร น้องฝันยังคงยืนรำอยู่คนเดียว ไม่สนใจใคร
ทอรุ้งมองดูเงียบๆ ฟังเสียงอืออาที่หนูน้อยพยายามส่งเสียงให้เป็นเพลงอย่างที่แสงจิ่งร้องให้ฟัง น่าทึ่งมากที่น้องฝันสามารถจำได้และทำได้แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดก็ตาม
มาละๆ
เสียงแปร่งๆ ในภาษาดังขึ้นก่อนตัว ในมือแสงจิ่งมีกลองใบเล็กซึ่งเป็นของเล่นที่ทอรุ้งหามาสำหรับให้น้องฝันเล่นนั่นเอง
แม่ครู ตี๋จะอี้เน้อ
ครูดนตรี สอนตีกลองตามจังหวะแม้จะเพี้ยนไปบ้างแต่เธอก็มั่นใจว่าถูกต้อง ทอรุ้งพอจะจับจังหวะได้
แม่ครูตี๋ เจ้าจะฟ้อนอีก้อหื้อผ่อ
ครู มอบหมายหน้าที่ให้ ทอรุ้งรับกลองใบเล็กมาทดลองตี น้องฝันหัวเราะด้วยความพอใจ เมื่อพอเป็นจังหวะ แสงจิ่งก็เริ่มแสดง ฟ้อนอีก้อ ให้ดู น้องฝันยืนดูสักพักด้วยความสนใจก่อนจะขยับตาม ป้าพรรณและนางซอเป็นคนดูพร้อมกับการเตรียมอาหาร
แม่ครูมาหยะโตยบ๋อ
แสงจิ่งชวนเมื่อแสดงจบ ทอรุ้งหัวเราะกับคำชวน
ครูเต้นไม่เป็น
ง่ายจ่ะต๋าย น้องฝันยังเต้นได้ ดูหล่อนว่า
ไม่พูดเปล่ายังเดินมาดึงมือเธอให้ลุกด้วย ทอรุ้งจึงยอมร่วมกิจกรรม
ลีๆ ก่อ ส่งแม่ครูไปเป๋นจ้างฟ้อมแหมคน นางซอบอกทั้งที่ยังไม่เห็นฝีมือ
คงโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกมั้ง ซอ
ทอรุ้งพูดปนหัวเราะขำๆ และเมื่อคนสอนตั้งใจสอน ทอรุ้งจึงต้องตั้งใจเรียนโดยมีน้องฝันทำท่าตาม จังหวะที่เต้นไม่ยากสำหรับเธอที่เคยผ่านการเต้นรำจังหวะสากลมาแล้ว แต่ออกจะขัดเขินอยู่บ้างกับการที่ต้องทำท่าร่ายรำไปด้วยขณะเต้น
แม่ตี๋ก๋องหื้อกำ
แสงจิ่งหันไป สั่ง ผู้ดู
โฮ๊ะ! อีนี่ ฮาหยะบ่จ้าง นางซอโวยวาย
ง่ายจะต๋าย แม่ครูยังจ้าง เธอไม่ฟังเสียงส่งกลองพร้อมไม้ตีให้
เอ้า! ช่วยๆ มันหน่อย กำลังสนุก
ป้าพรรณช่วยคะยั้นคะยอ นางซอจึงยอมวางมือจากการหั่นผักมาเป็นมือกลองจำเป็นให้ แสงจิ่งสอนผู้เป็นแม่ตีให้เป็นจังหวะให้ได้ ทอรุ้งมองดูแล้วคิดว่าแสงจิ่งออกจะเป็นเด็กสาวที่มีความตั้งใจอย่างยิ่งคนหนึ่ง
หลังจากที่นางซอสามารถทำได้ตามความต้องการของแสงจิ่ง คณะผู้แสดงทั้งสามก็เริ่มแสดงโดยมีแสงจิ่งเป็นผู้นำ สิ่งที่ทอรุ้งพึงพอใจนั่นคือการที่น้องฝันเข้าร่วมกิจกรรมด้วยความสนุกสนาน แก้มบางใสแดงระเรื่อ หายใจเหนื่อยๆ เพราะต้องกระโดดโลดเต้นตามจังหวะกลอง
ถึงแม้จะยังไม่สามารถทำตามได้เหมือนคนนำ รอยยิ้มและแววตาที่เลื่อนลอยเริ่มฉายแววของความรู้สึก เธอแอบบันทึกสิ่งที่เธอสังเกตเหล่านี้ไว้ในใจ ป้าพรรณยิ้มขำๆ ให้เธอ
โอ่ย... เหนื่อย พอแหละ
ทอรุ้งอุธรณ์ หายใจหอบๆ หยุดฝึกเต้นหันกลับมานั่งร่วมวงกับแม่บ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอิงประตูห้องครัว ท่าทางสบายๆ มีรอยยิ้มอย่างครึกครื้นหลังใบหน้าที่รกเครา
เสียดายจัง เพิ่งมาดูได้แป็บเดียว
...มิน่าล่ะ ป้าพรรณถึงแอบขำเรา... ทอรุ้งได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ ไม่รู้เขาจะคิดอย่างไรเมื่อได้มาเห็นเธอออกไปกระโดดโลดเต้นอย่างเด้กๆ แบบนั้น
ป๊ะ! น้องฝันเรียกและวิ่งไปหาอย่างดีใจ เขาก้มตัวลงอุ้มร่างน้อยไว้แล้วชูขึ้นสุดแขน หมุนไปรอบๆ
โอ้ๆๆๆๆ หนักๆๆๆๆ ปุยนุ่นกลายเป็นลุกหมูแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
น้องฝันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ เขาอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขนราวกับกับอุ้มตุ๊กตา
ทำอะไรเหรอครับ เห็นสนุกกัน
ซ้อมฟ้อนเจ้า ป้อเลี้ยง คนรายงานกลับเป็นแสงจิ่ง
ฟ้อนรัยล่ะเรา เขาหันไปคุยด้วยอย่างใจดี ได้ยินข่าวปีนี้ได้เป็นจ้างฟ้อนกับเขาด้วยนี่ ใช่ป่าว
แม่นล่ะเจ้า เธอตอบพร้อมกับยิ้มหน้าบานอย่างภูมิใจ
โห ยังงี้ก้อเป็นสาวล่ะสิ
โฮะ ป้อเลี้ยง ว่าไปเรื่อย แสงจิ่งหน้าแดง อายม้วนต้วน
มันแห้นนะป้อเลี้ยง นางซอขัดคอ
ไม่เป็นไรหรอก ...แล้วครูล่ะครับ เขาหันมาถามครูทอรุ้ง
เปล่าค่ะ แค่ฝึกเล่นตามแสงจิ่งเท่านั้นเองค่ะ
ม๊ะ เต้ง น้องฝันบอกพ่อเสียงแจ๋ว
น้องฝันชอบมั๊ยคะ ปราชญ์ก้มลงพูดกับลูกสาวด้วยน้ำใจที่อ่อนโยน
น้อง เต้งกะม๊ะ
น้องฝันกับแม่ครูหลวก สอนกำเดวก้อจ้างล่ะ แสงจิ่งอวดลูกศิษย์
แล้วจะไปออกงานเมื่อไหร่ล่ะ จิ่ง เขาหันไปถามแสงจิ่ง
แหมสองติ๊ดจะได้ไปฟ้อนล่ะ
แสงจิ่งตอบพร้อมขออนุญาตนายจ้างไปช่วยงานวัด
ช่วงนี้มันท่าจะได้ไปบ่อยเน้อเจ้า ป้อเลี้ยง นางซอช่วยพูดให้ลูกสาว
ไปเถอะ ช่วยงานวัดมั่ง เขาอนุญาต แล้ววัดเราจะมีงานเมื่อไหร่กัน
เห็นนายหรุ่งบอกเดือนตุลานะคะ คุณปราชญ์ ป้าพรรณตอบแทน
อือ ช่วงส้มจะสุกพอดี งานยุ่งๆ หน่อย เขารับทราบ ทางวัดมีอะไรจะให้ช่วยก้อบอกนะครับ ป้าพรรณ
งั้นรับต้นสลากโชคไว้ต้นนึงสิคะ
ป้าพรรณเสนอซึ่งเขารับปากทันที แสงจิ่งยิ้มกว้างอย่างสนุกสนานไปตามประสา
ปี๋นี้สวนเฮาท่าจะม่วน
ทำไมล่ะ
ก่อป้อเลี้ยงฮับต้นสลากโจ้ก เขาก่อมาฮอม ล่ะคนทางบ้านใต้ของป้อเลี้ยงแฮ่มลอ
แสงจิ่งสาธยาย ทำให้รู้ว่างานนี้จะมีญาติพี่น้องของปราชญ์จากสุพรรณบุรี ...บ้านเกิดของเขา.... จะขึ้นมาเที่ยวด้วย ทอรุ้งรับฟังไปเงียบๆ ด้วยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แต่ละคนต่างคุยกันถึงเรื่องงานวัดบ้าง ของที่ต้องเตรียมบ้าง
ดูจะเป็นงานที่สำคัญอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่แต่เพียงแสงจิ่งเท่านั้น คนงานในสวนล้วนแต่คุยกันเรื่องนี้ ช่วงกลางคืนตอนหัวค่ำหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเรียบร้อย แสงจิ่งก็จะไปฝึกการแสดงที่วัดในหมู่บ้านร่วมกับบารรดาสาวๆ ของหมู่บ้าน โดยมีนายหรุ่งขับรถรับส่งตามที่ปราชญ์มอบหมายให้รับผิดชอบ ทั้งยังมักจะมีหนุ่มๆ สาวๆ ในสวนติดรถออกไปที่วัดด้วย แสงจิ่งจะมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ
ทุกคืนจะได้ยินเสียงเพลงลอยแว่วมาจากวัด บางคืนก็เป็นการแจ้งข่าวต่างๆ จากทางวัดเกี่ยวกับงาน นายหรุ่งจะเป็นตัวแทนของปราชญ์ไปโดยปริยายที่จะรับงานตามที่วัดขอมา
วันพระหน้า คุณปราชญ์ไปวัดนะ ป้าพรรณกำชับขณะมื้ออาหารในเย็นวันหนึ่ง
อ้าว ทำไมล่ะ
คุณปราชญ์จำไม่ได้เหรอ
ป้าพรรณมองมาอย่างตำหนิ เขายังทำหน้างง
วันเกิดน้องฝันค่ะ
โอ... ผมลืมไปจริงๆ
ทอรุ้งมองดูเขาอย่างแปลกใจ ...ลืมวันเกิดลูกสาวเนี่ยนะ...
ป้าช่วยเตรียมของไว้ด้วยก้อแล้วกัน
ค่ะ ป้าพรรณรับปาก
เต็มสี่ขวบแล้วใช่ป่าวเนี่ย ปราชญ์พูดเบาๆ คล้ายพูดกับตัวเองมากกว่า
ใช่ค่ะ สี่ปีแล้ว
เขามองดูลูกสาวตัวจ้อยที่กำลังตักอาหารกินเอง ครุ่นคิดบางอย่างก่อนที่จะมองเลยไปยังรูปของผู้แม่ที่วางอยู่หลังโต๊ะทำงาน ป้าพรรณเข้ามาตักข้าวเพิ่มในจานให้แต่เขาโบกมือปฏิเสธ
อิ่มล่ะครับ ป้า
เขาขยับตัวลุกจากโต๊ะอาหาร ก่อนจะบอกกับทอรุ้ง
ผมขอตัวก่อนนะครับ ตามสบายเถอะ
ค่ะ
ทอรุ้งตอบ เธอคงยังลุกไปไม่ได้จนกว่าน้องฝันจะรับประทานอาหารอิ่ม นึกแปลกใจที่เรื่องวันเกิดของน้องฝันทำให้บรรยากาศในโต๊ะอาหารเปลี่ยนไปได้ ทั้งที่ก่อนหน้าเธอกำลังฟังเขาพูดถึงงานในสวนส้มอย่างภูมิใจ ป้าพรรณเองเหมือนมีเรื่องสะเทือนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
เท่าที่ทอรุ้งเคยรับทราบมาเพียงว่า แม่ของน้องฝันเสียชีวิตในวันที่คลอดน้องฝัน เรื่องนี้คงทำให้หัวใจเขาแหลกสลาย ทั้งยังต้องเลี้ยงดูลูกสาวผู้พิการมาตามลำพังอีก
...อาการไม่รับรู้ทุกข์ใดของน้องฝัน อาจจะเป็นโชคดีก็ได้....