เมื่อก่อน .... ผมอยู่แถวเยาราช เยาวราชเป็นย่านคนจีนที่เราเข้าใจ อันที่จริงต้องบอกว่า เป็นคนจีนซะส่วนใหญ่ เพราะนอกจากคนจีนแล้ว แขกเอย ฝรั่งเอย เค้าก็อาศัยอยู่ที่นี่ครับ บ้านผมอยู่ซอยเลื่อนฤทธิ์ ต่อมาผมย้ายเข้าเมืองมาอยู่กับป่าป๊าที่เพลินจิต ย่านสุขุมวิท ผมโตขึ้น จำความได้ก็ที่นี่ ป่าป๊าเลี้ยงผมตั้งแต่ 10 เดือน พอ 2 ขวบเราก็ย้ายมาที่นี่ เรามีกันอยู่สองคนคุณแม่ของผม แยกทางกับคุณพ่อผมตั้งแต่ผมเจ็ดเดือน ผมจำได้ว่าผมวิ่งซนได้ทั้งวัน ป่าป๊าต้องคอยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ผม ท่านดูแลผมทุกอย่าง ตั้งแต่เช้าจนดาวขึ้น แล้วผมก็โตขึ้น... ผมได้เข้าโรงเรียน มันเหมือนความฝันเพราะผมได้รู้จักคำว่าเพื่อนที่นี่ เหมือนผมได้รู้ตัวว่า นอกจากผมกับพ่อยังมีมนุษย์คนอื่นในโลก เพราะพ่อผมเค้าไม่ยอมให้ผมออกจากบ้าน ทั้งวันผมต้องอยู่แต่ในบ้าน มันเหงาและทรมาน ท่านไม่สามารถอยู่กับผมได้ตลอดทั้งวันเพราะต้องทำงาน ดังนั้นผมจึงอยู่คนเดียว เรียนถึง ประถม ป่าป๊าไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมให้ผม ค่าเทอมผมแพงทีเดียวเพราะเรียนโรงเรียนเอกชน ท่านต้องขายสมบัติ เช่น สร้อย แหวน นาฬิกา โดยสีหน้าของท่านออกแนวเก็บอารมณ์ ท่านถอนหายใจอย่างแผ่วเบาขณะที่ใบทวงหนี้ค้าเทอมมาเสียบหน้าบ้าน ผมเข้าใจว่าการไม่มีค่าเทอมจ่ายมันคงประมาณว่าผมไม่ต้องไปโรงเรียน อันที่จริงผมก็ดีใจไม่น้อย ไม่ต้องตื่นเช้าแล้ว .... พอมาทบทวนผมก็เกิดคำถามว่าทำไม ผมไม่มีแม่เหมือนคนอื่นๆ ที่โรงเรียนเค้าเรียกผมว่า ลูกไม่มีแม่ ก็จริง ไม่มีก็ไม่มี เวลาที่ผมทำผิด ครู ก็ว่าผมไม่มีพ่อแม่สั่งสอน ... แต่เด็กผมเข้าห้องปกครองบ่อยเพราะเกเร ดื้อ หรืออะไรทำนองนี้ ผมชอบโทรไปแจ้ง 191 ว่าไฟไหม้โรงเรียน หรือสั่งพิซซ่า ให้อาจารย์ในโรงเรียนแบบเยอะๆ เล่นกันจนไปเลย .... ผมก็เศร้าบ้างแต่ไม่บอกใคร ผมไปอยู่คนเดียว หลังห้องประจำ ไปอยู่คนเดียวตามที่ต่างๆที่เค้าไม่ตามผมไป ชิงช้าดูจะเป็นที่ปล่อยใจยามผมเหนื่อยล้า เมื่อครั้งยังเด็ก โตขึ้นอีกหน่อย ... ผมจบประถมมาอย่างยากเย็นเพราะไม่มีค่าเทอม แต่สุดท้ายป่าป๊าก็ยอมขายสร้อยเส้นสุดท้ายที่คุณปู่ผมทิ้งไว้ก่อนเสีย คราวนี้ผมเรียนโรงเรียนวัด เข้าไปก็ตื่นเต้น ผมไม่มีใครเซ็นเป็นผู้ปกครอง ป่าป๊าเอาแต่นั่งอ่านใบทวงหนี้ ทั้งวันไม่ยอมคุยกับใคร อันที่จริงหลังจากนั้นบ้านผมก็โดนยึด ผมตีกับเพื่อนบ่อยมาก เรียกว่ามีเรื่องทุกวัน แต่ผมก็ไม่โดนยิงโดนแทง เหมือนเพื่อนๆคนอื่นๆ สุดท้ายผมก็เลิกตอนขึ้นมัธยมปลาย ผมกลับมาตั้งใจเรียน เพราะบ้านผมโดนยึด เราสองพ่อลูกต้องเดินทางไปพักตามโรงแรมที่นั่นคืน ที่นี่คืน หาค่าโรงแรมไปเรื่อยๆ ขณะที่พ่อผมอ้อนวอนให้คนช่วยซื้อเหรียญเก่าๆ เพื่อประทังชีวิตเราสองพ่อลูก ผมเรียนได้ที่สองของห้องมาตลอด ที่เหนึ่งเก่งมากแล้วมันก็เป็นเพื่อนคนเดียวของผมในโรงเรียนซะด้วย ผมได้กลับมาเจอแม่เพราะคุณแม่ติดต่อกับป่าป๊า เราได้ย้ายมาอยู่ที่ลาดพร้าว ที่อยู่ปัจจุบัน ... บ้านแสนรก และแสนรักของผม ปัจจุบัน ผมเข้าเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งที่ชลบุรี ผมทำงานเด็กเสริฟ ที่ร้านอาหาร เพื่อหาค่าเทอม ซึ่งป่าป๊าก็ชราลงและล้มป่วยเป็นโรคไต ผมมีหน้าที่ส่งตัวเองเรียนแล้วก็ส่งเงินให้ป่าป๊าทานข้าว ตามมีตามเกิด จำได้ว่าผมไม่มีค่าเทอมตั้งหลายครั้ง พ้นสภาพนิสิตซ้ำแล้ว จนชินเหมือนเป็นเรื่องปกติ เคยตกใจมากๆ จนเดี๋ยวนี้สนิทสนมกับเจ้าพนังงานทะเบียน เพราะต้องไปขึ้นทะเบียนนิสิตใหม่ที่นั่น ผมเคยเขียนจดหมายเรื่องของผมไปแป๊ะตามกระจกรถยนต์ ขอเงินเค้า จนมีเงินบริจาคเข้ามา สามหมื่นกว่าบาท ผมเลยได้เรียนจนตอนนี้ ผมอยู่ปี 4 และผมก็กำลังจะจบ กำลังจะกลับไปเจอหน้าคุณพ่อที่รัก .... ผมซาบซึ่งใจกับเวลาทุกวินาทีของผม ในโลกของผมอาจไม่มีเงินมากนัก ทว่าผมกลับได้เห็น ได้เฝ้ามองทุกสิ่งที่เป็นไป รับรู้ว่าอะไรคือแรงบันดาลใจที่ผมก้าวต่อไป ผมขอให้ท่านมีความสุขกับชีวิต ซึ่งบางครั้งอาจไม่เป็นดังใจ เราคงเลือกไม่ได้เสมอ แต่เราเลือกที่จะลุกขึ้น ต่อสู้กับโชคชะตาที่โหดร้าย แล้วไม่ว่ามันจะ ทารุณสำหรับเราสักแค่ไหน ก็ไม่มีคำว่าเกินความพยายาม ผมเชื่อว่าสักวันเราคงไปพบกันในหนังสือของผมซักเล่มหนึ่ง ขอบคุณครับ ที่ติดตามงานผม แล้วเจอกันใหม่นะครับ
17 ธันวาคม 2550 21:03 น. - comment id 98673
สวัสดีค่ะ ติ๋งหนืด ดีใจด้วยนะคะที่กำลังจะเรียนจบ ไม่ทราบว่าได้เขียนหนังสือออกเป็นเล่มหรือยัง เพราะเคยเจอหนังสือที่ร้านชื่อ "ครอบครัวของติ๋งหนืด" แต่ยังไม่ได้ซื้อมาอ่านน่ะค่ะ เกิดมาเป็นชีวิตแล้วชาตินี้ ต่อให้โชคชะตาจะโหดร้ายสักแค่ไหน ก็อย่ายอมแพ้นะคะ เพราะยังไง..คุณก็มีชีวิตรอดมาได้อย่างทุกวันนี้ ลองนึกถึงเด็กอายุแค่ 2 เดือนที่โดนลิงกัดสิคะ ชีวิตเขาน่ะโหดร้ายกว่าเราเยอะเลย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ..
18 ธันวาคม 2550 21:30 น. - comment id 98686
จะติดตามทุกเรื่องของตึงหนืด เขียนอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และอีก ๆ ๆ เป็นกำลังใจให้นะครับ และเป็นเด็กดีนะครับ รักปาป๊าให้มาก ๆ ยินดีที่ได้รู้จักตึงหนืดในโลกของหนังสือนะครับ
18 ธันวาคม 2550 21:42 น. - comment id 98687
สวัสดีตึ๋งหนึด ..
26 มีนาคม 2551 23:59 น. - comment id 99721
งืมงืม อ่านไปแล้วน้ำลายไหล เอ๊ย น้ำตาจะไหล ยังไงก้อสู้สู้นะ