๑ปี ผ่านไป หลังจากที่นายช้างเข้ามาทำงานที่นี่ ดิชั้นถูกส่งกลับเข้ามาทำงานที่ตำแหน่งเดิม แผนกเดิม งานน่าเบื่อเดิมๆ ในช่วง ปีที่ผ่านมา นายช้างโยนงานให้ดิชั้นหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งเป็นงานที่ดิชั้นไม่เคยทำมาก่อน แต่ยังดีที่นายนั่นมันยังสอนงานดิชั้นบ้าง ซึ่งหลายงานก็ท้าทายดี หลายครั้งที่ชั้นพยายามจับผิดมัน แล้วแย้งมันค่ะ บางทีก็แย้งชนะ บางที่ก็แพ้มันค่ะ แต่ชั้นก็ยังแค้นมันอยู่นะค่ะ โดยเฉพาะยิ่งวันนี้ค่ะ วันนี้ มันต้องเข้าไปนำเสนอผลงานของมันให้ผู้บริหารฟัง ไม่รู้มันอารมณ์ไหนของมัน มันที่ลากดิชั้นเข้าไปนั่งฟังด้วย คุณๆคิดดูสิค่ะ พวกผู้บริหารเขานั่งฟังที่มันบรรยายอยู่กลางห้องประชุม แต่ดิชั้นกลับต้องมานั่งอยู่หลังห้องประชุมโดยไม่มีใครเหลียวแล เหมือนเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่มีใครรับรู้ความเป็นไปของดิชั้น ยังไงอย่างงั้นหล่ะค่ะ ไอ้งานที่มันนำเสนอ บางส่วนก็เป็นงานที่ดิชั้นทำ บางส่วนก็เป็นความคิดของชั้น แต่คอยดูเถอะ เอาหน้าเก็บไว้เป็นผลงานของตัวเองหมดแน่ๆ ทุกท่านครับ การนำเสนอของผมจบลงเพียงเท่านี้ ถ้าทุกท่านมีอะไรสงสัย เชิญถามได้ครับ นายช้างกล่าวในที่ประชุม ดูเหมือนว่าชั้นจะได้เป็นอิสระในเร็วๆนี้สินะ เยี่ยมมากครับคุณดำริ (ชื่อจริงของนายนั่น) ท่านประธานบริษัทกล่าว งานที่คุณนำเสนอนี่ นับว่าน่าสนใจมาก แถมไม่น่าเชื่อว่า งานที่แสนจะซับซ้อนวุ่นวายที่บริษัทเราต้องเผชิญมาหลายปี จะถูกแก้ไขลงได้ แถมคุณยังอธิบายได้เข้าใจง่าย แจ่มแจ้ง ชีดเจนจนผมไม่มีอะไรจะถามคุณเลย เยี่ยมมากเลยครับ ท่านประธานกล่าวเสริมแล้วปรบมือ ซึ่งทุกคนก็ปรมมือตาม เชอะ! นายเอาความคิดจากชั้นไปตั้งเยอะ แต่ดูสิ หน้าชื่นตาบานเลยนะ นายช้าง ดิชั้นคิดในใจ แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ผมขอบคุณทุกท่านมากเลยนะครับที่ทุกท่านชื่นชมในงานของผม แต่อย่างไรก็ตาม งานของผมคงจะสำเร็จลงไม่ได้ถ้าไม่มีคุณกมลชนกที่นั่งอยู่ข้างหลังนั่น นายช้างว่าแล้วก็ผายมือมาทางดิชั้น ซึ่งดิชั้นอึ้งค่ะ ระดับผู้บริหารสูงสุดของบริษัททุกท่านหันมาทางดิชั้นแล้วปรบมือให้ดิชั้นค่ะ ดิชั้นนี่ อึ้ง ทึ่ง ช็อคคะ ทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนขึ้นแบบเก้ๆกังๆแล้วโค้งขอบคุณคะ คุณกลมชนกครับ เชิญมาข้างหน้าหน่อยครับ นายช้างกล่าวเรียกดิชั้น เมื่อดิชั้นยืนอยู่หน้าที่ประชุม นายช้างก็กล่าวขึ้นว่า ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่ทางบริษัทต้องแก้ไขครับ แล้วก็เงียบ ทุกคนนิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วนายช้างก็สูดหายใจลึกๆแล้วกล่าวขึ้นมาว่า องกรณ์ของเรายังขาดความสามารถในการเรียนรู้ครับ แล้วเขาก็เอามือแตะมาที่ไหล่ของดิชั้นแล้วพูดว่า คุณกมลชนกคนนี้ แท้จริงแล้วจบรุ่นเดียวกับผม และทำงานรับใช้บริษัทของเรามาได้ ๖ ปีแล้ว แต่เมื่อ ๕ ปีก่อนที่ผมได้พบกับเธอ เธอมีความรู้ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เธอเพิ่งจะจบออกมาเลย มิหนำซ้ำยังลดน้อยถอยลงอีกด้วย เขานิ่งไปอีกพักนึงแล้วพูดต่อ ด้วยความบังเอิญบางอย่างผมจึงได้พบว่า... เธอ ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ มีความสามารถแฝงครับ เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้แสดงมันออกมาเนื่องด้วยระบบงานของบริษัทของเราไม่เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงออก จนมันทำให้เธอกลายเป็นคนเฉื่อยชาครับ หลังจากที่เธอได้ทำงานกับผมในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมให้โอกาสเธอเรียนรู้จากผม แล้วให้โอกาสเธอได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ และเธอคือกุญแจที่สำคัญของงานชิ้นนี้ครับ ถ้าผมไม่ได้เธอเป็นผู้ช่วย ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าจะทำงานออกมาได้ดีขนาดนี้หรือเปล่า นายช้างนิ่งไปอีก แล้วพูดว่า เธอโชคดีที่ผมได้ไปเจอ แล้วปั้นเธอขึ้นมา แต่ผมยังเชื่อว่ายังมีพนักงานของเราอีกหลายคนที่เป็นเหมือนเธอ เป็นเพชรในโคลนตมที่รอวันที่ผู้บริหารอย่างพวกท่านจะไปหยิบพวกเขาออกมาเจียรนัยให้เป็นเพชรที่แวววาว ลงว่าถ้าบริษัทของเรา มีเพชรแบบเธออยู่ให้เต็มบริษัท ต่อให้เป็นงานที่ยากกว่านี้ ก็ไม่มีคำว่า ทำไม่ได้ครับ นายช้างกล่าวแบบเน้นคำ ที่ผมอยากจะเสนอต่อทุกท่านก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ นายช้างกล่าวแล้วโค้ง ส่วนทุกคนในที่ประชุมเองก็ปรบมือกันอย่างพอใจ เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมากครับ ผมยินดีที่จะรับไว้พิจารณา ส่วนการประชุมในวันนี้ ก็จบเพียงเท่านี้นะครับ ท่านประธานพูดปิดท้าย ---------------------------------------- ดิชั้นยังไม่หายอึ้งเลยค่ะ ถึงแม้ว่าทุกคนในห้องประชุมจะออกไปหมดแล้วก็ตาม คุณนกครับ นี่ก็เลิกงานแล้ว ไปเก็บข้าวของเถอะครับ อ้อ แล้ววันนี้คุณมีนัดอะไรกับใครรึเปล่าครับ เจ้านายถามดิฉัน ไม่ค่ะ ไม่มีค่ะหัวหน้า ทำไมเหรอค่ะ ดิชั้นตอบแบบอึ้งๆ ดีครับ งั้นไปเก็บของกันเถอะ แล้วเดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง ฉลองความสำเร็จกันหน่อย นะครับ เจ้านายพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่นุ่มนวล ค่ะ ได้ค่ะ กินฟรีมีเกียรติ ชอบค่ะ ดิชั้นตอบเขาแบบทะเล้นๆแต่ว่าดีใจมากๆเลย ครับ งั้นไปกันเถอะ เขาตอบ ------------------ ในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ฉันกับเจ้านายนั่งดินข้าวด้วยกันอยู่ ๒ คน อาหารเป็นอาหารฝรั่งค่ะ หัวหน้าเองท่าทางก็เก่งเรื่องไวน์ใช่ย่อย แบบว่า พอบริกรเอาไวน์แดงมาเสริฟ หัวหน้ายกแก้วขึ้นมาดูสีก่อน จากนั่นแกวางแก้วไวน์กับโต๊ะแล้วหมุนแก้วไวน์ให้ไวน์แกว่งไปทั่วแก้ว ท่าทางเชี่ยวชาญมาก แล้วยกขึ้นมาดม แล้วจิบ แล้วแกก็ยิ้มอย่างพอใจ แล้วหน้าหน้าไปหาบริกรแล้วพูดว่า ใช้ได้ครับ เชิญเสริฟได้เลยครับ ขอบคุณครับ บรรยากาศนั้นเป็นกันเองมากๆ หัวหน้าเองก็ไม่เหมือนใครที่ดิชั้นเคยเจอ ทุกครั้งที่บริกรยกอาหารมาเสริฟ แกจะกล่าวขอบคุณทุกครั้ง การพูดคุยก็เป็นกันเองมากๆเลย ในที่สุดดิชั้นก็ได้รู้คะว่า แท้จริงแล้วเจ้านายของดิชั้นเคยไปฝึกงานกับยัยปอย ยัยนาย ยัยปู กับยัยเอิง เพื่อนร่วมคณะของดิชั้นมาก่อน นั่นทำให้ดิชั้นต้องมาเจอวิบากกรรมในช่วงแรกๆ แต่ก็นะ ดูๆไปเจ้านายก็หล่อดีเหมือนกันหนิ จริงจริงแล้วก็รู้สึกว่าสาวๆหลายคนจะแอบชอบเจ้านายอยู่เหมือนกัน นะเพราะหัวหน้าค่อนข้างจะเป็นกันเองกับคนอื่น แต่ที่ผ่านมาดุกับดิชั้น เอ จับหัวหน้าก็ดีเหมือนกันนะ อิอิอิ หัวหน้าค่ะ หัวหน้ามีแฟนรึยังค่ะ ดิชั้นถามหัวหน้า ตาก็มองหัวหน้าแบบโปรยเสน่ห์ แบบว่าเผื่อฟลุ้กค่ะ สาธุขออย่าให้มีเลย เพี้ยง! ฮ่าๆๆๆ มีแล้วครับ ผมตั้งใจว่าจะแต่งงานกับเค้าในปีหน้านี่แหละครับ เพล้ง! หน้าแตกค่ะ มีแล้วซ่ะงั้น เฮ้อ แห้วเลยเรา หัวหน้านะหัวหน้า ดับฝันกันซ่ะงั้นเลยนะค่ะ ทำไมเหรอครับคุณนก ทำหน้าตาเจื่อนๆ หัวหน้าถาม ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มี ไม่มี๊ ไม่มี ดิชั้นตอบแบบแอบอายค่ะ ว่าแต่หัวหน้าค่ะ ขอบคุณนะคะที่เลือกดิชั้นขึ้นมาทำงาน ถ้าไม่ได้หัวหน้า ดิชั้นก็คงจะไม่มีวันนี้ ดิชั้นขอบคุณหัวหน้า แต่แหมมันน่าหยิกจริงจริงเลยชั้น แทนที่จะขอบคุณหัวหน้าแต่เนิ่นๆ กลับมานั่งคิดจับหัวหน้าเสียก่อน แย่จริงเลยชั้น หัวหน้านั่งนิ่ง อมยิ้มหึๆแล้วพูดขึ้นมาว่า คุณนก ผมรู้นะว่าแรกๆหน่ะ คุณต้องหาว่าผมแกล้งคุณ ช็อคสิคะ โดนจี้ใจดำค่ะ เปล่าค่ะ เปล่าๆๆ เปล่านะคะ ไม่มีค่ะ ไม่เคยมี ฮ่าๆๆ อย่าปิดบังผมเลย ผมรู้หรอกน่า อีกอย่างนะ ตอนแรกๆผมก็แกล้งคุณจริงจริงนั่นแหละ นิ่งค่ะชั้น เกินมาเพิ่งเคยเจอคะ ยอมรับเฉยเลยว่าแกล้งกัน แล้วทำไมหัวหน้า.... ทำไมตอนหลังๆผมถึงหันมาปั้นคุณหน่ะเหรอ? หัวหน้ายิงคำถามสวนขึ้นมา ค่ะ ดิชั้นพยักหน้าตอบ เพราะหลังจากที่คุณทำงานไปได้อยู่พักนึง ผมก็พบว่า คุณภาพงานของคุณหน่ะ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจเลยหล่ะ ผมเลยคิดว่า จะลองทดสอบคุณดูสักหน่อยโดยการให้คุณได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการของผม ซึ่งคุณก็ทำได้ดีมากๆ หัวหน้าตอบแบบหน้าตาเฉย แต่เล่นเอาดิชั้นภูมิใจในตัวเองมากๆเลยหล่ะ ว่าแล้วดิชั้นก็ลองแหย่หัวหน้าเล่นๆว่า หัวหน้าค่ะ แล้วถ้าตอนนั้นดิชั้นไม่พยายามพัฒนาตัวเองหล่ะค่ะ หัวหน้าจะทำยังไง ง่ายมากครับ หัวหน้ายิ้ม แล้วตอบคำถามที่พลิกชีวิตของดิชั้น ผมก็จะเลิกแกล้งคุณ แล้วปล่อยให้คุณเป็นขยะไร้ค่าอยู่ตรงนั้นนั่นแหละครับ หัวหน้าตอบแบบขำๆ แต่ดิชั้นขำไม่ออกค่ะ ลอบเสียวสันหลังแทน คุณนก หัวหน้าเรียกดิชั้นแบบห้วนๆ แต่หน้าตาจริงจัง ค่ะ หัวหน้า พวกผู้บริหารหน่ะ ได้รู้จักหน้าตาคุณกันหมดแล้ว ต่อจากนี้ไป คุณคงจะได้มีบทบาทมากยิ่งขึ้นไปกว่านี้นะครับ ขอให้ตั้งใจทำงานให้ดี แล้วก็รักษาความสามารถในการเรียนรู้นี้เอาไว้นะครับ หัวหน้ากล่าวกับดิชั้น ค่ะ ดิชั้นรับคำหัวหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน ความขุ่นหมองข้องใจในตัวของหัวหน้าที่มีในตอนแรกๆได้หมดไปจากใจดิชั้นแล้ว มีแต่ความเคารพนับคือในตัวผู้ชายคนนี้แทน ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุรุ่นเดียวกับชั้นก็เถอะ และคืนวันนั้นก็เป็นคืนที่ดิชั้นหลับฝันดีที่สุด ------- ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูปลุกดิชั้นขึ้นจากห้วงภวังค์ เจ้านายครับ ผม วุฒิพงค์ ขออนุญาตเข้าไปนะครับ เสียงนั้นลอดผ่านประตูเข้ามา เชิญค่ะ ดิชั้นตอบ ส่วนคุณวุฒิพงค์ก็เปิดประตูเข้ามา ผมเอารายงานมาส่งครับท่าน เขารายงานดิชั้น แล้ววางรายงานลงบนโต๊ะทำงานสุดหรูของดิชั้น บนโต๊ะนั้นมีป้ายชื่อของดิชั้น นาง กมลชนก สิริโสภา: CEO ค่ะ เรื่องนั้นมันผ่านมาได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว และตอนนี้ดิชั้นก็ได้เป็นคุณแม่ลูกสอง มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทหรือ CEO ค่ะ หลังจากจบโครงการนั้นได้ไม่นานนัก หัวหน้าก็ลาออกจากบริษัท ถึงแม้ว่าท่านจะได้รับการเสนอเงินเดือนเป็นจำนวนมากมาย ท่านก็ปฏิเสธท่านประธานฯ โดยให้เหตุผลว่า ท่านยังหนุ่ม เพิ่งออกมาโลดแล่นในยุทธจักรวิศวกรรมได้ไม่นาน ท่านยังอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆทำดู แล้วถ้าท่านพร้อมที่จะปักหลักทำงานหาความก้าวหน้าเมื่อไร ท่านจะกลับมา ซึ่งสร้างความเสียดายในท่านประธานฯอยู่ใช่น้อยเหมือนกัน ส่วนดิชั้น หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นที่จับตามอง ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาขั้นหนึ่ง แต่ด้วยจากแนวคิดที่ดิชั้นได้รับมาจากหัวหน้าทำให้แผนกของดิชั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นแผนกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในบริษัท ดิชั้นได้ตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเหล่า เฮดฮันเตอร์ก็มาทาบทามให้ดิชั้นไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่า มาจีบกันเยอะกว่าตอนสมัยสาวๆมหาวิทยาลัยแล้วมีหนุ่มๆมาจีบอีกค่า ซึ่งดิชั้นก็ตกลงเพราะตำแหน่งดิชั้นใกล้จะตันแล้ว ในที่สุดดิชั้นก็ได้มาเป็น CEO ของ บริษัทนี้แหล่ะค่ะ ส่วนหัวหน้าของดิชั้นหน่ะเหรอค่ะ ท่านประธานของบริษัทนี้ไงหล่ะคะ ด้วยความสามารถของท่าน ท่านสร้างบริษัทนี้ขึ้นมาจากบริษัทเล็กๆ จนกลายเป็นบริษัทใหญ่ รวยระดับชาติ แต่ท่านก็ยังติดดินเหมือนเดิมนะคะ บางที ท่านเปิดลิฟท์ให้เด็กใหม่ แล้วทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยที่เด็กไม่รู้เลยว่า นั่นแหละ ท่านประธานฯ แนวคิดในการจักการองกรณ์ของท่านเป็นการผสานข้อดีของระบบตะวันตกที่เน้นประสิทธิผล กับระบบตะวันออกที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและธรรมาภิบาลค่ะ ตอนที่ดิชั้นถูกทาบทามให้มาทำงานที่นี่ จริงจริงแล้วมีอีกบริษัทนึงที่ใหญ่กว่ามาทาบทามดิชั้นเหมือนกัน แต่พอรู้ว่านี่บริษัทของหัวหน้า ดิชั้นไม่ลังเลใจที่จะตบปากรับคำเลยค่ะ แต่พอมาถึงทุกวันนี้ ดิชั้นยังนึกดีใจไม่หายเลยที่ได้มาเจอหัวหน้า แล้วตอนนั้นดิชั้นมีมานะที่จะพัฒนาตัวเอง ถ้าตอนนั้นดิชั้นไม่ได้เจอหัวหน้า และไม่พยายาม ตอนนี้ ดิชั้นก็คงจะเป็นแค่หัวหน้าแผนก หัวหน้าฝ่ายธรรมดาๆ ในบริษัทเล็กๆ ไม่ได้มานั่งเก้าอี้ CEO สุดนุ่มนี้หรอก แล้วพวกคุณหล่ะคะ วันนี้พวกคุณพัฒนาขีดความสามารถของคุณรึยัง แต่ก็อย่าเครียดเกินไปนะคะ หัวหน้าเคยย้ำกับดิชั้นเอาไว้ค่ะ ว่า ถ้าเราเครียดจนเกินไป ความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่เกิดค่ะ แถมทำให้แก่เร็วด้วยค่ะ บางครั้ง คำตอบที่เราต้องการ อาจจะออกมาในตอนที่เรากำลังผ่อนคลายก็ได้ บริหารความเครียดให้พอดีๆค่ะ อย่าเครียดมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ขอให้ทุกคนโชคดีเหมือนนกนะคะ บายค่ะ
15 ธันวาคม 2550 17:47 น. - comment id 98643
ผมประทับใจเรื่องนี้มากเลยครับ ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษา ชอบที่จะทำอะไรๆหลายๆอย่าง ได้อ่านแล้วรู้สึกดีมากที่มีแนวคิดแบบนี้ ผมขอขอบคุณที่เอาเรื่องราวดีๆนี้มาแบ่งปันให้ผมได้เรียนรู้นะครับ แล้วจะติดตามต่อไปครับ
15 ธันวาคม 2550 20:38 น. - comment id 98650
ขอบคุณมากนะครับ คุณ ตึ๋งหนืด สำหรับเรื่องนี้ ขอบอกตามตรงว่าเป็นเรื่องแรกที่ผมเขียน และไม่รู้ว่าจะได้เขียนอีกหรือไม่ เพราะการแต่งนิยายไม่ใช่นิสัยของผมอยู่แล้ว เรื่องนี้ เกิดขึ้นมาจากเห็นการเล็กๆ ประกอบกับการที่ได้เห็นงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยมาหลายแห่ง และได้มีโอกาสมาศึกษาต่อที่ต่างประเทศ จึงได้เห็นความแตกต่างในเรื่องนี้ และความจำเป็นที่อุตสาหกรรมไทยจะต้องพัฒนาตัวเองให้เป็น "องกรณ์แห่งการเรียนรู้" ครับ
19 พฤษภาคม 2551 23:11 น. - comment id 100247
จบล่ะ... ให้ข้อคิดที่ดีค่ะ จบแบบสวยงามและประทับใจ จากที่ช่วยคุณด่าหัวหน้าตอนแรกๆ กลายมาเป็นความเลื่อมใส อ้อ ..ขอติติง องค์กร ไม่ใช่ องกรณ์ นะคะ