เสียงเพลงเด็กๆ ดังเจื้อยแจ้วลอยมา ทำให้แสงจิ่งลูกสาวนางซอ ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นและพี่เลี้ยงเด็ก ที่ปัจจุบันได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยครูรุ้ง ..ตำแหน่งที่เธอคิดขึ้นมาเอง... เธอรีบล้างจานกองใหญ่ให้เสร็จเรียบร้อย แล้วขออนุญาตนางซอขึ้นไปที่เรือนใหญ่ เธอรู้สึกรักครูรุ้งขึ้นทันทีที่ได้เห็น ตลอดเวลาสั้นๆ ครูรุ้งสามารถเข้าใจสำเนียงการพูดที่มีทั้งภาษาไทยและไทยใหญ่ของเธอและแม่ได้พอสมควร ที่สนุกก็คือเวลาที่ครูรุ้งสอนหนังสือน้องฝัน ซึ่งแสงจิ่งมักถือโอกาสมานั่งเรียนเป็นเพื่อนน้องฝันเสมอ ครูทอรุ้งมีอะไรสนุกๆมาให้เล่นอยู่เรื่อย น้องฝันที่แต่ก่อนดูหงอยเหงา ไม่ค่อยคุ้นเคยกับใครเริ่มที่จะสื่อสารกับคนอื่นมากขึ้น แม้จะติดขัดในการออกเสียงพูด แต่ด้วยความพยายามของครูทอรุ้งทำให้น้องฝันพัฒนาการไปรวดเร็วจนน่าแปลกใจ น้องฝันฮ้องเพลงแฮ่มก่อ แสงจิ่งถาม หนูน้อยยิ้มให้อย่างไร้เดียงสา ก่อนที่จะส่งไมโครโฟนตัวเล็กคืนให้พี่เลี้ยง จะอั้นต่าปี้ฮ้องน่อ แสงจิ่งรับไมค์ด้วยความยินดี เธอจัดการเลือกเพลงเพลงของโปรดของเธอเอง ทอรุ้งจัดการปรับเสียงให้พอเหมาะ นั่งดูนักร้องดาวรุ่งในป่าร้องเพลงทั้งเต้นทั้งร้อง น้องฝันนั่งตบมือเป็นจังหวะบางไม่เป็นบ้าง ใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้มเธอนั่งมองอย่างเอ็นดู ใช่ว่าน้องฝันจะมีความบกพร่องทางสติปัญญาเท่าใดนัก ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะการดูแลที่ไม่เหมาะสม ด้วยคิดว่าตัวเด็กมีปัญหาจนไม่สามารถพัฒนาได้ จึงแค่ดูแลแบบกินอิ่มหลับสบาย ไม่ให้เจ็บไข้มากกว่า อีกไม่นานจะเป็นเวลาเปิดเทอมของโรงเรียนทั่วไป เธอคิดว่าน้องฝันน่าที่จะสามารถเข้าเรียนร่วมชั้นกับเด็กคนอื่นๆ ได้ ซึ่งทางหมอประจำตัวก็ได้แนะนำไว้แต่ทางปราชญ์ยังไม่มั่นใจ น้องฝันไม่เคยอยู่กับคนอื่นนะ นั่นแหละค่ะ ยิ่งควรต้องพาไปค่ะ ฝึกไปทีละน้อย เธอยืนยัน น้องจะได้คุ้นเคยกับคนอื่นบ้าง วันก่อนทอรุ้งได้ไปพบพูดคุยกับคุณครูโรงเรียนประจำหมู่บ้าน แต่ยังเป็นปัญหาอยู่ว่าทางโรงเรียนจะสามารถรับเด็กเข้าเรียนและจัดกิจกรรมให้กับเด็กที่มีความบกพร่องอย่างนี้ได้หรือไม่ เธอไม่ต้องการให้น้องฝันต้องกลายเป็นเด็กพิการที่หมดโอกาส กลายเป็นภาระของสังคม คงต้องกลับไปขอคำแนะนำจากคุณหมออีกครั้ง แม่ครูฮ้องพ่อง แสงจิ่งส่งไมค์มาหลังจากที่เธอร้องครบเพลงที่เธอต้องการ เจ้าจะเซาะเพลงฮื่อ เอาม่วนๆ ทอรุ้งอดขำกับท่าทางกระตือรือร้นของเด็กสาวไม่ได้ แสงจิ่งส่งแผ่นร้องเพลงคาราโอเกะมาให้ดูแผ่นหนึ่งเป็นเพลงชุดของวัยรุ่นที่เธอเคยได้ยินมาบ้างหลายครั้ง เพลงนี้ม่วน ผู้จัดการสรุปแล้วก็นำแผ่นเข้าในเครื่อง ทอรุ้งนึกสนุกด้วยจึงต้องร้องตามที่ผู้จัดการสั่ง ผู้ชมทั้งสองตบมือเปาะแปะชื่นชม แววตาที่น้องฝันมองมาด้วยความสนุกสนาน ทอรุ้งก็ถือว่าคุ้มแล้ว ....ฉันอาจจะไม่น่าดู ฉันรู้ตัว ฉันอาจจะเผลอทำตัวเป็นอย่างนั้น .... ปราชญ์ยืนฟังนิ่งอยู่ข้างรถกระบะคันใหญ่ เสียงเพลงที่ดังลอยมาจากเรือนหลังใหญ่ น้ำเสียงที่เขาไม่คุ้นหู แต่เมื่อตั้งใจฟังแล้วเขาจึงพอเดาออกว่าเป็นใคร เขาเอื้อมมือไปอุ้มตัวปุกปุยน้อยๆ ในกล่องกระดาษที่วางอยู่กระบะท้ายรถ ซ่อนไว้ในเสื้อแจคเก็ตสีน้ำกรมท่าที่เขาสวมทับเสื้อยืด เขายิ้มละไมอยู่ในใจ ค่อยเดินอ้อมไปด้านหลังบ้านเงียบๆ ตามเสียงเพลง ก็จะเป็นห้องของลูกสาวสุดที่รักนั่นเอง ...ไม่ใช่เพียงแค่ไหล่ไว้ซบอิง ..... เสียงใสๆ หวานๆ ในยามร้องเพลงที่เขาไม่เคยได้ยิน ..คงจะร้องกันอย่างนี้บ่อยล่ะสิท่า.... นึกอยากเห็นหน้าขึ้นทันที เขารู้สึกแปลกใจตัวในบางครั้งไม่ได้ นับตั้งแต่ครูทอรุ้งมาสอนและดูแลลูกสาวให้ เขามักจะกลับบ้านเร็วขึ้น อยู่บ้านมากขึ้นผิดกับแต่ก่อน ปราชญ์เพิ่งคิดได้ว่าเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเขาค่อยๆ เปิดประตูเข้าไม่ให้รบกวนกิจกรรมสนุกสนานของสมาชิกในห้อง เด็กน้อยสองวัยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนผ้าปูนั่ง ตั้งใจฟังเพลง ร่างเล็กๆของครูนั่งกับพื้นเช่นกัน สายตาจับจ้องที่ตัวหนังสือบนจอโทรทัศน์ ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาที่ยืนอิงประตูเลยสักนิดจนเมื่อครูทอรุ้งร้องเพลงจบ ผู้ฟังทั้งสองตบมืออย่างชอบใจ ส่งเสียงชื่นชมดังลั่น เธอวางไมโครโฟนลงขยับตัวจะลุกขึ้นจะเหลือบมาเห็น ใบหน้าเนียนผ่องปราศจากเครื่องสำอางค์นั้นแดงระเรื่อขึ้นมาคล้ายสาวน้อย หากเธอยังกลบเกลื่อนกิริยานั้นด้วยการหันไปบอกกับลูกศิษย์ตัวน้อย น้องฝันคะ คุณพ่อมาแน่ะ น้องฝันหันขวับพร้อมกับลุกพรวดไปหาผู้เป็นพ่อทันที ป๊ะ! ป๊ะ! คำเรียกนั้นเปลี่ยนเมื่อไม่นานหลังจากที่ครูรุ้งพยายามฝึกให้เธอออกเรียก สร้างความพึงพอใจแก่คนเป็นพ่อยิ่งนัก ปราชญ์ยังซุกมือซ่อนตัวปุกปุยไว้ในเสื้อ ใช้มืออีกข้างช้อนอุ้มตัวเบาหวิวของเด็กน้อยขึ้นพาเดินกลับไปนั่งที่เดิม ทอรุ้งกดรีโหมทเพื่อเบาเสียงเพลง ขยับตัวลุกออกจากผ้าปูรองนั่งผืนใหญ่ไปนั่งบนเบาะรองนั่งสี่เหลี่ยมใบหย่อมอีกด้านหนึ่ง น้องฝันขา ลูกเอามือมาหน่อยสิคะ ทอรุ้งมักจะทึ่งเสมอยามที่เขาเรียกลูกสาวตัวน้อยอย่างอ่อนหวานแบบนี้ เด็กน้อยจับมือผู้เป็นพ่อทันที เขาค่อยๆ จับมือบางนั้นเข้าไปในตัวแจกเกต น้องฝันกระตุกมือออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าและแววตาตกใจ งุนงง พร้อมกับเบี่ยงตัวออกจากแขนพ่อ ลุกวิ่งไปนั่งตักครูทอรุ้งทันที ไม่พูดอะไรนอกจากทำตาโตจ้องมองพ่อที่กำลังหัวเราะเสียงดังด้วยความขบขัน อ่ะหยังก๊าเจ้า ป้อเลี้ยง แสงจิ่งชะเง้อหน้าเข้าไปถามตามประสาซื่อ เมื่อปราชญ์เอามือออกจากตัวเสื้อ ตัวปุกปุยสีขาวก็กำลังทำหน้าตื่นตระหนกอยู่ในมือของเขา น้องฝันนั่งตัวแข็ง มือน้อยๆ ขยุ้มลงที่แขนของทอรุ้งแน่น หมาหน้อยๆๆ ฮะๆ น่าฮักขนาด น้องฝัน อ้าว! ตายล่ะ ตัวสั่นเหมือนกันเหรอเรา ใบหน้ารกเคราและหนวดก้มลงพูดกับตัวปุยขาวในมือ คุณปราชญ์น่าจะเอาออกให้น้องเห็นก่อนที่จะให้จับตัว ทอรุ้งพูดเชิงตำหนิกรายๆ ก่อนที่จะประคองน้องฝันลุกจากตัก เธอคุกเข่าอยู่ข้างๆ ลูกศิษย์ที่ยืนนิ่ง ทำตาโตจ้องมองราวกับเห็นตัวประหลาดในมือพ่อ น้องฝันคะ มาดูกับครูค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะ สายตาที่ตวัดมองมาทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอค้อนควักตำหนิเขา ปราชญ์หัวเราะในคอยิ่งทำให้สายตาคมนั้นเข้มมากขึ้น น้องฝันเดินมาโดยมีครูเดินเข่าประคองมา เธอค่อยจับมือลูกสาวของเขาแตะขนฟูๆ อย่างเบามือพร้อมกับพูดปลอบโยนให้หายกลัว หมาหน้อยตั๋วสั่นเลยเจ้า แม่ครู แสงจิ่งให้ความสำคัญกับเจ้าปุยมากกว่า อุ้มหน่อยมั๊ยลูก เขาพูดพร้อมกับส่งตัวปุยนั้นมา อย่าเพิ่งค่ะ ทอรุ้งเอ่ยห้ามทันควัน ฉีดยารึยังคะ แล้วน้องฝันเคยแพ้ขนสัตว์รึป่าวคะ ไม่มั้ง แต่เจ้าของบอกฉีดวัคซีนรวมมาแล้วครับ คงจะยังไม่ถึงสองเดือน พันธุ์อะไรคะ เอ ดูเหมือนจะผสมนะ เห็นตัวแม่เป็นชิสุห์ ส่วนตัวพ่อท่าทางจะเป็นพุดเดิ้ล เขาชูเจ้าตัวน้อยขึ้นมอง ครูเลี้ยงเป็นมั๊ยครับ ฟังจากน้ำเสียงและคำถามแบบนี้คงไม่แคล้วต้องได้เป็นคนดูแลเจ้าตัวเล็กนี่เพิ่มแน่นอน พอจะรู้บ้างค่ะ ไม่ทราบเขาให้เริ่มกินอาหารรึยัง เห็นบอกให้เอาอาหารเม็ดผสมนมให้กินบ้างแล้ว แล้วคุณปราชญ์หามาไว้รึยังคะ ปราชญ์มองดูครูทอรุ้งยิ้มๆ ยังครับ ไม่รู้จะเตรียมยังไงก้อคิดว่าจะให้ครูช่วยจัดการให้หน่อย นั่นไง นึกแล้วเชียว.....ทอรุ้งนึกเข่นเขี้ยว เอางี้ เดี๋ยวเราเข้าเวียงกันหาซื้อของสำหรับตัวเล้กนี่ อือ...เย็นนี้ผมพาครูไปกินข้าวที่เวียงเลยดีกว่า เขาสรุปอย่างรวดเร็ว เจ้าไปโตยก่อ ป้อเลี้ยง แสงจิ่งถามขึ้นราวกับต้องร่วมอยู่ในกลุ่ม ปราชญ์หันมาตอบอย่างใจดี ไปสิ จิ่ง เธอน่ะเป็นผู้ช่วยครูรุ้งนี่ ต้องไปช่วยครูเขาดูน้องฝัน แค่นั้นผู้ช่วยครู ก็ยิ้มกว้างรีบลุกปราดออกไปเพื่อแจ้งข่าวให้กับแม่และป้าพันได้ทราบ อ้าว! ปราชญ์ได้แต่ร้องมองตามเด็กลูกจ้างแสนรู้ แล้วเจ้านี่ทำไงต่อครับครู คงต้องหาที่อยู่ให้เขาก่อน คืนนี้คงร้องน่าดู งั้นฝากครูจัดการเลยครับ ไม่พูดเปล่า เขาวางตัวปุยขาวลงบนมือครูทอรุ้ง เธอต้องเอื้อมมือไปรับแทบไม่ทัน เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อหน่อย ค่ะ เธอรับทราบ งั้นจะพาน้องฝันไปเตรียมตัวก่อนนะคะ เขาพยักหน้าตอบก่อนจะหันไปกอดลูกสาวอย่างรักใคร่ แต่งตัวสวยๆ นะคะ พ่อจะพาไปเที่ยวค่ะ เมื่อผู้เป็นพ่อออกห้องไป ทอรุ้งยังให้น้องฝันนั่งตักดูลูกสุนัขตัวน้อยที่สั่นงันงกด้วยความไม่คุ้นเคย ค่อยๆ ลูบเบาๆ นะคะ ไม่ต้องกลัวค่ะ เธอพูดปลอบเมื่อเห็นกิริยาหวาดกลัวของน้องฝัน จนเธอกล้าที่จะเอามือลูบขนนุ่ม ปุยสีขาวนั้น ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กนั้นก็ยอมรับมือน้อยๆ นั้นเช่นกัน มันสงบเงียบลงและน้องฝันเริ่มคลายความกลัวลงไปได้
ความรัก ไม่ก่อเกิดเพียงชั่ววัน หากค่อยๆ สะสม ทีละเล็กทีละน้อย ความรัก ไม่ต้องอาศัยรูปลักษณ์ หากใช้น้ำใจประสาน ผนึกรักนั้นให้มั่นคง ตลอดไป หากจะรัก ก็จงรักเถิด รักโดยไม่ต้องมีเงื่อนไข ไม่ต้องเสียใจ ที่ได้รัก
29 พฤศจิกายน 2550 09:55 น. - comment id 98443
ทำไมละครไทยไม่สร้างแนวแบบนี้น๊า สร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจจัง
29 พฤศจิกายน 2550 11:58 น. - comment id 98448
เพราะเรื่องนี้ไม่มีตัวโกงแบบตาพอง ส่งเสียงกรี๊ดๆ ...แล้วก้อมะด้ายเป็นมือตบด้วยอ่ะค่า คุณโคลอน ขอคุณมากค่ะที่ช่วยแสดงความคิดเห็น
29 พฤศจิกายน 2550 13:04 น. - comment id 98450
แวะ มาทักทายค่ะ เดี๋ยวเข้ามาอ่านใหม่นะคะ
29 พฤศจิกายน 2550 14:03 น. - comment id 98451
โปรดติดตาม ต่อไปได้ เร็ว ๆ นี้
29 พฤศจิกายน 2550 16:12 น. - comment id 98455
ดีจัง อ่านทีไรทำให้รู้สึกสบาย ๆ ความผูกพันธ์ ความเอาใจใส่ ความเข้าใจ.......
30 พฤศจิกายน 2550 11:13 น. - comment id 98467
นีแหละคือครูตัวจริง
30 พฤศจิกายน 2550 16:07 น. - comment id 98477
มีคำตกนิด1 น้องฝันนั่งตบมือเป็นจังหวะบางไม่เป็นบ้าง คำง่าบางน่าจะเป็น"บ้าง"