ขอเพียงเก็บเธอไว้ภายในใจก็พอ ชายหนุ่มพลิกเทปบันทึกเสียงม้วนนั้นกลับไปกลับมานับเป็นครั้งที่เท่าไรเขาเองก็จำมิได้เสียแล้ว ความลังเลเพียงประการเดียวเท่านั้น ทำให้เขาไม่รู้จะส่งมันไปถึงเธอดีหรือไม่ ถ้า ถ้าหากเธอได้รับเล่า เธอจะมีปกิติริยาอย่างไรหนอ บางที..... บางที เขาอาจเป็นชายโรคจิต ในสายตาของเธอก็ได้ แล้วเขาจะนำข้อความใดมาเอ่ยอ้างเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจเล่า จึงจะมีน้ำหนักให้เธอเชื่อ ชายหนุ่มตรองไม่ตก ในที่สุดก็ถอนใจยาวอย่างหนักอก จะว่าไปจริงๆ เขาเองรู้จักกับเธอจากเสียงเท่านั้น ผ่านทางหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นผู้อ่านบันทึกเสียงลงแผ่นซีดีให้คนตาบอดฟัง วันนั้นเขาจำได้ดี ว่าขอยืมหนังสือเสียงเรื่องดังกล่าวเพราะเป็นผลงานของนักเขียนคนโปรดที่เขายังไม่เคยสัมผัสอรรถรสมาก่อน เพียงชื่อนักเขียนก็ทำให้เขาตื่นเต้นนักหนาแล้ว ทว่าที่คิดคาดไปไม่ถึงก็คือ เธอ กลับทำให้เขาตื่นเต้นมากยิ่งไปกว่า เธอ อาสาสมัครผู้มีนามว่า นางสาวอรกมล จิตตานันท์ ผู้ถ่ายทอดทุกอักขระจากหนังสือมาสู่โสตประสาทของเขาได้อย่างมีชีวิตชีวายิ่งยวด ชายหนุ่มเพลิดเพลินกับเสียงใสๆของเธอ ซึ่งสามารถบรรยาย, พรรณนา, ภาพต่างๆให้เขาดูได้กระจ่างจากหัวใจ ตลอดจนความเคลื่อนไหวของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นอากัปกิริยา บทสนทนา แม้แต่อารมณ์ส่วนลึก เธอทำให้เขาหยั่งถึงและซาบซึ้งใจเหลือแสน เธอพาเขาไปดูความงาม ยามอาทิตย์อรุโณทัยสาดแสงแผ่ซ่านทั่วปริมณฑล เธอพาไปดอมดมกลิ่นกรุ่นแห่งผกานานาพันธุ์ เธอทำให้เขาได้ยินเสียงกระเซ็นซ่าของสายน้ำตกอันพุ่งทะยานจากผาสูง เธอช่วยเขาให้ได้เห็นคน ให้ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขไปกับผู้คนเหล่านั้น เธอเสกชีวิตในหนังสือให้มีชีวิตขึ้นมาในมโนวิถีของเขา ชายหนุ่มเพลินฟังแล้วฟังเล่า ท้ายสุดก็ตัดสินใจ วันรุ่งขึ้น เขาเดินทางไปยังห้องสมุดหนังสือเสียงในตอนเช้า เปล่า มิใช่เพื่อยืมหนังสือเรื่องใหม่หรอก แต่.... สวัสดีครับพี่ ชายหนุ่มยกมือไหว้พี่บรรณารักษ์ผู้คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี สวัสดีค่ะ วันนี้ยืมเรื่องอะไรเพิ่มเอ่ย ผู้ทำหน้าที่บริการปราศรัย เปล่าครับ ผมจะมาขอความช่วยเหลือจากพี่น่ะครับ เขาแจ้งความประสงค์ คือ ผมมีหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มหนึ่ง ผมรักมาก อยากจะนำมาฝากอ่านที่นี่ครับ ได้ซีคะ อีกฝ่ายตอบรับ เอามาเลย แล้วพี่จะหาคนอ่านให้ พี่ครับ ผู้อยู่ในฐานะสมาชิกเอ่ยเรียก แล้วนิ่งไปคล้ายไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าวต่อประโยคอันยังไม่จบความ ถ้า ถ้าผมจะขออนุญาตเลือกอาสาสมัครด้วยตัวเอง จะได้ไหมครับ หมายความว่า ผมอยากให้อาสาสมัครท่านนี้อ่าน เพราะอ่านเรื่องสั้นได้ดีมากน่ะครับ ใครล่ะคะ คุณอรกมลครับ อรกมล จิตตานันท์ เขาเจาะจง มีเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์ดังอยู่สักพัก ชายหนุ่มจึงได้รับคำตอบ เอ คุณคนนี้สมัครเป็นอาสาฯ นานแล้วนะคะเนี่ย ไม่ทราบว่าจะติดต่อได้ไหม เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปหรือยัง พี่จะลองเกริ่นๆให้ก่อนนะคะ ได้คำตอบยังไงแล้วจะบอกให้ทราบ ครับ สมาชิกวัยหนุ่มรับคำ แล้วผมจะมารอฟังความคืบหน้าครับ สองวันสำหรับความรู้สึกของเขา เมื่อต้องรอคอยอะไรสักอย่าง ช่างเชื่องช้าเสียนี่กระไร ครั้นเขากลับไปเยือนห้องสมุดอีกครั้ง บรรณารักษ์แจ้งแก่เขาว่า พี่ติดต่อไปหาเขาแล้ว โทร์ไม่ติดค่ะ โทร์ไปทีไร ได้ยินแต่ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ สงสัยจะเปลี่ยนเบอร์แล้วมั้ง คนฟังใจหายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นิ่งอึ้งไปในทันทีที่ได้ยิน จะเปลี่ยนคนใหม่ไหมคะ คำถามนั้นเอง ปลุกสติเขาให้กลับคืน พี่ครับ ถ้า ถ้าผมจะลองติดต่อเขาดูสักครั้ง จะถือเป็นการเสียมารยาทไหมครับ ผมจะบอกเขาว่า ผมเป็นสมาชิกห้องสมุด ได้ฟังหนังสือที่เขาอ่าน เลยอยากจะขอความช่วยเหลือน่ะครับ พี่โทร์หาเขาไม่สำเร็จนะ ถ้าน้องจะลองดูก็ได้ แต่ ก็นั่นแหละ เขาน่าจะเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว พี่ว่า จดเบอร์เดิมเขาไว้ก่อนก็ได้ ในที่สุด หมายเลขโทรศัพท์มือถือจำนวน ๙ ตัว ก็มาอยู่ในมือของเขา ชายหนุ่มจดลงไว้บนกระดาษขนาด A4 แผ่นหนึ่ง เก็บถนอมอยู่ในกระเป๋านานเกือบสัปดาห์ กระทั่งวันหนึ่ง จึงทดลองหมุนหมายเลขนั้น เสียงสัญญาณตอบรับ ทำให้หัวใจเขาไหวระทึก แหละแล้ว...... สวัสดีค่ะ โอ! โอ! โชคเข้าข้างเขาแน่ๆเลย เสียงใสๆของเธอไม่ผิดแม้แต่น้อย ฝ่ายที่โทร์ไปหาถึงกับปากคอสั่น ตื่นเต้นจนพูดไม่ออก สวัสดีค่ะ เธอย้ำคำเดิม คราวนี้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกที่สุด รวบรวมความกล้าก่อนเอ่ยวาจา สวัสดีครับ ขอเรียนสายคุณอรกมล ครับผม กำลังพูดอยู่ค่ะ ผม เอ้อ.....เอ้อ....เป็น เป็น ดูสิ ขนาดควบคุมอารมณ์ ยังไม่หายประหม่าอีกหรือนี่ เป็นสมาชิกห้องสมุดหนังสือเสียงสำหรับคนตาบอดครับ ผมได้เบอร์คุณ เนื่องจากคุณไปสมัครเป็นอาสาสมัครอ่านหนังสือให้พวกเราน่ะครับ อ๋อ... เธอรับทราบแล้วนิ่งไป ผมอยากจะขอรบกวนเวลาคุณสักนิดเพื่อเรียนถามว่า คุณ ยัง เอ้อ.....ยังอ่านหนังสือให้พวกเราฟังอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่าครับ ตอนนี้ ไม่ได้ส่งหนังสือที่อ่านไปแล้วค่ะ เพราะเรียนหนักเหลือเกิน กะว่า ถ้าโอกาสมี ก็จะอ่านไปให้อีกค่ะ คืออย่างนี้ครับ ผมได้ฟังหนังสือรวมเรื่องสั้นที่คุณอ่านแล้วประทับใจมาก คุณอ่านเรื่องสั้นได้อย่างชำนาญ ยอดเยี่ยม สื่อทุกสิ่งทุกอย่างในหนังสือได้แจ่มแจ้ง ผมจึงอยากจะรบกวนคุณ ช่วยกรุณาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งให้ผมฟังน่ะครับ แต่....แต่ทีนี้ ในเมื่อคุณไม่ว่าง ก็ ก็คงไม่รบกวนแล้วหละครับ เรื่องอะไรคะ ชายหนุ่มระบุนามหนังสือที่ต้องการ หญิงสาวบอกว่าจดไว้แล้วเรียบร้อย ถ้าคุณว่างเมื่อไร ผมค่อยขอความกรุณาครับ ตอนนี้ ผมต้องขอโทษคุณเป็นอย่างยิ่งครับ ที่รบกวนเวลา ขอโทษจริงๆครับ ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีทำให้อยู่แล้ว เพราะเห็นความสำคัญตรงนี้ด้วย เช่นนั้น ผมไม่รบกวนแล้วครับ สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ นั่นคือบทสนทนาทั้งหมดระหว่างเขากับเธอ ครั้งแรก และคงจะเป็นครั้งเดียวกระมัง เพราะหลังจากนั้น ชายหนุ่มไม่บังอาจโทรศัพท์ไปหาเธออีก แม้ภายในใจจะอยากได้ยินสำเนียงหวานกังวานใสของหญิงสาวสักเพียงใดก็ตาม เขาทำได้เพียง ฟังเธออ่านหนังสือเรื่องเก่า ซ้ำไปซ้ำมาหลายเที่ยว แต่แล้ว อะไรก็ไม่รู้ ดลใจให้เขาทำในสิ่งซึ่ง เฮ่อ.....ควรจะเรียกว่าบ้าบอดีไหม? คงจะน่าขันพิลึกเชียว หากใครรู้ว่า เขาส่งจดหมายถึงเธอ ผู้หญิงผู้เพิ่งคุยกันแค่หนึ่งครั้ง และมันมิใช่จดหมายลายลักษณ์อักษร แต่เป็นจดหมายเสียง ถึงคุณอรกมลครับ ผมตัดสินใจส่งจดหมายถึงคุณ ผ่านเทปเสียง ผมคือคนที่โทรศัพท์ไปหาคุณ เรื่องขอให้คุณช่วยอ่านหนังสือให้น่ะครับ จดหมายเสียงฉบับนี้ มิได้มีเจตนาแอบแฝงใดๆทั้งสิ้น นอกจากความจริงใจเป็นที่ตั้ง หากข้อความใด ทำให้คุณระคายเคืองใจ ได้โปรดอภัยให้ผมด้วยเถิดครับ ตั้งแต่ผมฟังคุณอ่านหนังสือเรื่องสั้นเรื่องนั้นจบลง ผมบอกตัวเองทันที ว่าคุณคืออาสาสมัครในดวงใจของผมคนหนึ่ง มันก็ทำนองเดียวกับวัยรุ่นนึกนิยมศิลปินดารา หรือนักร้องซึ่งเขาชื่นชอบนั่นแหละครับ ธรรมดา วัยรุ่นเขาเขียนจดหมายหาดารากัน ผม ในฐานะคนตาบอด ไม่มีดาราในดวงใจ จึงขอเขียนจดหมายถึงอาสาสมัครแทน เพราะสำหรับผม คิดว่า อาสาสมัครนั้น คือประทีปอันส่องสว่างกว่าดวงดาวมากมายนัก สำหรับผม คุณเปิดโลกกว้างให้ผมเรียนรู้ ด้วยการทุ่มเทแรงกาย แรงใจอย่างเตมที่ ผมรู้ดีครับว่าคุณเหน็ดเหนื่อยเพียงใดกว่าจะอ่านหนังสือจบสักเล่ม ฉะนั้น คำว่าขอบคุณถือว่าน้อยนักหนา หากเทียบกับมุทิตาจิตของคุณ ผมมั่นใจว่า มีพวกเราหลายคนที่ได้ฟังเสียงคุณแล้ว รู้สึกเช่นเดียวกับผม พวกเรา ผมหมายถึงคนตาบอด รอคอยคุณอยู่เสมอครับ หวังว่า สักวันหนึ่ง คุณจะเมตตามาเป็นประทีปส่องสว่างแก่พวกเราอีกครั้ง โปรดอย่าทิ้งพวกเราไปเลยครับ คนตาบอดอยู่ในความมืดมนตลอดมา หากปราศจากคุณ แหละอาสาสมัครอย่างพวกคุณ ชีวิตของพวกเราก็ปราศจากโคมไฟส่องทาง ต้องตกอยู่ในโลกอันแคบจำกัดตลอดกาล ได้โปรดเถิดครับ ได้โปรดกลับมาเป็นแสงสว่างกลางใจของ พวกเราเมื่อยามใดที่คุณว่าง ผมคงไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้แล้ว ขออนุญาตจบจดหมายเพียงเท่านี้ครับ ชายหนุ่มพลิกเทปบันทึกเสียงม้วนนั้นกลับไปกลับมานับเป็นครั้งที่เท่าไร เขาเองก็จำมิได้เสียแล้ว นี่เขายังมีสัมปชัญญะบริบูรณ์อยู่ใช่ไหม? เหตุใดจึงตัดสินใจจะส่งจดหมายไปให้เธอ ทั้งๆ แม้ที่อยู่ของเธอ เขาก็ยังไม่รู้ จากความลังเลใจในเบื้องต้น ก่อให้เกิดความคิดอื่นๆหลั่งไหลทยอยกันมาเรื่อยๆ ถ้าเขาขอที่อยู่ของเธอจากพี่บรรณารักษ์ได้ และส่งมันไปตามที่อยู่นั้น เธอจะได้รับไหม เมื่อได้รับ เธอจะเชื่อเขาหรือเปล่า? ในเมื่อไม่เคยรู้จักหน้าตากันมาก่อน ในเมื่อยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยคนมดเท็จ เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวง มิจฉาชีพ ความไม่ไว้วางใจ ความหวาดระแวงต่อกัน ฯลฯ เธอจะเชื่อเขาง่ายๆกระนั้นหรือ? เอาหละ.... สมมุติว่าเธอเชื่อ ก็จะมีประโยชน์อะไรเล่า ถ้าหากว่าเธอเงียบหายไม่ตอบจดหมายกลับมา เธอย่อมมีสิทธิ์ทำได้ ความเปล่าเปลี่ยวค่อยๆคลี่เคลื่อนเข้าคลุมหัวใจของเขาเมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เป็นไปได้ไหมว่า ในโลกแห่งความจริง มิใช่เพ้อฝัน เขากับเธอ หรือพูดให้ถูก คนตาบอด กับคนตาดีต่างก็มีโลกเฉพาะของตน การปฏิสัมพันธ์ พ้องพบกัน เป็นเพียงการโคจรมาพบเพื่อพรากในตอนสุดท้าย ถึงอย่างไร สังคมนี้ยังคงมีทัศนคติฝังลึกว่า คนตาบอดกับคนตาบอดเท่านั้นจึงจะเข้าใจกันมากที่สุด พวกเขาไม่รู้หรอกว่า คนตาบอดมิได้อยากถูกจำกัดกรอบให้อยู่แค่ในแวดวง หากประสงค์อยู่ร่วมกับทุกคนในโลกกว้าง อีกครั้ง ชายหนุ่มถอนใจลึกๆ หงอยเหงา เซาซึมเพิ่มขึ้น เขาเคยรับรู้เรื่องราวในยุคสารสนเทศ ผู้คนมีโอกาสรู้จักกันผ่านอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี มันง่ายดายนิดเดียว บางคน พบกันที่ห้องแชทรูม ณ เวปไซต์แห่งใดแห่งหนึ่ง แล้วสานไมตรีต่อเนื่อง บางคน คุยโทรศัพท์กันเพียงหนสองหนก็ต่อสายใยโยงยาวสืบไปได้ แต่กรณีที่ว่ามา คงไม่รวมถึงเขา หรือคนตาบอดคนอื่นๆหรอกนะ ประทับใจอาสาสมัครแล้ว นำไปสู่การผูกมิตร เป็นไปไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด นอกจาก...... นอกจาก เขาจะจัดการกับความรู้สึกดีๆอันเกิดขึ้น โดยแปรให้เป็นความฝัน ความทรงจำคำนึง แม้มันจะก่อให้เกิดความสุขแกมเศร้าลึกๆ ก็ต้องเต็มใจยอมรับ นี่ใช่ไหม หนทางประเสริฐที่สุด และเขาควรวางจดหมายเทปเสียงลงเสียทีใช่หรือไม่ พร้อมๆกับถามตนเอง ชายหนุ่มก็ค้นพบคำตอบ สวัสดีค่ะ วันนี้มายืมหนังสืออะไรอีก มีหนังสือออกใหม่เยอะเชียว พี่บรรณารักษ์ต้อนรับเขาเช่นเคย เธอเป็นกันเองกับสมาชิกห้องสมุดทุกคน ผมไม่ได้มาขอยืมครับ แต่มาขอทำสำเนาซีดีหนึ่งแผ่น เอาเรื่อง...... แน่หละ เรื่องซึ่งเขาระบุ คือเรื่องที่มีเสียงของเธอ ชั่วเวลาไม่นาน ซีดีแผ่นกลมๆก็มาอยู่ในมือ ชายหนุ่มชำระเงิน ก่อนจะอำลามา นับแต่นี้เป็นต้นไป ยามเมื่อเขาระลึกถึงเธอ เขาจะมีเสียงเธอเป็นเพื่อน และอยู่กับเขาไปนานแสนนาน เพราะเขาไม่จำเป็นต้องนำซีดีแผ่นนี้มาคืนอีกแล้ว ในเมื่อมันเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาโดยสมบูรณ์ เล่าเรื่องเก่าให้ผมฟังอีกสักร้อยเที่ยวนะครับ เขารำพึงแผ่วเบา ผมจะฟังคุณโดยไม่เบื่อเลย สำหรับผม ขอแค่ให้ได้เก็บเสียงคุณ เก็บความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับคุณไว้ในใจชั่วนิรันดร์ ก็เป็นสุขยิ่งแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆครับ (๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐) หมายเหตุ ชื่ออาสาสมัครในเรื่อง เป็นชื่อสมมุติขึ้นทั้งสิ้น หากนามนี้ไปพ้องกับนามของท่านใด โปรดได้รับการขอขมาจากผู้เขียนไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับผม
17 พฤศจิกายน 2550 09:48 น. - comment id 98324
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันชื่ออรกมล จิตตานันท์ ได้มาเป็นอาสาสมัครที่นี่ ฉันไม่เคยนึกเลยว่า มันจะทำให้ฉันเปลี่ยนไปตลอดกาล ทุกอย่างรอบตัวฉันช่างดูมีคุณค่าเหลือเกิน ฉันได้รับรู้ความรู้สึกของพวกคนตาบอดผ่านการพูดจาและการสัมผัส ฉันรู้สึกว่าพวกคุณไม่ต่างอะไรกับพวกเราที่ตาดีเลย บางครั้งกลับดียิ่งกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าโลกที่เรามองเห็นช่างโหดร้ายยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก การทำงานในห้องสมุดแห่งนี้ทำให้ฉันรู้จักกับใครคนหนึ่งคนๆนั้นเป็นขาประจำของที่นี่ ทุกวันเขาต้องมายืมม้วนเพื่อไปฟัง แต่ฉันสังเกตเห็นบางอย่างที่แตกต่างจากคนอื่นคือเขามักยืมเทปที่เป็นเสียงของฉัน ฉันดีใจมากที่มีคนยอมรับฟังเสียงที่ฉันอัดลงในเทปเพราะฉันทำด้วยใจจริงๆ ช่วงหลังๆเขาทำท่าทางแปลกๆดูเขาเขินๆเวลาคุยกับฉันและฉันรู้สึกว่าเขาน่ารักดี ทุกครั้งที่ฉันคุยกับเขา ช่างเป็นช่วงเวลาที่ฉันสบายใจและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก บอกตามตรงฉันไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างนี้เลย ฉันได้แต่เก็บมันเอาไว้ในใจคนเดียว เมื่อหลายวันที่แล้วฉันได้รับจดหมายของเขา ที่บันทึกในเทปมาให้ฟัง ฉันรู้สึกดีใจมาก แต่แล้วหยดน้ำใสๆก็ร่วงลงมาจากตาของฉัน มันเป็นความรู้สึกที่เหงาและเดียวดาย เพราะในเดือนหน้าฉันต้องไปเรียนที่อเมริกา ฉันได้รับทุนเรียนต่อป.โท ฉันไม่อยากจากที่นี่ไปเลย ที่ๆฉันได้พบกับเขา ฉันจะเก็บคุณไว้ชั่วนิรันดร์ ลาก่อนค่ะ (ขออภัยที่บังอาจต่อเรื่องของพี่ตราชูนะจ้า)
24 พฤศจิกายน 2550 14:08 น. - comment id 98360
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน สวัสดีคุณตะละแม่จันทราด้วยครับผม เรื่อง ขอเพียงเก็บเธอไว้ภายในใจก็พอ ส่วนหนึ่งเกิดจากประสบการณ์ของผู้เขียน อีกส่วนคือจินตนาการครับ จุดประสงค์ที่เขียน คือปรารถนาจะเรียนอาสาสมัครทุกท่านว่า ท่านมีพระคุณแก่พวกเราคนตาบอดอย่างยิ่งยวด สุดที่จะตอบแทนได้ครับผม