สองวีรบุรุษแห่งขุนน้ำแม่ทา
เก็จถะหวา
คำป้อสาวสวยแห่งขุนน้ำแม่ทา นอกจะเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติของกุลสตรีแล้ว
เธอยังชอบกอบก่อกองบุญกองกุศลอีกด้วย
คราวครั้งหนึ่ง มีภิกษุหนุ่มรูปงาม ผู้แลดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อยสมกับ
พระผู้ครองศีลวัตรอย่างน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ธุดงค์ผ่านมาแวะพัก
จำพรรษาอยู่ที่วัดในหมู่บ้านขุนทาแห่งนี้
คำป้อคนงามก็มีจิตศรัทธาแรงกล้านำอาหารคาวหวานไปถวายทานแทบทุกวัน
แถมยังนั่งสนทนาธรรมกับท่านอีกครั้งละนานๆ จนผิดสังเกต
เจ้าหนุ่มนพดลลูกชายพ่อกำนันแปงผู้ที่หมายปอง สาวเจ้าเหมือนดั่งมดแดงแฝงพวงมะม่วงมานานถึงกับคิดหนักจนต้องหารือลูกน้องคนสนิทที่เฝ้าติดตาม
"น้องคำป้อเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย นับตั้งแต่ไอ้เถรหนุ่มฟ้อนั่นมันมาจำวัดอยู่หมู่บ้านเรานี่น้องคำป้อเปลี่ยนไปคนละคนเลย กูว่ามันชักจะยังไงๆ อยู่นา"
" จัดการมันเลยไหมพี่?" ลูกน้องคนนิทผู้ติดตามเสนอตัวรับใช้เพื่อประจบเอาใจนายตามประสาผู้จงรักภัคดี
" เฮ่ย! ใจเย็นๆ คอยดูมันไปก่อน ไม่อยากเป็นบาปติดตัวว่ะ เกิดที่แท้มันเป็นพระสุฏิปันโน ขึ้นมาแล้ว กูก้อซวยตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดได้เกิดเชียวนาเว้ย!"
ถึงบ้าดีเดือดเลือดพล่านอย่างไรเพราะถูกตามใจมาตั้งแต่เล็กในฐานะลูกชายคนเดียวของผู้มีอิทธิพลในเขตตำบลแม่ทานี้ แต่นพดลก็ยังครองสติไว้ได้เสมอ
แม้นพดลจะสุดแสนจะหวั่นใจและหวาดระแวงในตัวสาวเจ้าคำป้อ กลัวว่าเธอจะมีจิตปฏิพัทธ์ต่อภิกษุหนุ่มน้อยรูปงามนั่นปานใดก็ตาม เขาก็ยังไม่วู่วาม เพราะยังมีหิริโอตตัปปะ (ความละอายใจต่อบาป)อยู่เสมอเพราะเขาถูกปลูกฝังและเสี้ยมสอนมาให้เป็นผู้นำที่มีใจหนักแน่นและได้ตัวอย่างความเป็นสุภาพบุรุษนักเลงลูกทุ่งอย่างเต็มตัวจากพ่อกำนันแปงนั่นเอง
"ลูกพี่นี่ ทำเป็นคนใจพระอีกแล้ว ฉันห่วงแต่ว่าเขาจะเป็นพระแต่ใจเป็นคน(ปุถุชน)
นะสิ เดี๋ยวก็ชวด หนู ฉลู ขาล เถาะกันพอดี คนชีช้ำก็พี่ไง จะแย่นา" ลูกน้องคนสนิทบอกเตือนให้คิดระแวงตามประสามิตรสอพลอ ยุให้คิดชั่ว ทำชั่ว
"เออ! ใจเย็นๆ ไว้กูไปคุยกับมันเอง ให้มันรู้เรื่องรู้ราวไปเลย "
แล้วรุ่งเช้าวันต่อมา ณ วัดประจำหมู่บ้านก็พลันปรากฏร่างชายหนุ่มนพดล เขาลงทุนสั่งสาวใช้ทำอาหารกับข้าวคาวหวานเป็นพิเศษเพื่อนำไปถวายให้พระภิกษุหนุ่มรูปนั้น
สองหนุ่มผู้ต่างอุดมการณ์แต่จิตใจตรงกัน นพดลสนทนาธรรมกับภิกษุหนุ่มอย่างเปิดอก ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
ข่าวเรื่องนพดลไปวัดเป็นเรื่องเป็นราวให้ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา
เมื่อสาวคำป้อได้สดับตรับฟังเรื่องราวดังกล่าว เจ้าหล่อนก็รู้สึกไม่สบายใจ ไม่ชอบใจนพดลชายหนุ่มผู้เลือดร้อน และรู้สึกห่วงหลวงพี่หนุ่มรูปงามจะไม่เป็นอันประพฤติปฏิบัติธรรม เธอรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธอ
เธอรีบรุดไปยังวัดทันทีในเย็นวันนั้น ขณะที่หลวงพี่กำลังนั่งบำเพ็ญสมาธิภาวนาอยู่ใต้ต้นไม้ร่มครึ้มด้วยท่าทางสงบเย็น ไม่มีทีท่าว่าจะร้อนหนาวกับเหตุการณ์ที่เธอห่วงนักหนา
ดูประหนึ่งภิกษุหนุ่มจะล่วงรู้และกำลังรอคอยการมาของสาวเจ้า พอเธอเหยียบเท้า
ย่างกรายเข้าใกล้บริเวณนั้นท่านก็ลืมตาขึ้น ร้องถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างผู้มีเมตตาจิต
"นั่นโยมคำป้อนี่ จะไปไหนหรือท่าทางรีบร้อน"
คำป้อรีบเข้าไปกราบและนั่งพับเพียบเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีไทยผู้งดงามทุกกระเบียดนิ้ว
" โอย ท่านช่างนั่งใจเย็นอยู่ได้ ท่านไม่รู้หรือแกล้งทำเฉยกันแน่ พวกมารร้ายกำลังจะมาทำลายศีลอันบริสุทธิ์ของท่านเสียแล้ว เห็นทีท่านจะต้องป่นปี้กันคราวนี้"
คำป้อพูดละล่ำละลักด้วยท่าทีร้อนรนจนภิกษุหนุ่มแปลกใจ
"นี่มันอะไรกันนักหนา แค่โยมน้องคำป้อมาทำบุญที่วัดบ่อยๆ ทำไมต้องโกรธกันมากมาย เป็นแฟนกันอย่างไรเนี่ยไม่ให้เกียรติกันเลยนะ"
"สำหรับคนคนนี้ไม่มีเหตุผลหรอกค่ะ เขามีอำนาจทำได้ทุกอย่าง คำป้อไม่ได้รักใคร่ใยดีเขา ยังต้องยอมรับหมั้นเขาเลย"
คำป้อพูดแล้วก็ก้มหน้านิ่งอั้น ยามนั้นทั้งสองต่างเงียบงันไปสักครู่ใหญ่ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
"อย่างไรท่านก็ต้องระวังตัวนะเจ้าคะ ดิฉันเป็นห่วงกลัวว่า..............."
"เขาจะทำร้ายอาตมาอย่างนั้นหรือ โอ อานุภาพแห่งรักอะไรจะร้อนแรงชั่วร้ายปานนั้น"
"ท่านยังจะมาทำพูดเล่นอีก คำป้อซีเรียสนะเจ้าคะ"
"อาตมาไม่มีอาวุธอะไร นอกจากเมตตาธรรม"
"สาธุ! ขอให้ท่านปลอดภัย คลาดแคล้วจากมารอันตรายใดๆ ทั้งหลายทั้งปวงด้วยเถิด"
คำป้อมองภิกษุหนุ่มด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความยึดมั่นศรัทธาท่วมท้นล้นดวงใจ
ภิกษุหนุ่มสบตาพลันต้องหลบวูบด้วยเกรงว่า สายตาคมคู่นั้นจะทำให้ตบะบารมีจะต้องสั่นคลอน สักครู่คำป้อก็กราบลา และกลับสู่บ้านของเธอด้วยหัวใจหนักอึ้ง
พลบค่ำวันนั้นที่ร้านกาแฟประจำหมู่บ้านหนุ่มนพดลและลูกน้องคนสนิทพลันปรากฏกายขึ้น
"เจ็บใจแทนลูกพี่นัก นี่แหละผมเตือนแล้วไม่เชื่อ แหม! เดี๋ยวนี้ เช้าถึงเย็นถึง ฮึ! ดวงใจนารีมีอะไร อยากควักออกมาดูเสียจริง เจ้าเถรหนุ่มนั่นก็เหมือนกัน ทำทีเป็นเคร่งครัดปฏิบัติที่แท้ก็แค่สมมุติสงฆ์ รู้งี้จัดการมันตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาในหมู่บ้านเราแล้ว ไม่ปล่อยให้มันย่ำยีหัวใจลูกพี่ถึงเพียงนี้หรอก"
วันต่อมาข่าวการหายไปจากวัดของภิกษุหนุ่ม หลังจากที่นพดลไปถวายอาหารเช้าและสนทนาธรรมกับท่านในเช้าวันนั้น เป็นเรื่องที่ชาวบ้านคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิดว่าต้องไป
แต่มีเหตุการณ์ที่สำคัญกลายเป็นเรื่องราวข่าวใหญ่ยิ่งกว่าข่าวการจากไปอย่างเงียบๆ ของพระภิกษุหน่ม ข่าวเด่นข่าวดังที่มาเบี่ยงเบนความสนใจของชาวบ้านไปได้ นั่นคือ ข่าวพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของลูกชายคนเดียว หัวแก้วหัวแหวนของพ่อกำนัน
เจ้าหนุ่มนพดล นั่นเอง
กำนันแปงจัดงานยิ่งใหญ่สมเกียรติศักดิ์ศรี ของท่าน นอกจากเลี้ยงฉลองงานแต่งงานแล้วยังถือโอกาสหาเสียงให้กับนพดลลูกชายซึ่งหมายว่าจะได้รั้งตำแหน่งกำนันแห่งขุนแม่ทาคนต่อไป
ใต้ร่มบุญ
เวลา 20 ปีผ่านไป ท่านกำนันนพดลกลายเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งขุนแม่ทาไปแล้ว เพราะเขาเป็นนักการปกครองที่สามารถ บริหารลูกบ้านจำนวนมากให้อยู่ในความสุขสงบตลอดมา และยังเป็นนักพัฒนางานผู้เก่งกาจ มีผลงานต่างๆ เป็นที่ยอมรับจนได้รับรางวัลแหนบทองคำในฐานะดำรงตำแหน่งกำนันดีเด่นแห่งชาติ ประสบการณ์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตลูกผู้ชายอย่างเขาทำให้เขาก้าวอย่างมั่นคงและสง่างาม
และแล้วก็ถึงเวลาโคจรกลับมาของพระภิกษุหนุ่มซึ่งเคยเป็นคู่อริกันมาในอดีต ณ ที่วัดแห่งเดิมแต่ต่างกันแค่ วัน เวลา สองบุรุษผู้สูงวัยและต่างมากด้วยประสบการณ์ทั้งคู่ นั่งสนทนาธรรมกันอย่างสงบและยินดี คือ มีทั้งปิติและสันติ
ใต้ร่มบุญ
เวลา 20 ปีผ่านไป ท่านกำนันนพดลกลายเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งขุนแม่ทาไปแล้ว เพราะเขาเป็นนักการปกครองที่สามารถ บริหารลูกบ้านจำนวนมากให้อยู่ในความสุขสงบตลอดมา และยังเป็นนักพัฒนางานผู้เก่งกาจ มีผลงานต่างๆ เป็นที่ยอมรับจนได้รับรางวัลแหนบทองคำในฐานะดำรงตำแหน่งกำนันดีเด่นแห่งชาติ ประสบการณ์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตลูกผู้ชายอย่างเขาทำให้เขาก้าวอย่างมั่นคงและสง่างาม
และแล้วก็ถึงเวลาโคจรกลับมาของพระภิกษุหนุ่มซึ่งเคยเป็นคู่อริกันมาในอดีต ณ ที่วัดแห่งเดิมแต่ต่างกันแค่ วัน เวลา สองบุรุษผู้สูงวัยและต่างมากด้วยประสบการณ์ทั้งคู่ นั่งสนทนาธรรมกันอย่างสงบและยินดี คือ มีทั้งปิติและสันติ
" ถ้าคุณโยมกำนันไม่มาเตือนสติอาตมาวันนั้น อาตมาต้องแย่แน่ ๆ ใจคนหนุ่มมันร่ำๆจะทำผิดให้ได้ เขาถึงว่าอำนาจใด ๆไม่เท่าเสน่ห์อิสตรี"
" โธ่! หลวงลุงเก่งอยู่แล้วครับ ไม่มีอำนาจใดๆ มาทำลายตบะบารมีท่านได้ง่ายๆหรอกครับ"
" ไม่แน่หรอกนะ พระที่ว่าเก่งๆ เสียทีมายาหญิงมานักต่อนักแล้ว อ้อ! แล้วโยมกำนันไปกล่อมอีท่าไหนล่ะ เขาถึงยอมตกล่องปล่องชิ้นด้วยแต่โดยดีนะ"
" ผม สารภาพกับท่านเลยครับว่าผิดศีล ใช้เล่ห์กลด้วยครับ ไม่งั้นก็ไม่สำเร็จ ผมบอกเขาว่าจริงๆ ท่านมีเมียแล้ว ท่านบวชเพื่อศึกษาธรรมพรรษา สองพรรษา เดี๋ยวก็สึกออกไปอยู่กะเมียตามเดิม"
"เชื่อเลยเหรอ ทำไมหลอกได้ง่ายๆ"
" ไม่เชื่อหรอกครับ"
" อ้าว! แล้วทำไง "
" ผมก็ยืนยันด้วย จดหมายลาของท่าน พร้อมด้วยภาพถ่าย ของท่านกับน้องสาวและหลานชายที่ท่านให้ไว้ ซึ่งผมแอบเขียนด้านหลังว่า กับลูกและเมียรักในดวงใจครับ พอเห็นภาพเขาก็อึ้งเศร้าเลยครับเข้าใจว่าจริง แล้วก้อ โกรธท่านเลยครับ ตกปากรับคำแต่งงานกับผมโดยดี"
" เป็นบุญของอาตมาและโยมจริงๆ ที่สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์แห่งอารมณ์มาได้ ช่างยากเสียจริงนะ กิเลสทั้งสามกองเนี่ย โยมก็เก่งนะ"
" ท่านเก่งกว่าผมเยอะ ผมแค่ชนะในเกมตามใจตน แต่ท่านสามารถต่อสู้กิเลสในตนชนะนับว่า
สุดยอดครับ"
" เราต่างต่อสู้เพื่อหนทางแห่งตนนะ"
"ครับ" ทั้งสองหัวเราะประสานเสียงกันอย่างมีความสงบสุข...............................จบ